(ยุค) “xxx” : ธุรกิจพอดีคำ

1.0

2.0

3.0

4.0

ช่วงนี้อะไรๆ ก็ดูจะเป็นตัวเลขเหล่านี้ไปเสียหมด

ตัวเลขเหล่านี้ บอกถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนของอะไรสักอย่าง

ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของเศรษฐกิจ หรือเทคโนโลยี

ไทยแลนด์เราก็มีเหมือนกัน

มีชื่อว่า “ไทยแลนด์ 4.0”

วิสัยทัศน์ใหม่ นำชาติไทยสู่ “นวัตกรรม”

ถามว่า คืออะไร

ลองกูเกิลกันดู ก็พอจะมีให้เห็นเต็มอินเตอร์เน็ตไปหมด

เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมได้มีโอกาส “เจอะ” กับหนังสือเล่มหนึ่ง

มีชื่อว่า Corporate Innovation in the 5th era

หรือว่า การสร้างนวัตกรรม ในยุคสมัยที่ 5

ผมเห็นชื่อหนังสือปุ๊บ ก็แบบ “นอยด์” เล็กน้อย

ฝรั่งก็ยังไม่เว้น มาใช้ตัวเลขอะไรแบบนี้

ตกลงเราอยู่ในยุคตัวเลขไหนกันแน่

ก็เลยตัดสินใจ “ซื้อ” มาอ่านเสียเลย

ปรากฏว่า “น่าสนใจ” ครับ

วันนี้จะขออนุญาตมาเล่าสู่กันฟัง

ยุคที่หนึ่งคือ “ยุคของผู้ล่า ผู้เก็บเกี่ยว (Hunter/Gatherer)”

เมื่อหมื่นกว่าปีที่แล้ว มนุษย์ออกล่าสัตว์ เก็บของป่า นำกลับมาที่หมู่บ้าน ทำเป็นอาหารประทังชีวิตไปวันๆ

เป็นยุคที่ชีวิตไม่เร่งรีบ

คำว่า “ร่ำรวย” หรือ “ยากจน” ไม่มีความหมาย

ความมั่งคั่ง ไม่ใช่สิ่งที่ “สะสม” ได้

“เงิน” เป็นสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น

การใช้ชีวิต เมื่อวาน วันนี้ หรือวันพรุ่งนี้

ไม่แตกต่างกัน

ยุคที่สอง เรียกว่า “ยุคแห่งการเกษตร (Agrarian)”

เป็นยุคที่ผู้คนเริ่มปลูกพืช เก็บเกี่ยวเองได้

อาหาร ไม่จำเป็นต้องมาจากป่าอีกต่อไป

เทคโนโลยีง่ายๆ เริ่มเกิดขึ้น

ที่ขุดดิน ฝักบัวรดน้ำ ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาให้ผู้คนในยุคนี้ได้ปลูกพืชผักกันอย่างขะมักเขม้น

คนทำมาก ได้มาก

คนทำน้อย ได้น้อย

เริ่มเกิดการเปรียบเทียบสถานะของผู้คน

คนที่มีลูกมาก คือ ความได้เปรียบ

แรงงานที่เยอะ นำมาซึ่งความมั่งคั่ง

ปลูกพืชผลได้มาก เก็บกินจนพอ

เหลือก็นำไปแลกเปลี่ยนกับข้างบ้าน

เกษตรกร คือ อาชีพอย่างเดียวของมนุษย์

แม้จะเรียกว่า เริ่มมีการ “ทำงาน”

แต่ชีวิตก็ยังคง “เรียบง่าย”

ยุคที่สาม คือ ยุคแห่งการค้า (Mercantile)

เป็นยุคที่ “เรือ” คือ แรงขับเคลื่อนของยุคสมัย

ผู้คนเริ่มออกเดินทางไกล ไปยังดินแดน “โพ้นทะเล”

ไปไม่ไปตัวเปล่า นำ “สินค้า” ไปด้วย

นำไปซื้อ นำไปขาย นำไปแลกเปลี่ยน

สร้างความ “มั่งคั่ง” ให้กับตัว

ช่องว่างของ “ผู้คน” เริ่มแยกออกห่าง

ความร่ำรวย ความยากจน เริ่มเห็นชัด

ความสุขที่ได้มา เริ่มที่จะมาจาก “วัตถุ” ซื้อหาสะสมได้

ความโลภ เริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจน

ขับเคลื่อนให้ผู้คน “ทำงาน” หนักขึ้น หนักขึ้น

อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์

ยุคที่สี่ คือ ยุคของ “อุตสาหกรรม (Industrial)”

เครื่องทอผ้า เครื่องจักรไอน้ำ เครื่องพิมพ์

“เครื่องจักร” เป็นตัวขับเคลื่อนแห่งยุคสมัย

การสร้างงาน สร้างผลิตภัณฑ์ต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่าง “ก้าวกระโดด”

กำลังของมนุษย์ มิใช่อุปสรรคในการ “สรรค์สร้าง” อีกต่อไป

หากแต่เป็น “เชื้อเพลิง” ที่ป้อนเข้าสู่ “เครื่องจักร” นั่นแหละ

ที่เป็น “ต้นทุน” สำคัญ ในการสร้างเศรษฐกิจ และความมั่งคั่ง

คนที่มีแรงงานมาก มีเงินมาก ก็มี “ต้นทุน” ที่จะสร้างธุรกิจได้มาก

องค์กรขนาดใหญ่ที่รวบรวมผู้คนมาทำงานในที่ที่เดียว เริ่มมีให้เห็นกันมากขึ้น

เทคโนโลยี คือ ปัจจัยที่สร้างความแตกต่าง

สร้าง “ความเหลื่อมล้ำ” ให้เห็นชัดเจนมากขึ้น

อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์เช่นกัน

และปัจจุบัน ยุคที่ห้า “ยุคแห่งข้อมูล (Digital)”

ยุคที่การสื่อสารต่างๆ ไร้พรมแดน เฟื่องฟู

ผู้คนเข้าถึงข่าวสารได้อย่างไร้ขีดจำกัด

ยุคที่คนตัวใหญ่ ไม่จำเป็นต้อง “ชนะ” เสมอไป

ยุคที่ “คนตัวเล็ก” ที่เคลื่อนที่รวดเร็ว อย่างชาญฉลาด

สามารถ “โค่นยักษ์” ได้ ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า

ยุคที่ “เทคโนโลยี” และ “นวัตกรรม” คือ หัวใจในการสร้างความ “มั่งคั่ง”

ยุคที่อนาคต “มาเร็วกว่าที่คิด”

แน่นอน ตัวเลข หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า

คงจะยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้

ลมแห่งการเปลี่ยนแปลง ยังคงโบกสะบัด

จะ 4.0 หรือ 5.0 ที่เราพูดคุยกัน

คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากปราศจากการ “ลงมือทำ” สิ่งที่แตกต่าง

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกองค์กร ทุกหน่วยงาน ก้าวข้ามหุบเหวแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ไปให้จงได้

เราต่างมีประเทศไทย ที่รักยิ่ง เป็นเดิมพัน