หลังเลนส์ในดงลึก : ‘โอกาส’ / ปริญญากร วรวรรณ

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ
ควายป่า - ควายป่าเหลือประชากรไม่มากนัก แหล่งอาศัยอันเหมาะสมมีพื้นที่ไม่มาก ความบึกบึน รวมทั้งอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นฝูง จึงแข็งแกร่ง แต่พวกมันก็เป็นหนึ่งในเหยื่อหลักของเสือโคร่ง

 

‘โอกาส’

 

…ถึงแม้จะเข้าใจดีว่า การทำงานในป่าโดยใช้วิธีอยู่ในป่าแห่งเดียวนานๆ ครั้งละไม่ต่ำกว่า 4 ปี เฝ้ามองชีวิตรอบๆ รับบทเรียนที่เหล่า “ครู” ซึ่งพบเจอได้ไม่ยาก ผลัดเปลี่ยนเวียนเข้ามาสอน นั่นเป็นวิธีอันเหมาะสมกว่าการเดินทางตามหาสัตว์ป่าที่อยู่ในสถานภาพ “หายาก” ที่บางชนิดเรียกได้ว่า สูญพันธุ์ไปจากถิ่นอาศัยเดิม หรือสาบสูญไปจากประเทศไทยแล้วด้วยซ้ำ

แต่อย่างนั้นก็เถอะ ผมก็รู้ดีว่า หากไม่ได้เริ่มต้นด้วยการไล่ตามหาสัตว์หายากเหล่านั้น การค้นหาที่เปรียบเสมือนวิ่งไล่ตามเงา ซึ่งไม่มีวันทัน ผมคงไม่เข้าใจอย่างแท้จริงหรอกว่า วิธีอยู่นิ่งๆ นั่นเหมาะสม

ในป่า หากใช้ทางลัดจะพบว่า ต้องบุกไปในความรกทึบ ขึ้น-ลงชันกว่าเส้นทางปกติ ด่านหรือเส้นทางที่สัตว์ป่าสร้าง โดยมีช้างเป็นผู้บุกเบิก เพื่อเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างแหล่งอาหารนั้นจะวกวน อ้อม หลีกเลี่ยงที่จะขึ้นและลงชันๆ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จะเห็นร่องรอยที่พวกมันลื่นไถลทิ้งไว้ให้เห็น

พวกมันสอนให้ผมรู้ว่า ทางลัดนั้นมี แต่อาจจะใช้เวลามากกว่าเส้นทางที่วกวนอ้อมความสูงชัน

ใช้เส้นทางลัดเพื่อเร่งให้ถึงจุดหมาย ไม่เพียงจะช้า

อาจพบด้วยว่า เส้นทางที่จะย้อนกลับนั้นยากกว่า…

 

กับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมขนาดใหญ่ ที่อยู่ในสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ มีประชากรเหลือจำนวนน้อย

อย่างควายป่า นั่นผมใช้วิธีการเฝ้ารอนิ่งๆ ในป่าบริเวณที่คาดว่าจะพบพวกมัน ผมพบรอยตีน รอยหากิน ร่องรอยการแช่ในปลักโคลน

กระนั้น ผมใช้เวลาถึง 3 ปี กว่าจะพบตัว อีกทั้งในการพบเจอกันครั้งแรกนั่น ไม่มีบรรยากาศของความเป็นมิตรเลย

กลางฤดูร้อน พลบค่ำวันหนึ่ง ผมเดินจากซุ้มบังไพร มุ่งหน้ากลับแคมป์ ในความสลัว ควายป่าตัวหนึ่งนอนแช่น้ำในแอ่งน้ำกลางห้วยที่ระดับน้ำในส่วนอื่นๆ ตื้นเพียงท่วมข้อเท้า

ผมก้มหน้าก้มตาเดิน ความร้อนอบอ้าวที่อยู่ในซุ้มบังไพรตั้งแต่เช้ามืด ทำเอาล้าไม่น้อย

ผมรู้ว่าเข้าใกล้มันเกินไป ตอนที่เห็นมันพรวดพราดลุกขึ้น

สายตามันไม่ดีนักหรอก แต่กลิ่นกายคนนั้น มันสัมผัสได้

มันยืนนิ่งเขม้นมอง ผมหยุด หลังเงยหน้าสูดกลิ่น ถอยไปราวสองก้าว มันก็ก้มหัววิ่งตรงเข้ามา

ร่างทะมึน ตะบึง และหยุด เมื่อได้ยินเสียงตะโกนห่างจากผมสักสองเมตร

วันนั้นผมไม่แน่ใจนักว่า ทำไมควายป่าตัวนั้นจึงหยุด ก่อนหันหลังวิ่งเหยาะๆ เข้าไปในชายป่าริมห้วย

ก่อนลับสายตา ผมเห็นอาการวิ่งโขยกเขยกเหมือนบาดเจ็บแถวๆ ขาหลังซ้าย ผมเข้าใจได้ว่า ทำไมมันจึงดูเป็นควายป่าอารมณ์เสีย หงุดหงิด

ผมไม่แน่ใจนักว่าทำไมมันจึงหยุด แต่เข้าใจในสิ่งที่มันทำ

ดูคล้ายเป็นเรื่องปกติ ถ้าจะใช้ความก้าวร้าวเพื่อปกปิดความอ่อนแอ

 

กับสัตว์ป่า ชีวิตพวกมันดำเนินไปด้วยการใช้อวัยวะที่มีอยู่กับร่างกาย ความสมบูรณ์ของร่างกายคือปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต

ร่างกายใหญ่โต น้ำหนักร่วมตัน ใช่ว่าจะแข็งแกร่งเกินกว่าเสือโคร่งจะล้มไม่ได้ ยิ่งหากบาดเจ็บ เดินหรือวิ่งไม่คล่องแคล่ว โอกาสตกเป็นเหยื่อสูง และอาการอันเป็นคล้ายจุดอ่อนนี้ เสือย่อมรู้

เมื่อบาดเจ็บ เดินตามฝูงไม่ทัน ไม่ว่าดูข้างนอกคล้ายจะแข็งแกร่งเพียงใด

ยามอ่อนล้าบาดเจ็บ หากมีเพื่อนข้างๆ ย่อมดีกว่ายืนอยู่ลำพัง

 

ใช้เวลาเฝ้ารอสามปี แต่เมื่อพบกันแล้วผมไม่ทันยกกล้องขึ้นมาด้วยซ้ำ

ในวันนั้นผมรู้ตัวว่าพลาดโอกาสที่ดีไปแล้ว ในความสลัวผมเห็นมันไม่ชัดมาก แต่รอยตีนซึ่งกว้างกว่าฝ่ามือมีรอยลาก เป็นรอยที่ผมพบอีกเสมอๆ และจำได้ไม่ลืม

ควายป่าขี้โมโหตัวนั้น ทำให้ผมรู้ว่า ควายป่าฝูงใหญ่คงอยู่ไม่ไกล

ถึงเจ้าตัวนี้จะเป็นควายป่าตัวผู้ค่อนข้างอาวุโส และต้องออกมาอยู่นอกฝูง เป็นสัตว์โทน

แต่ดูเหมือนว่า พวกสัตว์โทนก็เลือกที่จะไม่ไปไหนไกลจากฝูงนัก มันเลือกที่จะเดินตามฝูงมาห่างๆ

ตอนเย็นวันรุ่งขึ้น ขณะสายฝนต้นฤดูตกปรอยๆ ควายป่า 18 ตัวก็โผล่ออกมาจากโค้งลำห้วย พวกมันเดินเล็มหญ้าอยู่บริเวณหน้าซุ้มบังไพร นานจนกระทั่งดวงอาทิตย์ลับสันเขา

ผมเดินกลับแคมป์ เลาะริมฝั่งห้วยเหมือนทุกวัน เดินย่ำไปตามรอยตีนช้างที่ทำให้โคลนแห้งเป็นคล้ายๆ หลุม

ดวงจันทร์เกือบเต็มดวงโผล่พ้นสันเขา

ตอนผ่านแอ่งน้ำเมื่อวาน ผมพยายามมองอย่างหวังให้มีควายป่าแช่น้ำอยู่ แอ่งน้ำว่างเปล่า

ผมเดินผ่านไปเงียบๆ เงยหน้ามองแสงจันทร์อ่อนละมุน

ก้มหน้าลงมองแอ่งว่างๆ

บางครั้ง บางสิ่ง บางโอกาส ก็จะมีครั้งเดียวเท่านั้น

 

ผมพูดถึงควายป่าตัวนี้บ่อยๆ แม้ว่าในระยะหลังๆ ควายป่าจะไม่ใช่สัตว์แปลกหน้าคนแล้ว

หลายคนมีประสบการณ์ในการพบพวกมัน บางคนบาดเจ็บ หลายคนหลบหลีกพ้น ซากควายป่าปรากฏให้คนพบบ่อยๆ พวกมันตกเป็นเหยื่อเสือโคร่ง

บางซากมีร่องรอยว่า เป็นการลงมือโดยเสือมากกว่าหนึ่งตัว

 

อาแซ มาเสะ หรือชายผู้เป็นบาบอของผม เคยเล่าให้ฟังว่า บนเขาสูงใหญ่ที่ทอดตัวตามแนวเหนือ-ใต้ ซึ่งเรียกว่า แด แน แต มีควายป่าอาศัยอยู่

“ป่าใหญ่มาก ยอดสูงกว่าเขาแถวนี้ ติดเขตมาเลย์” ที่นั่น บาบอเตรียมการพาผมไปเพื่อตามหาร่องรอยกระซู่ ที่นั่นคล้ายจะเป็นที่อยู่อันเหมาะสม

สำหรับควายป่า ผมไม่แน่ใจ บาบอบอกขณะผมมองทิวเขาที่อยู่ไกลลิบๆ

อีกนั่นแหละ นี่ย่อมเป็นความไม่รู้ในธรรมชาติ รวมทั้งบนโลกใบนี้

มีเรื่องราวไม่มากนักหรอก ที่ผมรู้

 

ทุกครั้งที่พูดถึงควายป่าขี้โมโหตัวที่พบครั้งแรก ผมบอกว่า บางครั้งเราอาจมีโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิต

และโอกาสครั้งเดียวนี่แหละที่เรามักทำพลาดเสมอ

ผ่านมานานพอควร ผมเริ่มเข้าใจค่ำวันนั้น ความพลาดคือโอกาสที่ดี

มันเป็นบทเรียน เป็นจุดเริ่มต้นการ “เห็น” ควายป่า

ไม่ใช่ “โอกาส” ที่จะได้กดชัตเตอร์

และได้เพียงภาพควายป่าตัวหนึ่ง