เช็คก่อนซื้อ กับ ไอโฟน 8 /8 พลัส และไอโฟน 10 ต่างกันแค่ไหน?

ในที่สุดแอปเปิล เจ้าของผลิตภัณฑ์ไอโฟนซีรีย์ ก็ถือฤกษ์เอาวันนี้ เปิดตัว ไอโฟนตัวใหม่พร้อมกันทีเดียว 3 รุ่น คือ ไอโฟน 8, 8 พลัส และ 10 (X ในที่นี้หมายถึง เลขสิบแบบโรมัน) แม้ก่อนหน้านี้ จะมีข่าวว่าข้อมูลไอโฟนรุ่นใหม่รั่วออกมาก่อนวันเปิดตัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้สาวกแอปเปิลลดความสนใจและหมดความตื่นเต้นที่อยากสัมผัส แต่ออกมาทีเดียว 3 รุ่น อย่างนี้ แล้วรุ่นไหนจะเหมาะที่สุด เรียกว่าคุ้มค่าทั้งการใช้งานและเงินในกระเป๋า

ไอโฟน 10 ถือว่าเป็นมากกว่าไอโฟนรุ่นก่อน ทั้งการดีไซน์ใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยหน้าจอ OLED แบบชิดขอบที่สว่างและสดใส กล้องหน้าความละเอียดสูง ระบบชาร์จไฟแบบไร้สาย (ไอโฟน 8 และ 8 พลัสก็มีระบบนี้ด้วย) และระบบปฏิบัติอันทรงพลังที่แอปเปิลเคยออกแบบมา พูดอีกอย่าง มันคือสมาร์ทโฟนระดับหรูหรา และมันก็ตามมาด้วยราคาที่ไม่เบาเลย ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 1 พันดอลลาร์หรือ 33,xxx บาท การมีไอโฟนรุ่นใหม่ในปีนี้ ไม่ได้ทำให้คุณถึงกับกระเป๋าฉีก แม้ว่าแอปเปิลยังมี ไอโฟน 8 และ 8 พลัส ก็ยังราคาสูงอยู่ดี (แต่ก็ไม่ได้มีสีสันฉูดฉาดเท่ากับไอโฟน 10)

ด้วยการดีไซน์ใหม่ทั้งกรอบหลังแบบแก้ว กล้องที่ดีขึ้น ฮาร์ดแวร์ที่เร็วขึ้นและแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานขึ้น

บรรยายแค่นี้ อาจไม่เพียงพอ ลองมาเปรียบเทียบสเปครุ่นต่อรุ่นแบบละเอียดกันดีกว่า

  1. สเปคเครื่อง

เมื่อเทียบดูเรื่องการแสดงผลแล้ว ทั้งไอโฟน 10 และไอโฟน 8 ทั้ง 2 รุ่น จับคู่กันได้ดีกว่าที่คาดหวังไว้ ไมโครชิปประมวลผล แบบ เอ11 ไบโอนิกอันใหม่ล่าสุดของไอโฟนที่มีอยู่ทั้ง 3 รุ่น ที่ประกอบเข้ากับแกนเอกเทศทั้ง 6 ส่วน โดยเป็นแกนพลังสูง 2 ส่วนและแกนประสิทธิผลอีก 4 ส่วน ทำให้พลังแบตเตอรี่กับการแสดงผลเป็นอย่างสมดุล ชิปสั่งการที่ออกแบบโดยแอปเปิลจะแบ่งหน้าที่ไปแต่ละแกนเอกเทศของซีพียู ส่งผลดีมากต่อแบตเตอรี่ในขณะส่งอีเมล์ เล่นเพลงหรือแอพลิเคชั่นซึ่งไม่ต้องใช้พลังการประมวลผลมากนัก

แอปเปิลกล่าวว่า ชิปแบบ เอ11 ไบโอนิกจะเร็วกว่ารุ่น เอ10 ฟิวชั่นที่อยู่ในไอโฟน 7 และ 7 พลัส ในการทำงานแต่ละวัน รวมถึงรองรับเกมส์และแอพลิเคชั่นที่กินกราฟฟิศสูงๆได้เร็วขึ้นอีก 30 เปอร์เซ็น และทั้งรุ่น X และ 8 มีพื้นที่เก็บมากทั้งแบบ 64 กิกกะไบต์และ 256 กิกกะไบต์ ให้เราเก็บแอพ เพลงหรือหนังได้เพียงพอ แต่ด้วยแรมที่รุ่น 8 พลัสและ X มีคือ 3 กิกกะไบต์ ต่างกับรุ่น 8 ที่มีเพียง 2 กิกกะไบต์ แต่นั้นขึ้นอยู่กับคุณใช้งานหนักแค่ไหน

เมื่อดูประสิทธิภาพแบบแต่ละข้อแล้ว ในเรื่องสเปค ผู้ชนะคือ รุ่น 8 พลัสและ 10

 

2. ตัวแสดงผล, การดีไซน์และความทนทาน

สิ่งที่ทำให้ทั้ง 3 รุ่น แตกต่างกันอย่างเห็นชัดคือ ความสุนทรีย์ โดยเมื่อดูด้านหน้าเครื่อง ทั้งรุ่น 8 และ 8 พลัส มองแล้วแทบไม่เหมือนรุ่น 10 เพราะไอโฟน 10 มีหน้าจอความละเอียดสูงแบบ OLED ขนาด 5.8 นิ้ว ที่ให้ความละเอียด 2,436 x 1,125 พิกเซล ซึ่งแต่ละพิกเซลในหน้าจอจะสว่างหรือมืดได้ตามที่ต้องการ แสดงภาพค่าความต่างแบบพิเศษและสีที่แม่นยำ ด้วยเทคโนโลยีทรูโทนของแอปเปิลจะปรับค่าสมดุลสีขาวโดยอัตโนมัติเพื่อเกิดสภาพแสงสว่างรอบและรอยอันโดดเด่นด้านบนรองรับกับกล้องหน้า, หูฟัง,และเซ็นเซอร์ตรวจจับความลึก อีกทั้งไอโฟน 10 ยังเป็นไอโฟนรุ่นแรกที่รองรับวิดีโอแบบ HDR วิดีโอที่ใช้แบบเดียวกับโดลบี วิชั่น ทำให้ได้สีภาพที่สว่างและสดใสได้ดีกว่าแบบอื่น

ขณะที่รุ่น 8 และ 8 พลัสมีปุ่มโฮม แต่รุ่น 10 เปลี่ยนแถบปุ่มโฮมเป็นซอฟต์แวร์บาร์ เมื่อจะใช้งาน เพียงแค่กวาดนิ้วจากล่างเพื่อไปยังหน้าจอโฮมและหน้าจอนั้นจะหายไปเมื่อไม่ได้ใช้งาน

ส่วนระบบเซ็นเซอร์เพื่อเปิดใช้งาน รุ่น 10 จะใช้การสแกนใบหน้าแทนลายนิ้วมือ อย่างไรก็ตาม ไอโฟน 10 มีชุดวัดเซ็นเซอร์แบบคมลึกที่เชื่อมกับตัวรับแสง ซึ่งจะบันทึกข้อมูลแบบละเอียด ด้วยการร่วมกันของข้อมูลจากกล้องหน้าที่สร้างภาพ 3 มิติที่สมบูรณ์ที่เรียกว่า ทรู-ดีฟและเทคโนโลยีสนับสนุนอย่าง “อนิโมจิ” ที่อยู่ใน iOS 11 ของไอโฟน 10 และด้วยหน้าใหม่นี้จะป้องกันมือถือด้วยการล็อคเวลาที่คุณมองมือถือ

แม้ต่อให้เราเปลี่ยนรูปลักษณ์ แต่ระบบเฟสไอดี ที่เก็บรายละเอียดใบหน้าผู้ใช้งานมากถึง 6 แสนล้านต่อวินาที มันจะเก็บรูปทรงและขอบหน้าที่เป็นลักษณะเฉพาะของคุณไว้ เรียกว่าต่อให้ไปเปลี่ยนสีผมหรือมีหนวดเคราเฟิ้ม มันก็ยังจำคุณได้ อีกทั้งแอปเปิลยังอ้างว่าระบบเฟซไอดีปลอดภัยกว่าทัชไอดี

และแน่นอน ผู้ชนะในเรื่องดีไซน์ ตกเป็นของ ไอโฟน 10

 

3. ระบบซอฟต์แวร์

ทั้งๆที่ ไอโฟนทั้ง 3 รุ่น มีระบบซอฟต์แวร์ที่เหมือนกันอย่าง iOS 11 แต่ไอโฟน 10 ยังมีจุดต่างกันจากรุ่นอื่นนิดเดียว คือ ระบบ ‘แอนิโมจิ’ หน้าตาของระบบนี้ จะใช้กล้องจับความลึก ซึ่งจะใช้เสียงของเราและสะท้อนอารมณ์ของเรา สร้างข้อความภาพเคลื่อนไหวแบบกำหนดเอง การแสดงสีหน้าเช่น หยักคิ้ว ขมวดคิ้ว ยิ้ม หรือพยักหน้าจะถูกเขียนเป็นอีโมจิและส่งไปพร้อมกับข้อความเสียง ซึ่งเฟซไอดีที่อยู่ในไอโฟน 10 จะล็อคหน้าจอด้วยรูปลักษณ์ของคุณ ตัวสแกนข้างหน้าจะบันทึกโครงสร้างใบหน้าไว้ และเมื่อคุณมองไปยังหน้าจอไอโฟนเอ็กซ์ มันจะปลดล็อกให้ทันที

นอกจากนี้ ระบบ iOS 11 ยังมีหน้าตาพิเศษเพิ่มอีกคือ อาร์เอคิต หรือระบบสร้างความจริงเสริมของแอปเปิล เพื่อได้ประสบการณ์รับชมแบบเสมือนจริง สามารถสร้าง PDF ไฟล์จากซาฟารี และใช้คียบอร์ดมือเดียวในไอโฟน รวมถึงเครื่องมือบนหน้าจอใหม่ที่ทำให้คุณสามารถเก็บภาพในแบบต่างๆได้ และยังสามารถพิมพ์ไปหาสิริที่มีเสียงธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งคุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในคู่มือแนะนำ

ด้านนี้ ถือว่าไอโฟน 10 ได้ไปเพราะความพิเศษที่เพิ่มเข้ามา

4. ราคาและการใช้งาน

ไอโฟน 10 อาจมีสมรรถนะดีกว่าไอโฟน 8 และ 8 พลัส แต่ก็นั่นทำให้แพงกว่าด้วย โดยไอโฟน 10 ขนาดความจุ 64 กิกกะไบต์ เริ่มราคาอยู่ที่ 33,xxx บาท มีทั้งสีเงินและสเปซเกรย์ เริ่มเปิดจองกันได้ตั้งแต่ 27 ตุลาคม และเริ่มวางจำหน่าย 3 พฤศจิกายน

ส่วน ไอโฟน 8 ความจุ 64 กิกกะไบต์ ราคาอยู่ที่ 23,xxx บาท มีทั้งเงิน ทองและสเปซเกรย์ มากกว่าไอโฟน 7 อยู่ 1,654 บาท ส่วนไอโฟน 8 พลัส ราคาอยู่ที่ 26,xxx บาท เริ่มวางจำหน่าย 15 กันยายน และเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่ 22 กันยายนนี้

 

สรุป : ไอโฟน 8 เอามงไปเลย!

ไอโฟน 10 อาจดูแพงก็จริง แต่ก็เป็นก้าวสำคัญของบริษัทเทคโนโลยีที่ล้ำค่าที่สุดในโลก เพราะเป็นไอโฟนรุ่นแรกที่ใช้จอ OLED แบบไร้ขอบและกล้องตรวจจับความละเอียดสูง เป็นไอโฟนรุ่นแรกที่เอาปุ่มโฮมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของไอโฟนออกไป และเป็นรุ่นแรกที่ชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย ไอโฟนเอ็กซ์ อาจมีอะไรใหม่ก็จริง แต่ราคาที่จ่ายก็แพงมาก(ลากเสียงยาว)

ส่วนไอโฟน 8 กับ 8 พลัส อาจไม่มีหน้าจอแบบเดียวกับไอโฟน 10 หรือระบบสแกนหน้า 3 มิติ แต่ด้วยราคาที่จ่ายน้อยกว่าเกือบหมื่นบาท อีกทั้งข่าวลือที่ว่าไอโฟน 10 จะขาดตลาดแน่นอน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดีถ้าจะรออีกสักหน่อยก็ได้

หากเอาพื้นฐานที่กล่าวมา ถ้าคุณพอใจกับตัวประมวลผลที่เร็วขึ้น ชาร์จแบบไร้สายหรือแบตเตอรี่นานขึ้น คุณอาจมีความสุขมากกับไอโฟน 8 แต่ถ้าหากหน้าตาของไอโฟน 10 มันน่าเย้ายวนมากเหลือเกิน คุณอาจคิดจะคว้ามัน แต่กระเป๋าสตางค์คุณคงไม่ยินดีแน่นอน


ที่มา : Digitaltrends.com