มอง…คำขวัญวันเด็กปี 2565 เตือนใจ ‘ผู้นำประเทศ’ : การศึกษา

“รู้คิด รอบคอบ รับผิดชอบต่อสังคม”

คำขวัญที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบให้กับเด็กๆ เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2565

ขณะที่ประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ก็ได้มอบคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 เพื่อเป็นข้อคิด และคติเตือนใจให้กับเด็กไทย ว่า “รู้หน้าที่ มีวินัย ยึดมั่น ประชาธิปไตยสุจริต”

ซึ่งปีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้มอบแนวทางการจัดงานวันเด็ก ให้เน้นการจัดงานในรูปแบบเสมือนจริง เพื่อลดการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก ให้มีแพลตฟอร์มอวยพรซึ่งกันและกัน หรือพิจารณาการส่งของขวัญให้เด็กๆ แทนการมอบโดยตรง

โดยกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้เตรียมจัดกิจกรรมฉลองวันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 มี 2 กิจกรรมหลัก ดังนี้

กิจกรรมที่ 1 นำตัวแทนเด็กและเยาวชนดีเด่น และนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ ประจำปี 2565 เข้าเยี่ยมคาราวะ และรับโอวาทจากนายกฯ 250 คน และรับโล่จากรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ซึ่งเป็นเด็กในเขตกรุงเทพฯ พร้อมถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT ในช่วงเวลา 08.30-09.30 น. สำหรับเด็กและเยาวชนดีเด่น และนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศ ในส่วนภูมิภาค ได้มอบหมายสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ทุกจังหวัด จัดกิจกรรมการมอบโล่รางวัล โดยเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้มอบ ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมให้เป็นไปตามมาตรการ และข้อกำหนดของแต่ละพื้นที่

และกิจกรรมที่ 2 การจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 จัดเฉพาะออนไซต์ พื้นที่หอประชุมคุรุสภา ศธ.ภายใต้แนวคิดการจัดงาน “เด็กไทย ใจเป็นหนึ่ง” ตามคำขวัญ “รู้คิด รอบคอบ รับผิดชอบต่อสังคม” โดยเพิ่มช่องทางสำหรับน้องๆ หนูๆ รับชม และลุ้นรับของรางวัลไปพร้อมๆ กัน ถ่ายทอดผ่านระบบออนไลน์

ทั้งนี้ การจัดงานต้องอยู่ภายใต้มาตรการความปลอดภัยที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำหนด ตามมาตรการ และแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยผู้เข้าร่วมงานต้องวัดอุณหภูมิร่างกาย พร้อมแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน 2 เข็ม และแสดงผลตรวจ ATK ภายใน 72 ชั่วโมง

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ระบุว่า ศธ.มีนโยบายให้จัดงานวันเด็กในสถานศึกษา และอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด โดยรูปแบบการจัดกิจกรรมมีความหลากหลาย เหมาะสมกับเด็กๆ พัฒนาความรู้ และศักยภาพของเด็ก ส่งเสริมเด็กและเยาวชนให้มีทักษะด้านวิชาการ รู้จักคิด วิเคราะห์ มีจิตอาสา จิตสาธารณะ พร้อมปฏิบัติตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม

ถือเป็นการกลับมาจัดงานวันเด็กแห่งชาติอีกครั้ง หลังจากปี 2564 ที่ผ่านมา ได้งดจัดกิจกรรม เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19!!

ที่ประชุมคณะกรรมการจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 ยังได้จัดทำหนังสือวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2565 โดยใช้ชื่อหนังสือ “เด็กไทยใจเป็นหนึ่ง” ผลงานของ ด.ญ.นิชากานต์ เสมเถื่อน ระดับชั้น ป.6 โรงเรียนบ้านท่ายาง (ประชาสรรค์) อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) เพชรบุรี เขต 2 โดยคัดเลือกจากผลงานส่งประกวดทั้งหมด 48 รายชื่อ

สำหรับภาพปกหนังสือวันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 เป็นผลงานของ ด.ช.กฤตานนท์ กันทวงค์ และ ด.ช.ณัฐวุฒิ สุทธดุก ชั้น ป.2 โรงเรียนบ้านทาป่าเปา อ.แม่ทา จ.ลำพูน สังกัด สพป.ลำพูน เขต 1 โดยคัดเลือกจากผลงานส่งเข้าประกวดทั้งหมด 75 ผลงาน

โดยในหนังสือยังมีพระบรมราโชวาทจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระคติธรรมสมเด็จพระสังฆราช คำขวัญ และสารของนายกฯ สารของรัฐมนตรีว่าการ ศธ. และผลงานเขียนของนักเรียน ในรูปแบบนิทาน เรื่องสั้น บทร้อยกรอง การ์ตูนช่อง และภาพวาด 22 ผลงาน โดยคัดเลือกจากผลงานส่งเข้าประกวดทั้งหมด 95 ผลงาน

พร้อมทั้งบทความพิเศษเรื่อง เปลี่ยน Mindset เด็กได้ง่ายๆ แค่เปลี่ยนคำพูด เกี่ยวกับวิธีการพูดเพื่อสร้าง Growth Mindset สำหรับเด็ก และเกมฝึกสมองและทักษะสำหรับเด็ก!!

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการรับลูก พล.อ.ประยุทธ์ ที่เน้นย้ำว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางลดความเหลื่อมล้ำในด้านต่างๆ น.ส.ตรีนุชจึงตั้งใจมอบ “ของขวัญ” ให้กับเด็กไทยทั่วประเทศ ในวันเด็กแห่งชาติปีนี้ โดยการดึงเด็กๆ ที่หลุดออกนอกระบบการศึกษา กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา เป็นวาระเร่งด่วน และเป็นรูปธรรม

โดยคณะทำงานวางแผนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายการจัดการของ ศธ.ด้านการลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มโอกาสเข้าการศึกษาอย่างมีคุณภาพ ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่จัดการศึกษาใน ศธ. ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)

เบื้องต้นได้ข้อมูลจำนวนนักเรียนที่ออกกลางคันในสังกัดต่างๆ ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ดังนี้ กศน. 1,483 คน, สช. 2,578 คน, สอศ.แบ่งเป็น อาชีวะรัฐ 16,690 คน และอาชีวะเอกชน 18,161 คน และ สพฐ.แบ่งเป็น กลุ่มเด็กทั่วไป 5,621 คน กลุ่มเด็กพิการ 7,137 คน และกลุ่มรอยต่อ 14,953 คน รวมมีนักเรียน และนักศึกษาทุกสังกัด ออกกลางคัน 66,623 คน

ส่วนสาเหตุที่ออกกลางคัน อาทิ “ปัญหาด้านสุขภาพ” เพราะจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ผู้ปกครองอาจติดเชื้อ ทำให้ต้องออกมาดูแลพ่อแม่ “ปัญหาด้านเศรษฐกิจ” เนื่องจากครอบครัวได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด ทำให้ไม่มีรายได้ เด็กต้องออกมาทำงานหารายได้จุนเจือครอบครัว “ปัญหาการย้ายถิ่นฐาน” โดยเด็กย้ายตามผู้ปกครองที่เปลี่ยนอาชีพ ฯลฯ

ปัญหาเหล่านี้ ทำให้เด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาจำนวนไม่น้อย จึงถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ ศธ.ต้องวางแผน จัดระบบ และหาวิธีที่จะดึงเด็กเหล่านี้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาให้ได้โดยเร็ว!!

 

อย่างไรก็ตาม นักวิชาการด้านการศึกษาอย่าง ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ มองว่าคำขวัญวันเด็กที่นายกฯ มอบให้ในปีนี้ “รู้คิด รอบคอบ รับผิดชอบต่อสังคม” สื่อถึงสถานการณ์ และปัญหาที่พบว่าตลอดปี 2564 ประเทศพบสถานการณ์ที่นักเรียน นิสิต นักศึกษา แสดงออกทางการเมือง และการศึกษาจำนวนมาก ดังนั้น คำขวัญวันเด็กจึงสะท้อนมุมมองของผู้นำประเทศได้ดี โดยอาจมองว่าการชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา นำมาสู่ความสับสน ยุ่งยาก วุ่นวาย บ่งบอกถึงความหนักใจของผู้นำประเทศได้อย่างดี

นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงความคาดหวังของผู้นำประเทศ ต่อพฤติกรรมการแสดงออกของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ต่อสถานการณ์การเมือง และการศึกษาในปัจจุบัน ว่าต้องการให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา เชื่อฟัง ปฏิบัติตามคำขวัญที่ให้ไว้

ศ.ดร.สมพงษ์ยังมองว่าคำขวัญวันเด็กปีนี้ ไม่ได้เป็นข้อคิดให้กับเด็กและเยาวชนเท่านั้น แต่ยังเตือนใจผู้นำบางคนในประเทศ ว่าต้องรู้คิด ว่าปัญหาประเทศในปัจจุบัน สาเหตุ และต้นตอของปัญหามาจากไหน ทำไมเด็กถึงออกมาเรียกร้องทางการเมือง และการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ถ้ารู้คิดแล้ว ต้องคิดรอบคอบ อย่าคิดตื้น หรือคิดง่ายๆ โดยคิดอย่างมีภาวะผู้นำระดับสูง อย่าคิดแบบไม่ระวัง ส่วนการรับผิดชอบต่อสังคม ต้องรับผิดชอบต่อสังคม และชีวิตเด็ก ที่มีความคิดแตกต่างหลากหลาย…

ดังนั้น ในปี 2565 จึงอยากให้ผู้ใหญ่ของประเทศ มอบของขวัญปีใหม่ และของขวัญวันเด็กให้เด็กไทยทุกคน โดยให้โอกาส ให้อภัย และให้พื้นที่ เชื่อว่าจะทำให้สังคมปี 2565 มั่นคง และสันติ อย่างแท้จริง!!