ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 เมษายน 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | ภาพยนตร์ |
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
ภาพยนตร์
นพมาส แววหงส์
KING RICHARD
‘ปั้นดินให้เป็นดาว’
กำกับการแสดง
Reinaldo Marcus Green
นำแสดง
Will Smith
Aunjanue Ellis
Saniyya Siduay
Demi Singleton
Jon Bernthal
Tony Goldwyn
หนึ่งในสิบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่เข้าชิงออสการ์ปีนี้คือ King Richard
ป่านนี้ก็คงรู้ดำรู้แดงกันไปหมดแล้วนะคะว่าหนังเรื่องไหนหรือใครได้เข้าสู่เส้นชัยกันไปบ้าง แต่ขณะที่เขียนคอลัมน์นี้ยังต้องรอลุ้นผลกันอยู่
King Richard ไม่ใช่เรื่องของพระเจ้าริชาร์ดองค์ไหนของอังกฤษ และไม่ใช่หนังประวัติศาสตร์ด้วยซ้ำ ถ้าไม่นับว่าเป็นเรื่องราวของการสร้างประวัติศาสตร์แบบหนึ่งในวงการเทนนิส
แต่เป็นเรื่องราวของสามัญชนผู้ใช้แรงงานที่ตั้งเข็มชีวิตไว้สูงลิ่ว และมุ่งมั่นแน่วแน่ในการพาตัวเองให้พ้นจากบ่วงอันร้อยรัดของสภาพแวดล้อมซึ่งคอยเหนี่ยวรั้งไม่ให้พลิกชีวิตให้ดีขึ้น
ริชาร์ด วิลเลียมส์ (วิลล์ สมิธ ในบทที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสาขาบทหลักของนักแสดงชาย) ทำงานในบริษัท รปภ.ตอนกลางคืน เขาแต่งงานกับพยาบาลม่ายลูกติดสามคน ชื่อออราซีน “แบรนดี้” (ออนจานู เอลลิส ในบทที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสาขาบทสมทบของนักแสดงหญิง) และครอบครัววิลเลียมส์อาศัยอยู่ในคอมพ์ตัน แคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นย่านคนใช้แรงงานผิวดำ
ริชาร์ดมีความฝันสูงส่งสำหรับตัวเองและครอบครัว นั่นคือการพาครอบครัวไปให้พ้นจากวงจรอุบาทว์ของยาเสพติดและอาชญากรรมที่แพร่สะพัดอยู่ในย่านคนที่หาเลี้ยงชีพด้วยความยากลำบากและมั่วสุมกลายเป็นอันธพาลหรือโจรไปอย่างเลี่ยงไม่พ้น
ริชาร์ดวาดแผนการใหญ่ไว้ให้แก่ลูกสาวตั้งแต่ยังไม่ลืมตามาดูโลก และเขามีลูกสาวสองคนกับออราซีน
สองสาวพี่น้อง มีอายุห่างกันเพียงปีเดียว ชื่อวีนัส และเซรีนา
ห้าสาวพี่น้องนอนแออัดรวมกันอยู่ในห้องนอนเดียวอย่างสมานสามัคคีกลมเกลียว โดยที่พ่อคอยให้ความหวังว่าอีกหน่อยทุกคนจะได้นอนกันคนละเตียงโดยไม่ต้องเบียดเสียดยัดเยียดกันอีกแล้ว
ทุกวัน ริชาร์ดจะพาลูกทั้งห้าไปฝึกเทนนิสอย่างเอาจริงเอาจังที่คอร์ตโทรมๆ ในละแวกบ้าน โดยมีอันธพาลผิวดำประจำถิ่นคอยปากหมาเกี้ยวพาราสี ระรานไม่หยุดปาก
ตกค่ำเมื่อภรรยากลับบ้านหลังจากทำงานเป็นพยาบาลสองกะ เขาก็ออกจากบ้านไปทำงาน รปภ. กะกลางคืน
มีเพื่อนบ้านมองเหตุการณ์ความเป็นไปในครอบครัววิลเลียมส์อย่างไม่ชอบใจ และด้วยความเผือกทนไม่ไหว จึงใส่เกือกไปแจ้งเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ว่าบ้านนี้เข้มงวดเคี่ยวเข็นทารุณเด็กผู้ไร้เดียงสา
จนตำรวจมาเยี่ยมบ้าน พาให้เกิดความตระหนกตกใจว่าใครทำอะไรผิดกฎหมาย ในที่สุดก็ถูกริชาร์ดตอกหน้ากลับไปว่า เชิญค้นบ้านเลยว่ามีเครื่องทรมานอยู่ตรงไหนบ้าง เขาเลี้ยงลูกโดยวางระเบียบให้ทำการบ้านให้เสร็จก่อนไปฝึกเทนนิส และไม่ได้ทิ้งการเรียนเลย และทุกคนมีความสุข รักใคร่กลมเกลียวกันดีในครอบครัว
ลูกสาวต่างบิดาทั้งห้าคนเรียนได้เกรดสูงในโรงเรียน ซึ่งเป็นการปูทางสำหรับอนาคตว่าจะเป็นเครื่องประกันว่าจะได้เป็นทนายความ เป็นหมอ และมีอาชีพการงานดีๆ
ความหวังสูงสุดของริชาร์ด ซึ่งเพื่อนให้ฉายาว่า “พระเจ้าริชาร์ด” อยู่ที่ลูกสาวสองคน ซึ่งเขาวาง “แผน” ไว้ให้ก้าวขึ้นสู่ความเป็นนักเทนนิสระดับโลก
เส้นทางสู่ดวงดาวนั้นใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ
ถ้าไม่นับว่าเทนนิสเป็นกีฬาของชนชั้นสูงผิวขาว
ครอบครัววิลเลียมส์ไม่มีเงินจะจ้างครูเทนนิสระดับอาชีพเพื่อ “เทรน” เด็กที่มีฝีมือหรือมีแววจะรุ่งต่อไป ซึ่งต้องมีงบประมาณมหาศาล
ริชาร์ดจึงพยายามเดินสาย “ขาย” โปรเจ็กต์การปั้นดาวจรัสแสงในวงการเทนนิส โดยไปหาครูสอนเทนนิสเก่งๆ…คนแล้วคนเล่า…
ซึ่งก็ได้รับคำปฏิเสธ…คนแล้วคนเล่า…เหมือนกัน
ที่สำคัญคือ ริชาร์ดไม่เคยโยนผ้า…ไม่เคยหมดกำลังใจ…
ไฟในตัวเขา ซึ่งตั้งความหวังสร้างอนาคตยิ่งใหญ่สำหรับลูก ยังคงลุกโชนโดยไม่ริบหรี่หรือมอดไหม้ไป
จนในที่สุด เมื่อเขาไปหาครูเทนนิสชื่อพอล โคเอ็น (โทนี โกลด์วิน)
ในฉากที่พอล โคเอ็น กำลังสอนสองดาราเทนนิสผู้ยิ่งใหญ่ คือ จอห์น แม็กเอ็นโร และพีต แซมพราส อยู่ในคอร์ต ริชาร์ดบอกวีนัสและเซรีนาว่าวันหนึ่งนักเทนนิสทั้งสองจะต้องจำได้ว่าเคยพบดาราเทนนิสที่ยิ่งใหญ่สองคนขณะยังไม่มีใครรู้จักเลย
เมื่อได้เห็นฝีไม้ลายมือของเด็กทั้งสอง พอลก็รับจะฝึกให้ แต่เขามีเวลาให้เพียงคนเดียว คือวีนัสผู้พี่
ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องกระทบกระเทือนใจเซรีนาอย่างแรง
ริชาร์ดวางแผนช่วยประคับประคองสถานการณ์ด้วยการถ่ายวิดีโอการสอนของวีนัสทุกครั้งมาให้ออราซีนนำไปใช้กำกับควบคุมการสอนเซรีนาอีกที
นี่อาจอธิบายความสำเร็จของเซรีนาในภายหลังก็ได้ ว่าทำไมเธอจึงแข็งแกร่งกว่าพี่สาว เนื่องจากเธอต้องก้าวข้ามอุปสรรคขวากหนามที่มีมากกว่า
หนังไม่ใช่เรื่องของวีนัสและเซรีนา แต่เป็นเรื่องของริชาร์ดที่ต้องต่อสู้ พาตัวเองให้พ้นจากการเป็น “ผู้แพ้” ในฐานะคนผิวดำชั้นล่างที่ถูกสังคมรังเกียจเหยียดหยาม
ดังในฉากที่เขาเล่าให้ลูกฟังว่า สมัยเขาเป็นเด็ก คนผิวขาวรังเกียจที่จะสัมผัสถูกต้องเนื้อตัวคนผิวดำ และเมื่อเขาส่งของให้และไปโดนตัวคนขาวเข้าโดยบังเอิญ เขาก็ถูกรุมเตะเสียจนน่วม แต่ที่เขาเสียใจที่สุด คือเมื่อเขามองไปที่พ่อ ก็เห็นพ่อเดินหนีออกจากเหตุการณ์โดยไม่พยายามเข้ามาช่วยหรือทำอะไรให้ดีขึ้นเลย
ไม่ต้องสงสัยว่าเบื้องหลังความสำเร็จของสองสาวพี่น้องนักเทนนิสผู้ยิ่งยง คือ พ่อ…และการเป็น “แบ๊กอัพ” คอยสนับสนุนของแม่…
และที่สำคัญ ทั้งสองเห็นความสำคัญของวิชาความรู้และการศึกษา โดยไม่เอาแต่กดดันให้ลูกฝึกกีฬาแต่เพียงอย่างเดียว หาไม่เด็กที่มีความกดดันจากความพยายามเอาชนะมากๆ อาจหมดไฟไปเสียก่อนเวลาอันควรก็ได้
ในบรรดาตำแหน่งแชมป์เทนนิสอันนับไม่ถ้วน วีนัส วิลเลียมส์ กลายเป็นผู้ชนะแกรนด์สแลม (คือกวาดตำแหน่งชนะเลิศในการแข่งขันสำคัญทั้งสี่ครั้งได้หมดในปีปฏิทิน) 7 ครั้ง และเซรีนา วิลเลียมส์ ชนะแกรนด์สแลมถึง 23 ครั้ง
ยังไม่มีนักเทนนิสคนไหนเฉียดใกล้ได้ขนาดนั้นเลย
และที่สำคัญคือ ทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมอุทร
นี่เป็นเครดิตสำหรับริชาร์ดกับออราซีนเป็นอย่างยิ่ง มีคนบอกว่าเทียบได้เหมือนกับพ่อแม่ที่มีลูกออกมาเป็นปีกัสโซกับโมเนต์ยังไงยังงั้นเลย •