ยานยนต์ สุดสัปดาห์/ลองของ “มิตซูบิชิ มิราจ” 2017 รถเล็กขับสนุก-ช่วงล่างนิ่งเกินตัว

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected] ลองของ “มิตซูบิชิ มิราจ” 2017 รถเล็กขับสนุก-ช่วงล่างนิ่งเกินตัว อวดโฉมมานานถึง 5 ปีแล้ว ทำให้มิตซูบิชิจัดแจงปรับโฉม “มิราจ” รถอีโคคาร์ 5 ประตูอีกรอบ โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นครั้งท้ายๆ ของเจเนอเรชั่นนี้แล้ว จึงอย่าแปลกใจที่ค่ายทรีไดมอนด์ จะใส่ออปชั่นมาแบบจัดหนักสุดๆ แม้จะปรับราคาเพิ่มขึ้นแต่หากเทียบกับของที่ให้มาถือว่าสุดคุ้ม ด้วยเหตุนี้เองผมจึงอยากลองของรถเล็กที่ได้ชื่อว่ามีออปชั่นพิเศษไม่แพ้รถรุ่นใหญ่ ว่าจะเด็ดดวงขนาดไหน ซึ่งทีมพีอาร์มิตซูบิชิ จัดรุ่นท็อป “จีแอลเอส-แอลทีดี” (GLS-LTD) สีดำเงาวับมาให้ในพลัน “มิราจ” เป็นรถในโครงการรถเล็กประหยัดน้ำมันของรัฐบาล หรือ “อีโคคาร์” เปิดตัวช่วงปี 2555 หลังปล่อยให้ “นิสสัน มาร์ช” กวาดยอดขายแบบอร่อยเหาะอยู่นาน จนมาถึงโฉมในรุ่นปี 2017 หรือ พ.ศ.2560 ภาพลักษณ์ด้านหน้านี่ถือว่าเปลี่ยนไปจากรุ่นแรกอย่างสิ้นเชิง แต่มีกลิ่นอายของรุ่นปรับโฉมก่อนหน้านี้อยู่บ้าง

กระจังหน้าตัดขอบโครเมียม ด้านในกระจังออกแบบบคล้ายๆ 3 มิติ ไฟหน้าแบบโปรเจ็กเตอร์ ไฟซีนอน เอชไอดี ไฟหรี่แบบสเปกตรัมแอลอีดี ซึ่งแทบจะเป็นสเป๊กมาตรฐานของรถรุ่นใหม่ๆ ในเมืองไทยไปแล้ว

ต่ำลงมาเป็นไฟเดย์ไทม์แบบแอลอีดีเช่นกัน มีลูกเล่นเป็นแบบโครเมียมเพิ่มความหรูหรามากขึ้น ล้ออัลลอยลายใหม่ทูโทนขนาด 15 นิ้ว ถือว่ากำลังเหมาะและเป็นขนาดยอดนิยม ราคาการเปลี่ยนยางไม่แพงมากและยังหาได้ง่ายด้วย ไฟท้ายแบบแอลอีดี ติดตั้งสปอยเลอร์พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบแอลอีดี เห็นชัดเจนแต่ไกล ประตูท้ายเปิดง่ายเบาแรง มีปุ่มรับสัญญาณจากรีโมตไว้ด้วย โดยจะมีอยู่ 2 จุดคือที่ประตูท้ายกับประตูด้านคนขับ เพิ่มความสะดวกไม่ต้องควักกุญแจออกจากกระเป๋า สามารถเปิด-ปิดได้จากปุ่มรับสัญญาณนี้ ส่วนประตูหน้าด้านซ้ายเป็นรูกุญแจ นัยว่าเพื่อป้องกันปัญหาหากกรณีรีโมตเสีย หรือรถมีปัญหาด้านไฟฟ้า ยังสามารถเปิดเข้าไปภายในได้ ที่เก็บของด้านหลังค่อนข้างกะทัดรัด แต่ออกแบบเป็น 2 ชั้นเปิดขึ้นมาด้านล่างช่องใส่ของได้เพื่อความเรียบร้อย ด้านในใช้สีโทนดำตัดกับสีดำเงาแบบเปียโนแบล๊ก ซึ่งแทรกได้หลายจุดทำให้ดูสปอร์ตมากขึ้น พวงมาลัย 3 ก้านเป็นหนัง ส่วนด้านล่างตัดด้วยสีเปียโนแบล๊ก มีระบบมัลติฟังก์ชั่นปรับเครื่องเสียงและรับโทรศัพท์ ส่วนด้านขวาเป็นปุ่มล็อกความเร็วหรือครูซคอนโทรล แผงหน้าปัดแบบเซมิไฮ คอนทราส 3 วงกลม มีปุ่มสตาร์ต-สต๊อปเครื่องยนต์ เบาะนั่งเป็นหนังกึ่งสังเคราะห์สีดำเดินด้ายแดง ตกแต่งแผงข้างสีเปียโนแบล๊ก หัวเกียร์หุ้มหนังเดินด้ายแดงมาด้วยเป็นแบบขั้นบันได ติดตั้งหน้าจอขนาด 6.5 นิ้วระบบสัมผัส เครื่องเสียง 2DIN พร้อมเครื่องเล่น DVD/MP3 รองรับแอปเปิ้ลคาร์เพลย์ ช่องเสียบยูเอสบี ย้ายจากที่ซ่อนในลิ้นชักหน้ารถด้านซ้ายเปลี่ยนมาอยู่ตรงคอนโซลเกียร์ เวลาใช้แอปเปิ้ลคาร์เพลย์เสียบได้เลย ระบบจะแจ้งที่หน้าจอใช้งานได้ทันที ระบบแอร์อัตโนมัติ ใช้งานง่ายและสะดวกมากขึ้น

ทริปนี้ผมวิ่งจากกรุงเทพฯ ไปพระนครศรีอยุธยา ออกเดินทางช่วงบ่ายๆ ของวันหยุดสุดสัปดาห์ ใช้ถนนวิภาวดียิงยาวไปเรื่อยๆ มีผู้โดยสารติดไปด้วยอีก 2 คน น้ำหนักรวมกันราวๆ 200 กิโลกรัม

แม้จะเป็นขาออกนอกเมือง แต่รถราก็ยังแน่นขนัดไม่น้อย ช่วงแรกขับไปเรื่อยๆ ซอกแซกบ้างตามแต่โอกาสจะอำนวย บอกตรงๆ ว่าตัวถังขนาดย่อมๆ ของมิราจ เวลามุดไปตามซอกต่างๆ ทำง่ายถึงง่ายที่สุด เพราะไม่เพียงตัวถังขนาดเล็กเท่านั้น หากแต่ยังเป็นรถท้ายตัดทำให้การกะระยะง่ายขึ้น อัตราเร่งตีนต้น-กลางทำได้ดีทีเดียวหากเทียบว่านี่คือเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ไมเวก 3 สูบ 78 แรงม้า แรงบิด 100 นิวตัน-เมตร ระบบเกียร์ซีวีที แบบอินเวก-ทรี เครื่องยนต์ไมเวก ระบบเกียร์ซีวีที แบบอินเวก-ทรี เป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ ขึ้นชื่อเรื่องแรงและประหยัด ตามอีโคสติกเกอร์ประหยัดได้สูงสุด 23.8 กิโลเมตร/ลิตร แม้ใช้งานจริงจะไม่น่าถึง แต่หากออกต่างจังหวัดและเท้าไม่หนักเกินไปต้องมี 18-20 กิโลเมตร/ลิตรแน่ๆ ส่วนการใช้งานในกรุงเทพฯ ที่รถแล่นๆ หยุดๆ คงได้น้อยกว่านี้หน่อย นํ้าหนักพวงมาลัยกำลังดี ข้อดีอีกจุดคือวงเลี้ยวค่อนข้างแคบแค่ 4.6 เมตร เวลากลับรถสบายใจมาก บวกกับตัวถังที่เล็กหาที่จอดง่ายโดยเฉพาะการเข้าห้างสรรพสินค้า หรืออาคารสำนักงานที่ทางขึ้น-ลงแคบๆ การเดินทางส่วนใหญ่ใช้ความเร็ว 90-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ช่วงล่างด้านหน้าอิสระแบบแม็กเฟอร์สันสตรัต คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีม นิ่งดี การทดสอบหนนี้มีจังหวะที่ถนนโล่งๆ ช่วงเลี้ยวออกจากถนนหลักเข้าเส้นรองเพื่อมุ่งหน้าไปเมืองกรุงเก่า รออะไรล่ะครับ…กดมิดทันที เข็มไมล์วาดขึ้นไปราวๆ 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในชั่วเวลาไม่นาน จากนั้นก็ขยับไปเรื่อยๆ จนถึง 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง เริ่มนิ่ง ถ้ามาคนเดียวน่าจะได้มากกว่านี้อีกนิดหน่อย แต่ความเร็วขนาด 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง เสียงเครื่องดูเครียดๆ หน่อย ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ไม่น่าจะทำความเร็วขนาดนั้นครับ ช่วงล่างยังนิ่งอยู่ซึ่งไม่น่าแปลกใจครับ เพราะค่ายนี้เขาดังเรื่องช่วงล่างอยู่แล้ว แต่เสียงลมเข้ามาเยอะพอสมควร เช่นเดียวกับเสียงเครื่องยนต์เวลาใช้ความเร็วสูง โดยเสียงลมวิ่งสัก 80-90 กิโลเมตร/ชั่วโมงเริ่มได้ยินแล้ว แต่หากใช้ความเร็วไม่สูงเวลาขับในเมืองไม่กระไรนัก เสียงเพลงจากลำโพงเก็บรายละเอียดได้ไม่ค่อยดี ถ้าใครชอบฟังเพลงไปเปลี่ยนลำโพงใหม่จะดีกว่า ส่วนเครื่องเสียงถือว่าแหล่มอยู่แล้ว ด้วยความที่ “มิราจ 2017” น่าจะเป็นการเชนจ์ครั้งท้ายๆ แล้ว มิตซูบิชิเลยจัดออปชั่นพิเศษมาแน่นคัน เรียกว่าในกลุ่มอีโคคาร์ หรือแม้แต่ซิตี้คาร์บางรุ่นสู้ไม่ได้ ให้มาทั้งถุงลมนิรภัย 2 ลูก ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง ระบบช่วยชะลอความเร็ว ระบบตัดเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนเเรงและรวดเร็ว (เฉพาะด้านหน้า) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว, ระบบป้องกันการลื่นไถล, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก, ระบบกระจายแรงดันน้ำเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์, ระบบเสริมแรงเบรก และระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน ซึ่งไฟเลี้ยวทุกดวงจะกะพริบเพื่อเตือนรถคันหลังให้เพิ่มความระมัดระวัง มิราจ 2017 มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย รวมทั้งมีเกียร์ธรรมดาให้เลือกด้วย ราคา 457,000-596,000 บาท หากเทียบกับรุ่นที่แล้วถือว่าแพงขึ้น แต่สิ่งจูงใจเพียบ