หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๐๓)/บทความพิเศษ ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ

ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๐๓)

 

ฉันมีเพื่อนที่บอกว่า เขาไม่อยู่ข้างใครในทางการเมือง ขออยู่สบายๆ นั่งอยู่บนภู ดูเสือกัดกัน

ฟังดูเป็นคำพูดที่เย่อหยิ่ง ดูถูกคนอื่น แม้เขาจะบอกว่าไม่ได้อยู่ฝ่ายไหน แต่สังเกตคำพูด พฤติกรรม เขาคือขวานั่นเอง เพียงแต่เขาไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นขวา มันสังเกตได้ไม่ยาก จากรูป รส กลิ่น เสียง ของเขา

หากเขาเป็นกลาง เขาต้องบอกออกตามความเป็นจริงก่อน ว่าเด็กๆ ทำไปด้วยใจบริสุทธิ์ จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม ธรรมชาติของเด็กก็เป็นแบบนี้ บางอย่างอาจจะเกินเลย อาจไม่สมควร แต่เราจะไปลงโทษอะไรพวกเขารุนแรง ย่อมไม่สมควร หรือไปกล่าวหาว่าพวกเขาถูกใครว่าจ้างมา ถูกใครล้างสมองมา หรือโดนใครหลอกมา

อันนี้เป็นการมองคนอื่นแบบไม่ยอมรับว่าโลกนี้มีเด็ก การผิดไปนิดหนึ่งนี้จะผิดหมด

 

หรือหากเรามองคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือคุณปิยบุตร แสงกนกกุล ก่อนอื่น เราต้องยอมรับว่า พวกเขามีอุดมการณ์ และเสียสละ เพราะที่จริงแล้ว หากไม่ใช่เพราะพวกเขามีอุดมการณ์ พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้เลย ทำอย่างอื่นสบายกว่าเยอะ

ความเสียสละเหล่านี้ น่านับถือ ในสังคมไทย น้อยคนจะทำได้ หากแต่ความคิดของพวกเขา พวกคุณจะเห็นด้วยหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ต่อให้เห็นเป็นตรงข้าม แต่หากเรามองเห็นความปรารถนาดีของพวกเขาเสียแล้ว เรื่องที่จะคุยกัน ก็ยังมีมากมาย

การหรี่ตา มองพวกเขาเป็นสัตว์ประหลาด มันเป็นการมองผิดไป เพราะหากมองเช่นนั้น ตัวพวกคุณเองคือสัตว์ประหลาด

ความซื่อ และความตรงของพรรคก้าวไกล เป็นอะไรที่น่าทึ่งเป็นอันมาก

การยึดมั่นในอุดมการณ์อาจทำให้พวกเขาแลดูเหมือนสุดโต่ง แต่ทว่า หากมองอีกที พวกเขาก็น่ารัก ไม่จำเป็นต้องไปโกรธหรือเกรี้ยวกราดอะไรเลย มองแบบศัตรู พวกเขาคือกลุ่มซื่อบื้อ

ทุกวันนี้ฝ่ายรัฐบาลอยู่ได้ด้วยพลังของค่ายกล แต่ค่ายกลนี้เป็นดาบสองคม ในแง่หนึ่งทำให้พวกเขาสามารถกำจัดศัตรูทางการเมืองได้

แต่ในแง่หนึ่งก็ทำให้พวกเขาลืมตัว คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นิรันดร์ แต่ที่จริงค่ายกลเหล่านี้มีอายุ วันหนึ่งมันก็หมดไป และวันนั้นภาพที่เห็นจะเปลี่ยน

หัวใจของค่ายกลนี้ อยู่ที่องค์กรอิสระด้านกระบวนการยุติธรรม ทุกครั้งที่องค์กรอิสระนี้เคลื่อนไหว กงล้อแห่งค่ายกลก็หมุน มันเป็นภาพที่น่าตกใจ เพราะฟันเฟืองเล็กๆ มากมายหมุนตาม ด้วยเพราะคำตัดสินขององค์กรอิสระนี้ ผูกพันทุกองค์กร

ใครจะทำลายค่ายกลนี้ได้ ต้องทำลายองค์กรอิสระนี้ แต่ได้ถูกออกแบบมาให้เข้มแข็ง รับมือได้รอบด้าน ยกเว้นรัฐประหารแล้ว ยากจะมีทางใดไปกระทบกระเทือนมันได้ ต่อให้คุณคุกเข่า วิงวอน ขอร้อง ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะค่ายกลไม่สนใจสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้

ค่ายกลนี้จึงมีมาเพื่อสร้างชีวิตที่สูญหาย หรือ Lost Generation ในเมืองไทย พวกคุณอยากทำอะไรก็ทำไม่ได้ อยากคิด อยากฝัน ก็ได้แค่คิดฝัน เพราะค่ายกลนี้ปิดล้อมไว้หมดแล้ว การที่คนไทยเดินไปเดินมา ก็ตกลงมาในค่ายกล

นี้เป็นปริศนาที่ยิ่งใหญ่เป็นอันมาก

 

๑๐

Lost Generation แต่เดิมหมายถึงคนหนุ่มที่เกิดในช่วงปี 1883-1990 พวกเขาเสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง หรือแม้จะรอดชีวิตออกมา ก็มีชีวิตที่เหมือนคนหลงทาง เฉพาะคนตายและสูญหายในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ก็ราวห้าสิบล้านคน แต่ความหมายที่แท้จริง น่าจะกว้างใหญ่กว่านั้นมาก

ตัวอย่างเช่น คนหนุ่มที่เสียชีวิตและสูญหายในสงครามโลกครั้งที่สอง ก็ไม่น้อยกว่าห้าสิบล้านคน และมองดูชีวิตคนหนุ่ม-สาวที่เป็นฮิปปี้ในช่วงสงครามเวียดนาม ก็คือกลุ่มคนที่หลงทางเช่นกัน

๑๑

หากมองที่สาเหตุ มันคือเกมของอำนาจและอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน ทำให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ คนรุ่นเก่าส่งคนรุ่นใหม่ไปตาย คนรุ่นเก่าทิ้งสังคมที่ไม่น่าอยู่ให้คนรุ่นใหม่ และปล่อยให้พวกเขาแก้ปัญหากันเอง ชีวิตคนนับร้อยล้าน พร้อมจะสูญหาย

๑๒

โลกของเรานี้ มีอันตรายที่ใหญหลวงกว่านี้มากมาย เช่น อเมริกาสามารถทำสงครามกับจีน และหากเกิดขึ้น จะเป็นสงครามใหญ่หลวง กระทบหมดทั้งโลก โลกนี้จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จะมีการเลือกข้างกันสับสน อลหม่าน เมืองไทยก็มีโอกาสจะอกแตก

๑๓

สมัยสงครามเย็น อเมริกาเกือบทำสงครามกับรัสเซีย แต่ปรากฏว่า มันยังไม่จริง แค่คล้ายหนึ่งจะจริง แต่ความแตกต่างระหว่างอเมริกากับจีน ลึกซึ้งยิ่งกว่า แม้วันนี้เงื่อนไขแห่งการเกิดสงครามยังไม่พอ หากแต่นานวันไปข้างหน้า มันอาจจะพอขึ้นมาวันใดก็ได้

มันจะเกิดขึ้นถ้าจีนเดินผิด ค่อยๆ เดินเข้าไปในค่ายกล

 

๑๔

ต้นตอของปัญหามาจากระบอบการปกครองที่แตกต่างกัน ระหว่างคอมมิวนิสต์กับเสรีประชาธิปไตย มันฉีกออกเป็นสองกลุ่ม

น่าเสียดาย หากมีแค่ระบอบเดียว จะคุยกันง่าย แต่พอต่างกันเป็นสองระบอบ มันคุยกันยากยิ่งนัก เพราะมีสอง Mind Set

และปัญหาที่น่ากังวลที่สุดคือไต้หวัน เพราะจีนต้องการไต้หวันอย่างแรงกล้า ส่วนชาวไต้หวันปฏิเสธที่จะรวมกับจีนอย่างแรงกล้าเช่นกัน แรงต่อแรงเจอกันแบบนี้ คงจะเกิดสงคราม

๑๕

อเมริกาไม่กล้าปะทะกับจีนตรงๆ พวกเขาจึงบอกว่า สนับสนุนนโยบายจีนเดียว การพูดเช่นนี้ เหมือนบอกว่าจะไม่มีสงคราม

แต่ทว่า การกระทำกลับไม่ใช่ มันสับสน และยิ่งทำให้ทุกคนสับสนตาม

ทำไปทำมา เหมือนตะวันออกกลางสมัยก่อน อเมริกาบอกไม่ชัดเจน เหมือนหนึ่งบอกว่าหากอิรักบุกคูเวต อเมริกาจะไม่ขัดขวาง แต่พออิรักบุกจริง อเมริกากลับไม่ยอม

การแสดงท่าทีไม่ชัดเจนนี้ ยิ่งอันตราย การประกาศชัดเจนว่า ไม่สนับสนุนหรือต่อต้านนโยบายจีนเดียว แต่หากจีนบุกไต้หวัน จะเกิดสงครามใหญ่ แบบนี้จีนจะไม่กล้า ต่อให้อยากได้ไต้หวันมากเพียงไร

แต่หากหมายถึงการทำสงครามใหญ่ มันไม่คุ้มกัน หากทำเช่นนี้ แม้โลกนี้จะตึงเครียดขึ้นในช่วงแรก หากแต่ทว่า กลับจะไม่เกิดสงคราม แบบนี้จะดีกว่าในระยะยาว ด้วยทุกคนจะรู้ว่า ขอบเขตอยู่ตรงไหน ส่วนใดที่ชาวโลกจะยอมรับได้ หรือยอมรับไม่ได้

 

๑๖

ความคลุมเครือนี้เอง ที่เป็น Appeasement ซึ่งเคยเป็นต้นเหตุของสงครามโลกครั้งที่สอง และมันกำลังจะทำซ้ำ มนุษย์พอใจแค่ในผลประโยชน์เฉพาะหน้า อยากทำการค้าในสามสี่ปีนี้ อยากชื่นมื่นในวันนี้ หากแต่เลื่อนปัญหาใหญ่ไปข้างหน้า จนวันหนึ่งเงื่อนไขของมันสุกงอม ถึงวันนั้น จะไม่ทำสงครามก็ไม่ได้เสียแล้ว เพราะ Momentum จะเข้ามาแทนที่ และมนุษย์ก็จะเข้าสู่ความเป็น Lost Generation อีกรุ่นหนึ่ง และเป็นรุ่นใหญ่สุด ด้วยผูกพันไปนับหลายพันล้านชีวิต

๑๗

ชาวโลกควรบอกให้จีนเข้าใจอย่างชัดเจน ว่าพวกเขาจะทำอะไรกับฮ่องกง ทิเบต หรือชาวอุยกูร์ อย่างไรก็ได้ หากแต่ทำเช่นเดียวกันกับไต้หวันไม่ได้ มันแตกต่างกันในทางภูมิศาสตร์ เพราะฮ่องกงเป็นเกาะเล็กนิดเดียว ธิเบตก็เป็นดินแดนที่ราบสูง ไร้ทางออก ชาติอื่นจะเข้าไปได้ยากยิ่ง ชาวอุยกูร์ก็เป็นชาวพื้นเมืองที่มีมาช้านานมาแล้ว ยากจะเข้าไปแยกแยะได้ ต้องยอมให้ปัญหาพวกนี้ เป็นเรื่องภายในของจีน ต่อให้มีบางส่วนไม่เห็นด้วย แต่ก็ต้องยอมทน

แต่กับชาวไต้หวัน ๒๓ ล้านชีวิต ที่มีระบอบการปกครองแบบโลกเสรี บนเกาะที่ใหญ่พอควร และอยู่ห่างจากจีนพอควร การจะมาอ้างว่านี้คือจีนเดียว มันขัดแย้งกับหลักการพื้นฐานของชาวโลกเสรีเกินไป และไร้เหตุผลเกินไป

ดังนั้น จึงห้ามบุกรุกไต้หวัน หากทำคือเกิดสงครามใหญ่

๑๘

หากชาวโลกยินยอมเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ยอมให้จีนยึดครองไต้หวัน โลกนี้จะเข้าสู่อันตรายอีกแบบ มันเป็นเรื่องลึกซึ้ง มันคือการค่อยๆ ถลำลึกลง ไปสู่สงครามใหญ่ยิ่งขึ้นในอนาคต มันกลายเป็นสองระบอบที่ไขว้สลับกัน จนเกิดเป็นความโกลาหลครั้งใหญ่ ชนิดที่ว่าหาหัวหาหางไม่เจอ

ในที่สุด เราจะเดินลงเหวโดยไม่รู้สึกตัวเลย