ผบ.ทสส.เตือน ‘ทะลุแก๊ส’ หากถึงขั้นจลาจล เป็นหน้าที่กองทัพลุยปราบ

“ผบ.ทสส.” ย้ำการดูแลการชุมนุมเป็นหน้าที่ ตร. หลังกลุ่ม “ทะลุแก๊ส” เปลี่ยนชื่อเป็น “ภาคีปฏิวัติประชาชนไท PRA” ชี้ยังคงเป็นการแสดงความคิดเห็น ลั่นหากกระทบ “เอกราช-อธิปไตย” เป็นหน้าที่กองทัพ ในการ “ปราบกบฏ-จราจล” 

วันที่ 19 ต.ค. เมื่อเวลา 09.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) ถ.แจ้งวัฒนะ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานการประชุมคณะผู้บัญชาการทางทหาร และการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพครั้งที่ 1 ประจำปี 2565 โดยมีพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมครั้งแรกอย่างพร้อมเพรียง ภายหลังจากที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพท่านใหม่เข้ารับตำแหน่ง

จากนั้นเวลา 11.30 น. พล.อ.เฉลิมพล ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีกลุ่มทะลุแก๊สได้เปลี่ยนชื่อเป็นภาคีปฏิวัติประชาชนไท หรือ PRA  จะนำไปสู่การเคลื่อนไหวใหญ่และรุนแรงหรือไม่ว่า เป็นลักษณะของการแสดงออกภายใต้ข้อกฎหมาย การดำเนินการเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อดูตามข้อกฎหมาย แต่ถ้ามีกระบวนการไปกระทบเรื่องความมั่นคง และสุดท้ายปลายทางกระทบเอกราช อธิปไตย ก็เป็นหน้าที่ของกองทัพที่จะดำเนินการ แต่ลักษณะการเคลื่อนไหวดังกล่าว ก็ยังคงเป็นระดับการใช้สิทธิในการแสดงความคิดเห็นมากกว่า ซึ่งยังไม่ส่งผล

เมื่อถามว่ากองทัพจะไม่ยุ่งเกี่ยวการชุมนุมที่เกิดขึ้นทั่วประเทศใช่หรือไม่ พล.อ.เฉลิมพล กล่าวว่า ในส่วนการดูแลเรื่องการชุมนุมเป็นบทบาทของสตช. ในการบังคับใช้กฎหมาย ในส่วนของทางการทหาร เราก็มีหน้าที่ของความไม่สงบเรียบร้อย ซึ่งหากสถานการณ์พัฒนา ไปสู่สถานการณ์ที่เริ่มบอกว่าไม่สงบเรียบร้อย ทหารก็ต้องเข้าไปเพื่อดำเนินการ ถ้ายึดถือกันตามหน้าที่แล้วนั้น หน้าที่ทหารก็คือปราบปรามกบฏและจลาจล ถ้ามีกบฏ ถ้ามีจลาจล เป็นหน้าที่ทหาร แต่ถ้ายังไม่ถึง ตำรวจก็ดูแล และถ้าขอบเขตนั้นกว้างขวาง ไม่ถึงกบฏ ไม่ถึงจลาจล ทหารอาจถูกขอให้ไปเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน