‘โทนี่’ วอนพ่อค้ารายใหญ่ ระบายหมูกักตุนในห้องเย็นมาช่วยก่อน จี้รัฐบาลสัญญาอะไร ต้องทำให้ได้

โทนี่ วอนพ่อค้ารายใหญ่ 4-5 เจ้า ที่กักตุนหมูในห้องเย็น ระบายของมาช่วยก่อน ในขณะที่รอหมูนำเข้า หรือรอหมูรุ่นใหม่โตขึ้นมา ขอให้คุยกัน จี้รัฐบาลสัญญาอะไร ต้องทำให้ได้ ไม่ไหวก็ออกไป ชี้อย่าวิตกโอมิครอนมาก

วันที่ 18 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา โทนี่ วู้ดซัม หรือทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมวงสนทนาใน CareTalk x CareClubHouse หัวข้อ หมูแพง ของแพง ค่าแรงถูก : ตู่บ้งเกินคาด พินาศทั้งประเทศ

โทนี่ กล่าวในช่วงหนึ่งถึงปัญหาหมูแพงว่า วันนี้หมูเป็นโรค แม่หมูตาย ฉะนั้นไม่มีหมูที่จะขุนให้พอตามตลาดบริโภคในเมืองไทย ตอนนี้ในเมืองไทย มี 2 อย่างคือ ระยะสั้นต้องยอมนำเข้าหมูจากต่างประเทศ ระยะยาวคือเร่งเอาแม่พันธุ์หมูมา ให้รายเล็ก รายกลาง มาทำเป็นเรื่องราว ลดต้นทุน ให้เงินอุดหนุน ของเก่าที่ตายไปก็ให้เขาซะ ธุรกิจจะได้เดินต่อไปได้

ปัญหาเฉพาะหน้าอีกอันคือ การกักตุน พอรู้ว่าหมูราคาดีขึ้น ก็มีการกักตุนโดยระบบห้องเย็น ตนทราบมาว่ามี 4-5 เจ้า ที่มีห้องเย็นเก็บหมูได้ 3-4 แสนกิโล กักเก็บหมูได้นานถึง 6 เดือนขึ้นไป ตรงนี้น่าจะมีการคุยกัน ขอให้ปล่อยของออกมา ในขณะที่เรารอนำเข้า และรอหมูรุ่นใหม่โต ซึ่งจะสรุปได้ง่าย ๆ ดังนี้

1. ห้ามส่งออก ให้ห้องเย็นปล่อยหมูออกมา
2. นำเข้าหมูจากต่างประเทศ
3. เอาแม่หมูมาให้รายเล็กรายย่อย ช่วยเหลือให้เขาพอใช้ ขณะเดียวกันก็ต้องลดต้นทุน เช่นภาษีอะไรที่ไม่จำเป็นก็นำออกไปก่อน

“ผมคิดว่ารัฐบาลน่าจะนำข้อเสนอตรงนี้ไปจัดการ แทนที่จะนำเงิน 1,400 ล้านบาท ที่กระทรวงพาณิชย์ ไปซื้อไก่แพงมาขายถูก มันไม่ช่วยอะไร ผมว่าเสียดายตังค์เปล่า ๆ”

ทำไม่ได้ก็ลาออกไป!

ช่วงหนึ่งผู้ดำเนินรายการได้สอบถามถึงวิธีการเพิ่มรายได้กับประชาชน นายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้ตนได้ข่าวว่า มีประชาชนไปประท้วงที่ทำเนียบรัฐบาลถึงเรื่องสัญญาของพรรคพลังประชารัฐที่ว่าจะขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 425 บาท ปริญญาตรี 20,000 บาท อาชีวะ 18,000 บาท ทั้งนี้ ถ้าเรารักประชาธิปไตย และอยากจรรโลงประชาธิปไตยไว้ พูดอะไรกับประชาชน สัญญาอะไรกับประชาชนแล้วต้องทำ หากทำไม่ได้หรือทำช้าไปต้องมีเหตุผลอธิบายให้ประชาชนฟัง

“วันนี้ปัญหาคือเราเอาเงินไปแจกมากกว่าเอาไปสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เป็นเงินที่นำไปซื้อของที่มีเงินทอนมากเกินไป วันนี้ผมบอกได้เลยว่าคอร์รัปชันสูงมากจริงๆ ขอให้นายกฯ ที่ตั้งใจดี แม้จะไม่มีประสบการณ์ทางเศรษฐกิจ ต้องคิดแล้วว่าถ้าจะไปต่อแบบนี้ ท่านก็พังเอง”

“วิธีมีอยู่ 2 อย่าง คือ 1.ท่านปรับครม. เอาคนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาแก้ปัญหา แล้วทุ่มเทให้กับประชาชนและประเทศจริงๆ หรือ 2.ถ้าท่านไปไม่ไหวก็ออก ไม่เช่นนั้นท่านพังด้วย เพราะดูสถานภาพ คนรอบตัวท่านและเรื่องครม. ผมเป็นห่วงท่าน ในฐานะที่เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นน้องของผม เพราะถ้าปล่อยไปแบบนี้เหนื่อย เหนื่อยจริงๆ”

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการเพิ่มรายได้ ต้องสร้างกิจกรรมเศรษฐกิจ วันนี้เชื้อโอมิครอนเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่อยากให้รัฐบาลตกใจมาก แต่ก็ไม่ประมาท ตนเคยติดเชื้อโอมิครอนแล้ว มีอาการเหมือนหวัดอ่อนๆ และไม่ลงปอด ลงแค่คอ ฉะนั้น รัฐบาลอย่าปอดแหกแทน เชื้อโอมิครอนมีอาการเหมือนไข้หวัดธรรมดา ต้องทำให้ประชาชนเข้าใจ โดยป้องกันเต็มที่ เช่น การใส่อนากากอนาอมัย แต่อย่าตกใจกลัว

“ผมเชื่อว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการจบเกมโควิดแล้ว เพราะเป็นการกลายพันธุ์ที่อ่อนมาก โอมิครอนจะอยู่กับเราไปตลอด แต่คงไม่ต้องใช้ยารักษาแบบหนักเหมือนก่อนแล้ว ซึ่งเศรษฐกิจไทยอาศัยการท่องเที่ยวอยู่มาก ถ้าวันนี้เล่นชักกะเย่อ ชักเข้าชักออกอยู่อย่างนี้ ผลสุดท้ายการท่องเที่ยวพังทั้งระบบ และจะยิ่งกว่าหมูอีก เพราะคนหากินกับการท่องเที่ยวสูงมาก อีกทั้งอัตรานักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยขึ้นไปถึง 40 ล้านคน ซึ่งวันนี้ไม่ถึงล้านคน”

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า รัฐบาลควรเริ่มจริงจังกับเศรษฐกิจได้แล้วว่าเป้าหมายอยู่ที่ไหน ไม่ใช่วันนี้นั่งคิดว่าเงินไม่พอจะเพิ่มเงิน ค่าเหยียบแผ่นดินสามร้อยบาท ผมฟังแล้วรู้สึกว่าคำพูดนี้ถ้านักท่องเที่ยวฟังก็ไม่อยากมา ซึ่งมันตลก วันนี้รัฐบาลคิดอย่างเดียวว่าจะเก็บเงินตรงนั้นตรงนี้ ทั้งมีการลักไก่จะเก็บค่าน้ำในนา 25 บาทต่อไร่ แต่เขาโวยวายขึ้นมาก็ไม่เก็บ เพราะรัฐบาลคิดว่าอยากได้อะไรก็ไปจับตรงนั้นเพิ่มตรงนี้ เป็นการคิดแบบหัวโบราณ ใช้ไม่ได้กับโลกใหม่ ฉะนั้น ท่านต้องคิดว่าสร้างกระบวนการหารายได้ให้ประเทศแล้วมันมาถึงประชาชน ไม่ว่าจะการท่องเที่ยว หรือการดึงคนมาลงทุน

“เรื่องโอมิครอนอย่าไปวิตกมาก แต่ก็ไม่ประมาท วันนี้ได้ข่าวว่ากระทรวงสาธารณสุขจะเอาเรื่องเทสต์แอนด์โกกลับมาใช้ใหม่ ถ้าเอามาใช้ใหม่จริงก็ขอให้พอแล้ว เลิกบ้าชักเข้าชักออก แล้วมุ่งมั่นโปรโมตเรื่องการท่องเที่ยวให้เต็มที่ แบบนี้นายกฯ ถึงจะรอด” นายทักษิณ กล่าว