วารี วิไล : สิ้น Glen Campbell และ Adios อัลบั้มสั่งลา

Adios หรือ ลาก่อน ในภาษาสเปน เป็นชื่ออัลบั้มสุดท้าย และเป็นชุดที่ 64 ของ เกลน แคมป์เบล นักร้องนักแต่งเพลงอเมริกัน อัลบั้มนี้ออกวางเมื่อ 9 มิถุนายน อีก 2 เดือนต่อมา คือวันที่ 8 สิงหาคม เกลน ก็เสียชีวิตด้วยวัย 81 ปี

หลังจากป่วยเป็นอัลไซเมอร์ เกลนแสดงคอนเสิร์ตอำลา ในปี 2011-2012 จากนั้นเข้าสตูดิโอที่แนชวิลล์ ทำอัลบั้มชุดนี้ ซึ่ง 12 เพลงที่บันทึกเสียง เป็นเพลงที่เกลนชอบแต่ไม่เคยมีโอกาสบันทึกเสียงมาก่อน โดยโปรดิวเซอร์และเพื่อนร่วมงานที่ทำงานด้วยกันมาอย่างยาวนาน มารับหน้าที่ ได้แก่ คาร์ล แจ๊กสัน, วิลลี่ เนลสัน, วินซ์ กิลล์ และลูกๆ ของเกลน ได้แก่ แอชลีย์, แชนนอน และแคล

คาร์ล แจ๊กสัน เล่าว่า ต้องเข้าไปยืนกับเกลนในบู๊ธบันทึกเสียง เพื่อบันทึกเสียงร้องของเกลนแบบ “บรรทัดต่อบรรทัด” เพราะเกลนจำเนื้อเพลงไม่ได้ แต่ไม่ได้สูญเสียมนต์เสน่ห์ในการขับร้องแต่อย่างใด

ประเดิมการวางขายด้วยอันดับ 40 ในชาร์ตอัลบั้มบิลบอร์ด

 

12 เพลงในชุดนี้ เริ่มต้นด้วยคัฟเวอร์โฟล์กคลาสสิค จากปี 1967 Everybody”s Talkin” ของ เฟรด นีล จากนั้น คือ Just Like Always ผลงานของ จิมมี่ เว็บ นักร้องนักแต่งเพลงระดับตำนานอีกคนของอเมริกัน ซึ่งแต่งเพลงหลายเพลงของเกลน เว็บยังมีชีวิตอยู่ด้วยวัย 70 ปี

ต่อด้วย Funny How Time Slips Away ของ วิลลี่ เนลสัน ศิลปินคันทรี่ชื่อดัง ซึ่งมาร่วมร้องด้วย

ยังมี Arkansas Farmboy ผลงานของ คาร์ล แจ๊กสัน, Am I All Alone (Or Is It Only Me) ผลงานของ โรเจอร์ มิลเลอร์ ศิลปินคันทรี่ระดับฮอลล์ออฟเฟม อีกคน และอีกเวอร์ชั่นของ Am I All Alone (Or Is It Only Me) ฟีเจอริ่ง วินซ์ กิลล์

It Won”t Bring Her Back ผลงานของ จิมมี่ เว็บ, Don”t Think Twice, It”s All Right เพลงอมตะของ บ๊อบ ดีแลน, She Thinks I Still Care ของ ดิกกี้ ลี และ สตีฟ ดัฟฟี่

Postcard from Paris ของ จิมมี่ เว็บ, A Thing Called Love ของ เจอร์รี่ รีด และปิดท้ายด้วย Adios ของ จิมมี่ เว็บ และเป็นซิงเกิลของอัลบั้มนี้ด้วย

 

เกลน ทราวิส แคมป์เบล เกิด 22 เมษายน 1936 กว่า 50 ปีในวงการเพลง ออกผลงานมากกว่า 70 ชุด และขายไปกว่า 45 ล้านชุด มียอดขายเกิน 5 แสน หรือระดับแผ่นทองคำ 12 อัลบั้ม และ 4 แพลทินั่ม จาก 4 อัลบั้มที่ขายเกินล้านชุด และอีกหนึ่งอัลบั้มที่ได้ดับเบิลแพลทินั่ม

เกิดที่ไพก์ เคาน์ตี้ อาร์คันซอส์ ในครอบครัวชาวไร่ เล่นกีตาร์เมื่ออายุ 4 ขวบ ด้วยกีตาร์ราคา 5 ดอลลาร์ที่ลุงซื้อจากร้านเซียรส์มาให้เป็นของขวัญและสอนเล่น

อายุ 6 ขวบ แสดงทางวิทยุท้องถิ่น ฝึกฝนด้วยตนเองยามว่างจากไร่ฝ้าย พัฒนาฝีมือด้วยเพลงจากวิทยุและแผ่นเสียง โดยถือเอา จังโก้ ไรน์ฮาร์ดต์ ยอดนักกีตาร์แจ๊ซฝรั่งเศส เป็นต้นแบบ

ออกจากโรงเรียนเมื่ออายุ 14 ไปทำงานรับจ้าง ก่อนเริ่มต้นอาชีพดนตรีในงานต่างๆ

ปี 1954 อายุ 17 ปี ย้ายไปอัลบูเคอร์กี นิวเม็กซิโก เล่นในวงของลุง ออกรายการวิทยุและโทรทัศน์ท้องถิ่น ปี 1958 ตั้งวงของตัวเอง ฝีมือฉกาจฉกรรจ์ขึ้นเรื่อยๆ ปี 1960 ย้ายไปเป็นนักดนตรีในสตูดิโอที่ลอสแองเจลิส

เริ่มแต่งเพลงและเล่นดนตรีบันทึกเสียงกับนักร้องดังๆ อย่าง บ๊อบบี้ ดาริน, ริกกี้ เนลสัน, ดีน มาร์ติน, แนต คิงโคล, เดอะ มังกี้ส์, แนนซี่ สินาตรา, เมิร์ล แฮ็กการ์ด, แฟรงก์ สินาตรา ไปจนถึง เอลวิส เพรสลีย์ ที่กลายเป็นเพื่อนกันเมื่อร่วมงานกันในอัลบั้มซาวด์แทร็ก Viva Las Vegas

ปี 1961 เซ็นสัญญากับเครสต์ เร็กคอร์ดส์ ในเครือของอเมริกันมิวสิก ออกซิงเกิล Turn Around, Look at Me เข้าอันดับ 62 ในบิลบอร์ดฮ็อต 100 และยังรวมวงทำผลงานเพลง

ปี 1962 เข้าสังกัดแคปปิตอลเร็กคอร์ดส์ ผลงานไม่ค่อยประสบความสำเร็จ แต่มีส่วนร่วมในผลงานเพลงศิลปินต่างๆ มากมาย

 

เพลงดังของเกลน เริ่มต้นจาก Universal Soldier เมื่อปี 1965 จากนั้นยังมี Gentle on My Mind, By the Time I Get to Phoenix, Wichita Lineman, Dreams of the Everyday Housewife, Galveston, Rhinestone Cowboy และ Southern Nights

ช่วงพีกของเกลน ก็คือ ปี 1967 เมื่อกวาดแกรมมี่ไป 4 รางวัล จากเพลง Gentle on My Mind และ By the Time I Get to Phoenix

ร่วมแสดงหนัง True Grit เมื่อปี 1969 ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงลูกโลกทองคำสาขาดาราดาวรุ่ง และยังร้องเพลงในหนัง ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์

เป็นการสูญเสียศิลปินระดับตำนานที่โดดเด่นจากยุค 70 อีกคนหนึ่ง