1 ปี วัคซีนโควิด-19 ในสหรัฐ ความสำเร็จที่บางคนไม่ต้องการ/บทความต่างประเทศ

เครดิตภาพ AP

บทความต่างประเทศ

 

1 ปี วัคซีนโควิด-19 ในสหรัฐ

ความสำเร็จที่บางคนไม่ต้องการ

ผ่านพ้นกันไป 1 ปีเต็ม สำหรับความพยายามในการระดมฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชากรโลก ด้วยความหวังที่ว่า วัคซีนจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เอาไว้ได้

จนนิตยสารไทม์ได้ประกาศเชิดชูกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังความพยายามในการพัฒนาและผลิตวัคซีนโควิด-19 ให้เป็นฮีโร่ หรือวีรบุรุษประจำปี 2021

สำนักข่าวเอพีได้รายงานเรื่องเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ที่สหรัฐอเมริกา เอาไว้ว่า เมื่อ 1 ปีก่อน สหรัฐอเมริกาได้ระดมการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชน ที่ถือเป็นการฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา รถบรรทุกจำนวนมากขนเอาวัคซีนโควิด-19 ที่แช่ฟรีซเอาไว้ มุ่งหน้าไปตามจุดฉีดวัคซีนต่างๆ ทั่วประเทศ วัคซีนที่เป็นความหวังเดียวของผู้คนว่า จะสามารถหยุดยั้งวิกฤตโควิด-19 เอาไว้ได้

แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะ 1 ปีผ่านไป ชาวอเมริกันหลายต่อหลายคนก็ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน

และหลายคน “กำลังจะตาย”

ทั้งนี้ ในวันที่ครบรอบ 1 ปีของการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกามียอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ตอนนี้สูงถึงราว 800,000 ราย จากเดิมเมื่อ 1 ปีก่อน มีผู้เสียชีวิตอยู่ที่ราว 300,000 ราย ขณะที่เชื่อว่า น่าจะมีผู้รอดชีวิตเพราะฉีดวัคซีนอีกหลายหมื่นคน

เรียกได้ว่า เป็นความสำเร็จของนักวิทยาศาสตร์ในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ขึ้นมา หากแต่ก็เต็มไปด้วยปัญหาเกี่ยวกับความไม่ลงรอยกัน

 

ฟรานซิส คอลลินส์ ผู้อำนวยการสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติ บอกกับเอพีว่า นักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอาจจะประเมินค่าต่ำไปสำหรับการแพร่กระจายของข้อมูลที่ผิดๆ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเป้าหมายของการฉีดวัคซีน

“จำนวนผู้เสียชีวิตยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ฉีดเพราะได้รับข้อมูลผิดๆ ว่า วัคซีนมีความอันตราย” คอลลินส์กล่าว

เอพีระบุว่า การพัฒนาและการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 เป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ และวัคซีนเหล่านี้ก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความปลอดภัย น่าเชื่อถึอ และมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการเสียชีวิต และการเข้าโรงพยาบาล

ขณะที่ข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐ เมื่อเดือนกันยายน ระบุว่า คนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนจะมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูงถึง 14 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว

และด้วยประสิทธิภาพของวัคซีน ทำให้มาตรการต่างๆ สามารถคลายล็อกได้ โรงเรียน ร้านอาหาร กลับมาเปิดได้อีกครั้ง คนในครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง

 

ดร.เดวิด ดาวดี นักวิทยาการระบาดโรคติดต่อ แห่งโรงเรียนสาธารณสุขศาสตร์ จอห์น ฮอปกินส์ บลูมเบิร์ก บอกว่า ในแง่ของความสำเร็จของนักวิทยาศาสตร์ สาธารณสุข และตรรกวิทยา กรณีนี้จะเหมือนกับการนำมนุษย์ขึ้นไปบนดวงจันทร์

ในปีแรกของวัคซีนก็เจอกับอุปสรรคมากมาย ทั้งความผิดหวังที่ไม่สามารถก้าวข้ามปัญหาเรื่องการติดเชื้อได้ ไหนจะปัญหาที่เกี่ยวโยงกับการเมือง ตอนนี้ยังต้องมาเจอกับปัญหาเรื่องการกลายพันธุ์ของเชื้อ จนกลายเป็นสายพันธุ์โอไมครอน ที่สามารถหลบหลีกการป้องกันการติดเชื้อได้อีก

กระนั้นก็ตาม ดาวดีบอกว่า แม้จะเกิดปัญหาทั้งหลายทั้งปวง แต่ถ้าเรามองย้อนกลับไป เราก็สามารถบอกได้ว่า วัคซีนคือเรื่องราวความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

โดยนับตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน ที่ยอดผู้เสียชีวิตในสหรัฐทะลุ 500,000 รายก็จริง แต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันเริ่มลดลง จนสามารถผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ได้

กระทั่งเดือนมิถุนายน เมื่อผู้คนรู้สึกว่า โควิด-19 ไม่อันตรายแล้ว ความต้องการวัคซีนลดลง แม้ว่าจะมีความพยายามทำให้ผู้คนหันมาสนใจเรื่องการฉีดวัคซีนกันมากขึ้น

แต่ดูเหมือนจะช้าเกินไป เพราะสายพันธุ์เดลด้าที่กลายพันธุ์มา ได้เดินทางมาถึงแล้ว และแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ก็ยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้น

เป็นการบ่งชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดของชาวอเมริกันกลุ่มหนึ่งที่หลีกเลี่ยงจะฉีดวัคซีน

เพราะแทนที่จะติดเชื้อแล้วไม่เสียชีวิต กลับต้องมาเสียชีวิตเนื่องจากไม่ได้ฉีดวัคซีน

จนมาถึงตอนนี้ เชื้อได้กลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์โอไมครอนที่แพร่ได้เร็วขึ้นไปอีก แม้จะยังไม่แน่ชัดว่ามีความรุนแรงเทียบเท่ากับเดลต้าหรือไม่

หากแต่เป็นที่ยืนยันแน่ชัดว่า การฉีดวัคซีนเอาไว้ ก็ยังดีกว่า “ไม่ฉีดเลย” อย่างน้อยก็ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตลงได้