เซียนหุ้น / ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ : หนุ่มเมืองจันท์

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ

หนุ่มเมืองจันท์

www.facebook.com/boycitychanFC

 

เซียนหุ้น

 

ผมเป็นนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครับ

มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปี

ไม่เคยขาดทุน

มีแต่กำไร

ฟังดูแล้วน่าเชื่อถือและศรัทธามากใช่ไหมครับ

แต่เรื่องจริงๆ ก็คือ “ประสบการณ์” เป็นแค่ “ระยะเวลา” ในการเดินหลงเข้าตลาดหุ้น

หุ้นตัวแรกของผมคือ “มติชน”

ตอนที่ “มติชน” เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ “พี่ช้าง” ขรรค์ชัย บุนปาน แบ่งหุ้นให้พนักงานทุกระดับ

ที่สำคัญคือ ไม่ใช่ “ราคาจอง” นะครับ

แต่เป็น “ราคาพาร์”

บอกใคร ใครก็ตกใจ เพราะไม่เคยมีใครให้พนักงานมากเท่านี้มาก่อน

น่าจะเป็นการทำบุญครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของ “พี่ช้าง”

เพราะทำให้นักข่าวและพนักงาน “มติชน” จำนวนมากลืมตาอ้าปากได้

ตอนนั้น “มติชน” ราคาพาร์ 10 บาท

ผมเป็นนักข่าวใหม่ๆ มีเงินเก็บน้อยมากกกก…

ต้องไปยืมเงินเพื่อนมาจอง โดยมีเงื่อนไขว่าจะแบ่งหุ้นในจำนวนหนึ่ง

จำรายละเอียดไม่ได้ว่าเท่าไร

เพื่อนผมมีความรู้เรื่องหุ้นพอสมควร แค่เห็นเงื่อนไข “ราคาพาร์” เขาก็รู้แล้วว่ามีกำไรแน่นอน

ได้เงินมาก้อน มาจองหุ้น “มติชน”

น่าจะประมาณ 5,000 หุ้น

พอเข้าตลาดปั๊บ หุ้น “มติชน” ก็ทะยานขึ้นเรื่อยๆ

เคยขึ้นไปถึง 300 บาท

แต่อย่าคิดว่าผมขายตอน 300 นะครับ

เพราะแค่ 100 กว่าบาท ผมก็ไปแล้ว

ได้เงินดาวน์ทาวน์เฮาส์มาก้อนหนึ่ง

เป็นบ้านหลังแรกในชีวิต

ยังรำลึกถึงบุญคุณ “พี่ช้าง” จนถึงทุกวันนี้

 

หลังจากขายหุ้นมติชนไป ผมก็แทบไม่ได้สนใจตลาดหุ้นเลย

ผ่านไป 10 กว่าปีจึงค่อยเข้ามา

แต่เป็นการลงทุนแบบ “เป็ด”

รู้นิด รู้หน่อย แต่ไม่รู้เยอะ

คิดว่าตัวเองเป็นนักข่าวก็รู้เรื่องทิศทางเศรษฐกิจหรือแนวโน้มของธุรกิจต่างๆ

มองไกลๆ เหมือน “พญาอินทรี”

พอบินเข้าตลาดหุ้นปั๊บ

อ้าว… “แมลงเม่า” นี่นา

ผมเล่นหุ้นแบบขำ-ขำ ไม่ได้ศึกษาจริงจัง

และไม่ได้สนใจเฝ้าหน้าจอ หรือติดตามว่าวันนี้หุ้นขึ้นหรือลง

ซื้อแล้วทิ้งยาว นานๆ ก็มาดูสักทีว่าราคาขึ้นหรือลง

ถือหลัก “ไม่ขาย”…ไม่ขาดทุน

ผมมาซื้อหุ้นเยอะขึ้นหน่อยตอน “โควิด” ที่ดัชนีตลาดหุ้นลงมาต่ำมากกก

คือ ซื้อแบบหวัง “เงินปันผล”

เข้าหุ้นใหญ่ตัวไหนที่มั่นคงและปันผลดีๆ

เป็นนักลงทุนระยะยาวอย่างแท้จริง

เปลี่ยนเงินฝากจำนวนหนึ่งที่ดอกเบี้ยต่ำมากมาเป็นการลงทุนในตลาดหุ้นแทน

แต่ด้วยนิสัยขี้เล่น ผมจะแบ่งเงินก้อนนี้ประมาณ 20% มาลงทุนแบบหวือหวาบ้าง

เป็น “สีสัน” ในชีวิต

 

ที่ผมบอกว่าไม่เคยเล่นหุ้นขาดทุนเลย เป็นเรื่องจริงนะครับ

ไม่ใช่เพราะเก่งหรือเป็นเซียนอะไรเลย

แต่เพราะผมไม่เล่าให้ใครฟัง

หุ้นตัวไหนที่ขาดทุน เราก็กลืนเลือดเงียบๆ

แต่พอ “กำไร” เราก็คุยให้เพื่อนฟัง

อย่างตอนนี้มีหุ้นตัวหนึ่งที่ผมประทับใจมาก

กำไร 5 เด้ง หรือ 5 เท่าภายใน 10 วัน

เรื่องจริง ไม่ได้โม้นะครับ

หุ้นตัวนี้ราคา 0.01 บาท

ผมได้ยินข่าวเมื่อประมาณ 1 ปีว่าจะมีบริษัทหนึ่งมาซื้อเพื่อ “แบ็กดอร์” เข้าตลาด

คือ แทนที่จะเสียเวลาแต่งตัว ทำงบดุลดีๆ และยื่นเรื่องขอเข้าตลาด หรือที่เปรียบเปรยว่าเป็นการเข้า “ประตูหน้า” ตามปกติ

ก็เปลี่ยนมาซื้อบริษัทในตลาดเลย

เข้าตลาดทาง “ประตูหลัง”

ตอนนั้นผมเพิ่งขายหุ้นตัวหนึ่งได้กำไรมาหลักหมื่น

ผมก็เอากำไรมาซื้อหุ้นตัวนี้ทันที

คิดดูสิครับ ถ้าซื้อ 10,000 บาท เราจะได้หุ้นประมาณ 1 ล้านหุ้น

เวลาใครถามว่าถือหุ้นบริษัทนี้เท่าไร

เราตอบเสียงดังๆ

“ผมถือหุ้นบริษัทนี้ 1 ล้านหุ้น”

เท่ไหมครับ

ที่สำคัญ ผมคิดแล้วว่าหุ้นตัวนี้เป็นหุ้นตัวเดียวที่เราจะไม่ทางขาดทุนเป็นอันขาด

ตามปกติการขาดทุนจะมี 2 แบบ

แบบแรก คือ ขาดทุนแท้จริง

ขายในราคาที่ต่ำกว่าที่ซื้อมา

แบบที่สอง คือ ขาดทุนทางบัญชี

เรายังไม่ขาย แต่ราคาบนกระดานต่ำกว่าราคาที่ซื้อมา

แบบนี้ถือว่าขาดทุนทางบัญชี

แต่หุ้นตัวนี้ไม่มีทางขาดทุนจริงหรือขาดทุนทางบัญชี

เพราะราคา 0.01 เป็นราคาที่ต่ำสุดเท่าที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะยินยอมแล้ว

ต่อให้ขายหุ้นนี้ไม่ได้ เราก็ไม่ขาดทุนทางบัญชี

เพราะหุ้นจะต่ำกว่า 0.01 ไม่ได้

ผ่านไปเกือบปี ข่าวที่ผมได้ยินมาก็ไม่เกิดขึ้นสักที

หุ้นนิ่งสนิทอยู่ที่ 0.01 บาท

จนวันหนึ่งบริษัทนี้มีโครงการใหม่ขึ้นมา

อยู่ดีๆ หุ้นก็ขยับขึ้น

ที่สำคัญก็คือ หุ้นไม่สามารถจะขึ้นจาก 0.01 เป็น 0.015 ได้

ทุกครั้งที่ขึ้น ขั้นบันไดต้องขยับอย่างต่ำครั้งละ 0.01

หมายความว่าจะต้องขึ้นอย่างต่ำจาก 0.01 เป็น 0.02

ราคาหุ้นขึ้นเท่าตัว

หรือ 1 เด้ง

พอขยับอีกที จาก 0.02 เป็น 0.03 ก็ขึ้นมา 50%

แต่ในมุมของผม ราคาต้นทุนอยู่ที่ 0.01

ทุกครั้งที่ขยับขึ้นครั้งละ 0.01 ก็หมายถึง 1 เด้ง

หุ้นตัวนี้ปรับฐานไปมาพักหนึ่ง ก็จะขยับจาก 0.1 ไป 0.5 ภายในเวลา 10 วัน

เท่ากับผมกำไร 5 เด้ง ภายใน 10 วัน

เป็นเรื่องที่เอาไปคุยสนุกมาก

โดยเฉพาะกับเพื่อนที่เป็น “เซียนหุ้น” รายใหญ่

เวลาคุยเราก็จะใช้วิธีการแบบ “นักเขียน”

“นักเขียน” นั้นจะมี “อภิสิทธิ์” พิเศษ

เราเลือกที่จะเขียนในสิ่งที่เราอยากเขียน อะไรไม่รู้เรื่องก็ข้ามไป

ดังนั้น เวลาคุยเรื่องนี้ ผมก็จะคุยเฉพาะกำไร 5 เด้ง ภายใน 10 วัน

แต่อย่าบอกว่าลงทุนไปเท่าไร หรือได้กำไรกี่บาท

เพราะอาจจะเจอสายตาที่เหยียดหยามได้

…แค่เนี้ยะ… มาคุย