2503 สงครามลับ สงครามลาว (53)/บทความพิเศษ พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

บทความพิเศษ

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

 

2503 สงครามลับ

สงครามลาว (53)

 

“แผนยุทธบรรจบ-Link Up Operation”

บก.ฉก.วีพี กำหนดแผนขั้นสุดท้ายในการช่วยเหลือกองพันทหารราบและกองร้อยทหารปืนใหญ่ซึ่งถูกข้าศึกปิดล้อมที่บ้านนาด้วย “การยุทธบรรจบ-Link Operation”โดยใช้ 2 กองพันทหารเสือพรานเข้าตีกระหนาบข้าศึกสองทิศทางแล้วไปบรรจบกันที่บ้านนา โดยมี “ที่หมายระหว่างทาง” 2 ที่หมายคือ “เนิน 1663” และ “เนินอานม้า”

29 มีนาคม 2514 : หลังการลงตรวจเยี่ยมเพื่อรับทราบและประเมินสถานการณ์ของ พล.ต.วิฑูรย์ ยะสวัสดิ์ “เทพ” 2 วัน ฉก.วีพี. ก็สั่งการให้ ฉก.บราโว่ นำกำลังกองพันทหารเสือพราน บีซี 605 และ 606 เคลื่อนย้ายจากเนินซีบร้า เข้าตีที่หมายเนิน 1663 ซึ่งอยู่ทางตะวันตกฉียงใต้ของบ้านนาประมาณ 4 ก.ม.เป็นที่หมายแรก

โดยกำหนดให้กองพันทหารเสือพราน บีซี 605 เข้าตีทางปีกซ้าย และบีซี 606 เข้าตีทางปีกขวา

ซึ่งปรากฏว่าทั้ง 2 กองพันสามารถยึดที่หมายเนิน 1663 ได้ตามแผน และสังหารข้าศึกได้จำนวนหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ยึดเนิน 1663 อยู่นี้ ทั้งสองหน่วยได้ถูกข้าศึกเข้าตีโต้ตอบและยิงโจมตีด้วยอาวุธหนักหลายครั้ง ทำให้เสียหายและบาดเจ็บไปจำนวนหนึ่ง แต่ยังคงรักษาเนิน 1663 ไว้ได้

เมื่อได้สถาปนาที่มั่นบริเวณเนิน 1663 ได้อย่างแข็งแรงแล้ว กองพันทหารเสือพราน บีซี 605 จึงเริ่มการรุกเคลื่อนที่ต่อไปยังที่หมายที่สองคือ “เนินอานม้า” เพื่อเข้าบรรจบกับกำลังของกองพันทหารราบ บีไอ 15 และกองร้อยทหารปืนใหญ่ บีเอ 13 ที่จะตีหักวงล้อมออกมาจากฐานบ้านนา

โดยในชั้นต้นให้บีซี 606 เป็นกองหนุนยึดรักษาที่มั่นอยู่ที่เนิน 1663

 

“เนินอานม้า”

“หัวหน้าใจ” อธิบายความสำคัญของ “เนินอานม้า” ซึ่งข้าศึกได้เข้าเข้ายึดครองไว้แล้วเมื่อประมาณกลางเดือนมีนาคม 2513 ดังนี้…

“การยึดภูมิประเทศสำคัญคือเนินอานม้าและดัดแปลงเป็นที่มั่นคงแข็งแรงของข้าศึกด้านทิศใต้ของบ้านนาและสันเขาด้านตะวันตกระหว่างฐานสุรินทร์และเนินตรวจการณ์ที่ข้าศึกยึดได้แล้วเป็นการกระชับแนวปิดล้อมฐานบ้านนามากยิ่งขึ้น สร้างแรงกดดันต่อฝ่ายเรามากขึ้นโดยไม่สามารถปฏิบัติการใดๆ ได้ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ‘เนินอานม้า’ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการต่อสู้ครั้งนี้ ยึดเนินอานม้าได้ก็สามารถควบคุมบ้านนาได้ ควบคุมเนินอานม้าได้ก็หมายถึงความอยู่รอดของกองพันทหารราบ บีไอ-15 และกองร้อยทหารปืนใหญ่ บีเอ-13 ที่อยู่ในนรกบ้านนาแห่งนี้มาแล้วกว่าสองเดือน”

การเข้าตีวันแรกไม่ประสบความสำเร็จ กองพันทหารเสือพรานทั้งสองจึงชะลอการเข้าตี แต่ยังคงวางกำลังกดดันข้าศึกไว้ที่เชิงเนินอานม้า แล้วปรับแผนการการเข้าตีเพื่อยึดเนินอานม้าให้ได้

“รุ่งขึ้น 4 เมษายน พ.ศ.2514 ในตอนเช้า ผมตื่นขึ้นมากินอาหารเช้าพร้อมกับเปิดวิทยุฟังข่าวการสู้รบของพวกเราพี่น้องเสือพรานต่อตั้งแต่เช้า ในวันนี้สถานการณ์การสู้รบเริ่มชัดเจนมากขึ้น เสียงระเบิดและเสียงปืนจากการสู้รบด้านเนินอานม้าเริ่มชัดเจน ได้ยินชัดมากขึ้นเรื่อยๆ และมีการรบกันอย่างหนัก เห็นเนินอานม้าโดนระเบิดจากฝ่ายเราและมีเสียงปืนยิงโต้ตอบกันทั้งจากเนินอานม้าและพื้นที่โดยรอบอยู่ตลอดเวลา”

“ในช่วงเช้าของวันนั้น ฝ่ายเราพี่น้องหน่วยเสือพราน 2 กองพันเข้าตีและปิดล้อมข้าศึกที่เนินอานม้าอย่างหนักเพื่อยึดและกดดันข้าศึกให้ถอนตัวไป แต่ยังไม่สำเร็จ ข้าศึกมีการต่อต้านฝ่ายเราอย่างหนักและยังยึดเนินอานม้าอยู่ได้ และมีการสูญเสียมากพอสมควร”

“ฝ่ายเราจึงถอนกำลังลงมาจากลาดเนินอานม้าและยึดที่มั่นเพื่อเกาะเป้าหมายและปิดล้อมเนินอานม้าห่างจากเนินประมาณ 400-500 เมตรทางด้านทิศใต้และตะวันตกของเนินเพื่อจะปรับแผนและปรับกำลังใหม่ เพื่อยึดเนินอานม้าให้ได้ต่อไป”

 

โศกนาฏกรรมที่เนินอานม้า

“ในช่วงบ่ายผมได้เห็น บ.ตรวจการณ์ L-19 มาบินวนอยู่เหนือพื้นที่บ้านนาและเนินอานม้าอยู่นานพอสมควร จากนั้นหูผมก็ได้ยินเสียงเครื่องไอพ่นน่าจะเป็น F-4 แฟนธอม บินเข้ามาในพื้นที่สองลำเกาะติดกันมาแล้ววนอยู่บริเวณพื้นที่บ้านนาไม่สูงมาก มองเห็นเครื่องได้ชัดเจนว่าเป็น F-4 แฟนธอม จากนั้นจรวดอากาศก็ถูกยิงจาก บ.ตรวจการณ์ทันทีมองเห็นควันจางๆ ใกล้เนินอานม้าและเห็น F-4 แฟนธอม กำลังไดว์ลงมาเพื่อทิ้งระเบิด พุ่งมาทางด้านทิศตะวันออกของเนินอานม้าในระยะต่ำ ได้ยินเสียงเครื่องชัดเจนมากและน่าจะปล่อยระเบิดลงบริเวณเนินอานม้า เสียงระเบิดดังสนั่น 2 ลูก ไม่ทราบว่าเป็น 500 หรือ 750 ปอนด์ แล้วเครื่องก็เชิดขึ้น ตีวงเลี้ยวซ้ายออกไป”

“ผมเห็นบริเวณที่ระเบิดตกไม่โดนเนินอานม้า แต่มันตกระเบิดใกล้เนินมาทางทิศตะวันตกห่างจากเนินไม่มาก มองเห็นฝุ่นดินบริเวณนั้นฟุ้งกระจายขึ้นไปในอากาศสูงมองเห็นชัดมาก และเสียงการติดต่อทางวิทยุของพวกเราเงียบลงทันที”

“ชั่วอึดใจมีการพูดวิทยุอย่างตกใจจากเหตุการณ์พอจับใจความได้ว่า ให้หยุดการโจมตี ระเบิดตกใส่พวกเรา ขอให้หยุดการโจมตีทางอากาศ แล้วเสียงวิทยุของพวกเราก็เงียบไปอีก ส่วนแฟนธอมอีกลำหนึ่งไม่ทำการโจมตีทิ้งระเบิดต่อจากลำแรก และผมไม่เห็นเครื่องและได้ยินเสียงระเบิดอีกของ F-4 ลำที่ 2 L-19 ตรวจการณ์คงเห็นเหตุการณ์ชัดเจนและบอกให้หยุดการทิ้งระเบิดของลำที่สองไว้ทันท่วงที”

“จากนั้นเสียงพูดวิทยุของพวกเราอย่างสับสนวุ่นวาย ที่ได้ยินพอสรุปได้ว่า มีระเบิดจากการทิ้งระเบิดตกใส่พวกเราสองลูกเต็มๆ เป็นหน่วยทหารเสือพรานของเรา กองพันอะไรผมจำชื่อหน่วยไม่ได้ซึ่งตั้งมั่นเกาะติดเนินอานม้าอยู่ทางด้านตะวันตก 400-500 เมตรด้านล่างเนินอานม้า ทั้งกลุ่มมีการสูญเสียอย่างหนัก ทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิตจากแรงระเบิดสองลูก มีนายทหารและผู้บังคับบัญชาหลายคนบาดเจ็บและเสียชีวิต”

“ผมได้ยินการรายงานทางวิทยุที่สับสนอย่างยิ่งและกองพันทหารเสือพรานนี้ขอถอนตัวออกจากพื้นที่ทันที น่าจะถอนกลับไปยังบริเวณเมืองซำทองเพื่อนำส่งผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจำนวนมากกลับไป”

“ส่วนอีกกองพันก็ขอถอนตัวออกจากพื้นที่สู้รบเช่นเดียวกันเพื่อคุ้มกันและช่วยเหลือเพื่อนกองพันทหารเสือพรานที่ต้องสูญเสียอย่างหนักจากการทิ้งระเบิดผิดพลาดของพวกเรากันเองแทบละลายทั้งกลุ่ม”

 

สิ้นหวังที่บ้านนา

“ผมฟังข่าวสารจากการดักฟังวิทยุด้วยความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพี่น้องทหารเสือพรานของพวกเราที่บริเวณเนินอานม้าที่ต้องบาดเจ็บล้มตายอย่างหนักต่อความผิดพลาดของพวกเรากันเองอย่างไม่น่าให้อภัย ปลงต่อชีวิตและเหตุการณ์ คิดอีกทีอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นในสนามรบ เหตุการณ์กับพี่น้องกรมเสือพรานทั้ง 2 กองพันในวันนี้ดับความหวังของพวกเราที่บ้านนาลงหมดสิ้นซึ่งเป็นความหวังเดียวที่เราจะรอดจากนรกที่บ้านนาแห่งนี้ได้”

“อะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเราที่บ้านนาหลังจากนี้ ผมเดาออกและรู้อยู่แล้ว ไม่ยากที่จะเดาเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป แต่ตราบใดที่ผมและลูกน้องเดนตาย 18-19 คนที่ยังมีลมหายใจอยู่ ก็จะขอต่อสู้และดิ้นรนกันต่อไปเพื่อจะเอาชีวิตรอดกลับบ้านเกิดให้ได้”

“จากนี้มันคงให้เวลาเรา 2-3 วันเพื่อปรับกำลังอาวุธยุทโธปกรณ์ให้พร้อมและจัดการกับพวกเราที่บ้านนาอย่างแน่นอน”

ความผิดพลาดจากการทิ้งระเบิดครั้งนี้ ทำให้กำลังพลของกองพันทหารพราน บีซี 605 เสียชีวิตทันที 16 นาย โดยเฉพาะผู้บังคับกองพัน และผู้บังคับกองร้อยที่ 2 นอกจากนั้น ยังได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก