‘ศิริกัญญา-วิโรจน์’ ลุย ตลาดอินโดจีนเมืองมุกดาหาร ชี้บริหารแบบหอคอยงาช้าง บั่นทอนศักยภาพพื้นที่

หลงเสน่ห์มุกดาหาร! ศิริกัญญา-วิโรจน์ ลุย ตลาดอินโดจีน- ฟังปัญหาวิสาหกิจชุมชน เผย ปัญหาการบริหารจาก ‘หอคอยงาช้าง’ ทำศักยภาพพื้นที่ถูกลดทอน

เมื่อวันที่ 17-18 ต.ค. 64 ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ วิโรจน์ ลักขณาอดิสร โฆษกพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยคณะทำงานเดินทางไปที่รับฟังปัญหาพี่น้องเกษตรกรและผู้ค้าตลาดอินโดจีน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร
.
วิโรจน์ กล่าวว่า จากการเดินตลาดรับฟังปัญหาของผู้ค้าในตลาดนัดอินโดจีนพบว่า บรรยากาศโดยรวมยังซบเซาจากการระบาดของโควิดระลอก 3 ที่รัฐบาลคุมไม่อยู่ แต่การท่องเที่ยวเริ่มกลับมาหลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น แต่ภาครัฐจะต้องมีมาตรการเสริมมากกว่านี้เพื่อให้ตลาดกลับมาคึกคักเหมือนเดิม
.
“ปัญหาหลักของตลาดนัดอินโดจีนคือการปรับปรุงก่อสร้างตลาดนัดชั้นใต้ดินที่ล่าช้า ทำให้แผงขายของชั่วคราวบดบังทัศนียภาพ ไม่สามารถใช้ศักยภาพวิวที่สวยงามริมฝั่งโขงดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เต็มที่ และเป็นเรื่องน่าเสียดายที่มีการผลักภาระกันไปมาระหว่างรัฐบาลกลางกับท้องถิ่น ทำให้โครงการหยุดชะงัก แทนที่จะเดินหน้าการก่อสร้างในช่วงปิดโควิด เพื่อให้มีความพร้อมเปิดตลาดเวอร์ชั่นปรับปรุงสวยงามเมื่อเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวได้”
.
นอกจากนี้ วิโรจน์ ยังสะท้อนว่า จุดแข็งของตลาดนัดอินโดจีนที่เห็นคือประชาชนได้รับวัคซีน 2 เข็มครบแล้ว ถ้าภาครัฐประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว เชื่อว่าการท่องเที่ยวในจังหวัดมุกดาหาร และตลาดนัดอินโดจีนสามารถกลับมาได้ไม่ยาก
.
ด้าน ศิริกัญญา บอกเล่าปัญหาหลังพบปะพูดคุยกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่างๆว่า ส่วนใหญ่เจอปัญหาเดียวกันคือ มีศักยภาพ มีความต้องการพัฒนา แต่ยังขาดเงินทุนหมุนเวียน

“เราพบกลุ่มชาวบ้านหลายกลุ่มที่รวมตัวกันสร้างรายได้เพิ่มจากการเกษตรของตัวเอง เช่น กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงโค-กระบือ บ.คำชะอี ที่สร้างรายได้จากการเลี้ยงโคขุนมากกว่าตัวละ 1 แสนบาท กลุ่มวิสาหกิจชุมชนข้าวอินทรีย์ท่าไคร้นาแล ที่สร้างรายได้เพิ่มจากการผลิตข้าวอินทรีย์ส่งขายโรงพยาบาล ซึ่งวิสาหกิจเหล่านี้หลายแห่งมีความต้องการลงทุนในเครื่องจักรและเงินทุนหมุนเวียน แต่งบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรทั้งจากเงินกู้และงบประมาณปกติ ชาวบ้านยังเข้าถึงได้ยาก”
.
“ชาวบ้านหลายพื้นที่สะท้อนตรงกันว่าการเข้าถึงเงินทุนยังเผชิญเงื่อนไขที่วุ่นวาย เช่น การเข้าถึงงบโครงการ ‘เกษตรแปลงใหญ่’ ต้องมีคำว่า ‘แปลงใหญ่’ ห้อยท้ายชื่อของวิสาหกิจชุมชน ถึงจะของบประมาณได้ หรือบางครั้งก็กำหนดให้ต้องมีโรงเรือนเลี้ยงวัวรวมในพื้นที่เดียวกัน ทั้งที่ชาวบ้านสามารถแยกกันเลี้ยงวัวได้ แต่ต้องการโรงผสมอาหารสัตว์ที่ใช้ร่วมกัน การลงพื้นที่รับฟังเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง ทำให้เห็นความต้องการในพื้นที่และอุปสรรคในการปฏิบัตินโยบายภาครัฐที่ไม่ใช่แค่การสั่งการลงมาจากหอคอยงาช้าง”
.
ทั้งนี้ นอกจากปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น ศิริกัญญาและวิโรจน์ ยังพบปัญหาอื่นๆของประชาชนในพื้นที่อีกหลายประเด็น เช่น ปลานิลราคาตกต่ำจากการท่องเที่ยวที่ซบเซาและการปิดด่านชายแดนลาว, ปัญหาความไม่แน่นอนของระดับน้ำแม่น้ำโขงจากการสร้างเขื่อนในประเทศจีน โดยตัวแทนจากพรรคก้าวไกลรับปากว่าจะนำปัญหาเหล่านี้สะท้อนต่อไปยังรัฐสภาเพื่อผลักดันให้มีการแก้ไขปัญหาในพื้นที่