มองความปั่นป่วนวงการสงฆ์ : ดราม่า ชุ่มน้ำตา พระมหาสมปอง เผชิญกระแส ‘จับสึก’ ท่ามกลางสารพัดเรื่องใน เมืองพุทธ ?

บทความในประเทศ

ดราม่า ชุ่มน้ำตา

พระมหาสมปอง

เผชิญกระแส ‘จับสึก’

ท่ามกลางความปั่นป่วนวงการสงฆ์

กลายเป็นประเด็นร้อนระอุสะเทือนวงการสงฆ์อีกครั้ง สำหรับเรื่องราวของ พส. พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ที่หลั่งน้ำตาด้วยความอัดอั้นตันใจในช่วงหนึ่งของการไลฟ์ร่วมกับพระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ และพระมหานภันต์ สนฺติภทฺโท เมื่อค่ำคืนวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา

โดยเปิดใจเล่าว่าถูกจ้องจับผิด และถูกขู่ว่าทางผู้มีอำนาจจ้องจะจับสึก จนทำให้เกิดแฮชแท็ก #Saveพระมหาสมปอง พุ่งติดเทรนด์ทวิตเตอร์ในค่ำคืนนั้น

โดยพระมหาสมปองเผยความอัดอั้นตันใจที่เกาะกุมจิตใจจนถึงกับเสียน้ำตา ว่า ”ที่ผ่านมาอยากให้ความสุขคน แล้วพอเรามาฟังว่ามีคนจ้องจับสึกอยู่นะ อย่าพลาดนะ เรื่องสำรวม เรื่องช่วยคน หรือผมอาจจะเป็นคนอ่อนแอก็ไม่รู้ จริงๆ ผมเข้มแข็งนะ แต่ก็เหนื่อย เพราะเราไม่มีเจตนาอื่นนอกจากต้องการจะช่วยคน แล้วมาเจอคนจ้องจับผิดเรา จ้องจะจับเราสึก จะอะไรนักหนา ทำไมถึงไม่ใช้งานเรา เขาต้องดูแลเราหรือเปล่า ทำไมถึงมาจ้องจะเล่นงานเรา แล้วเราจะเอากำลังใจจากไหน ผมก็เป็นหนึ่งในกำลังของพระพุทธศาสนามิใช่หรือ ทุกวันนี้เขาให้ผมเรียนผมก็เรียน ให้ท่องบาลีผมก็ท่อง เรื่องไหนไม่ให้พูดผมก็ไม่พูด ให้ผมหยุดผมก็หยุด ผมดื้อเหรอ ผมทำขนาดนี้ยังจะมาจ้องจับสึกผม คืออะไร ผมไม่ใช่ลูกพวกคุณเหรอ

เห็นผมยิ้ม ผมหัวเราะ คุณคิดว่าผมมีความสุขเหรอ ผมฟังเรื่องซึมเศร้าบ่อยๆ ก็ยังคิดว่าสักวันหนึ่งเราคงจะเป็นบ้าง ก่อนหน้านี้ผมยังไม่เข้าใจโรคซึมเศร้าด้วยซ้ำว่ามันเป็นอาการเจ็บป่วยอย่างไร ไม่เข้าใจว่าทำไมคนเราถึงเศร้าจนถึงขั้นเจ็บป่วยได้จริงหรือ จนถึงวันหนึ่งที่รู้สึกกับตัวเอง ต้องถามตัวเองว่า หรือว่าเราจะเป็นเหมือนกัน

แม่เราก็แก่ ป่วยติดเตียงตั้งแต่ 69 จนตอนนี้ 74 ห้าปีแล้ว แล้วแม่ผมก็ดูข่าวทีวีตลอด บางทีเห็นข่าวสื่อลงโหด พาดหัวว่าจะจับสึกพระมหาสมปอง แม่ผมก็ตกใจ พระลูกชายคนสุดท้อง เค้าจะจับสึกลูกเราเหรอ พี่สาวอยู่นางรองโทร.มาถามพี่คนรอง เขาจะจับสึกน้องเราเหรอ เราก็ต้องคอยบอกว่ามันไม่ขนาดนั้น”

“ตัวเราเองน่ะไม่เท่าไหร่หรอกครับ แต่ห่วงแม่เรา”

ทําเอาชาวเน็ตที่ได้ดูไลฟ์ดังกล่าวแตกตื่นกันยกใหญ่

เพราะที่ผ่านมาแทบไม่เคยมีใครเห็นมุมนี้ของพระมหาสมปองมาก่อน

และบ่อยครั้งที่ท่านพูดติดตลกว่า ”อาตมาไม่ดื้อ” ก็ไม่คิดว่าเบื้องหลังจะโดนกดดันขนาดนี้

และเชื่อว่าหากไม่มีมูล ท่านคงไม่อัดอั้นจนต้องหลั่งน้ำตากลางการไลฟ์สดอย่างที่ทุกคนได้เห็น พร้อมกับการวิพากษ์วิจารณ์ผู้อยู่เบื้องหลังประเด็นนี้อย่างหนัก

ตลอดจนการตั้งคำถามว่าทำไมพระสงฆ์จะพูดเรื่องการเมืองไม่ได้ ในเมื่อการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน และหากไม่เหมาะสมทำไมในอดีตจึงมีภาพพระสงฆ์ห่มจีวรเข้าร่วมม็อบการเมืองในฐานะหนึ่งในผู้นำคนสำคัญ จนนำไปสู่การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557

ก่อนที่ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จะออกมาพูดถึงเรื่องนี้ ระบุว่าเรื่องดังกล่าวสำนักงานพระพุทธศาสนายังไม่มีข้อมูล ผู้ที่รู้ดีที่สุดคือตัวท่านพระมหาสมปอง เพราะสถานะของพระมหาสมปองเป็นพระลูกวัดสร้อยทอง ผู้ที่สามารถสึกพระมหาสมปองได้ก็ต้องเป็นเจ้าคณะผู้ปกครองโดยตรง นั่นคือ เจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ไม่ใช่อยู่ๆ ใครจะไปสึกท่านได้ แม้แต่สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เองก็ไม่มีอำนาจในการสึกพระสงฆ์

และจากหลายๆ ประเด็นในช่วงที่ผ่านมาที่เกี่ยวกับพระมหาสมปอง หากท่านปฏิบัติตามคำตักเตือน คำแนะนำของเจ้าอาวาสวัดสร้อยทองแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนสึก

ผู้คนในโลกโซเชียลยังคงแห่ให้กำลังใจพระมหาสมปองอย่างท่วมท้นมากกว่าเดิม ไปพร้อมๆ กับการตั้งคำถามว่าการจับพระมหาสมปองสึก จะทำให้วงการสงฆ์ดีขึ้นได้จริงหรือ

จะทำให้คนหันมาศรัทธาในพระพุทธศาสนาแบบที่พระมหาสมปองทำให้ประชาชนหันมาเข้าใกล้ศาสนามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนรุ่นใหม่ ที่ปัจจุบันเรียกได้ว่าไม่ได้สนใจหรือให้ความสำคัญในศาสนาเฉกเช่นคนรุ่นก่อน

ตลอดจนถึงประเด็นการตั้งคำถามว่า หรือนี่เป็นการจ้องเชือดไก่ให้ลิงดู เนื่องจากที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าการไลฟ์สดแสดงธรรมะของพระมหาสมปอง

รวมไปถึงพระมหาไพรวัลย์ มีการพูดหยิกแกมหยอกเกี่ยวกับประเด็นเหตุบ้านการเมืองบ้างในบางครั้งเป็นสีสันของการไลฟ์

ซึ่งจุดนี้เองที่คงไปสะกิดใจใคร หรือผู้มีอำนาจบางคนเข้า

ในขณะที่มีคนแห่ให้กำลังใจพระมหาสมปอง ก็มีคนบางกลุ่มออกมาแสดงความคิดเห็นไปในทิศทางตรงข้าม หนึ่งในนั้นคือ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ ที่ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) โดยระบุว่า เมื่อคิดจะยึดถืออารมณ์ เอาการตลก คะนอง เป็นสรณะเป็นที่พึ่ง ในเวลานี้ที่มีทุกข์ มีความน้อยเนื้อต่ำใจ อัดอั้นตันใจ จนระเบิดออกมาเป็นน้ำตา ก็ลองใช้เสียงหัวเราะ อารมณ์ขัน ตลกคะนอง ที่เสพติดมาทั้งชีวิต เอามาแก้ปัญหาดู

นอกจากนี้ นายสุวิทย์ยังโพสต์ถึงการศึกษาที่ผ่านมาของพระมหาสมปอง ตั้งแต่โรงเรียนป่าว่าน จ.ชัยภูมิ จนถึงระดับปริญญาโท พร้อมระบุว่า ความรู้มากมายขนาดนี้ มีความสามารถสร้างอารมณ์ให้ผู้อื่นเสพ จนหัวเราะได้มากขนาดนี้ ทำไมไม่ใช้ความรู้และอารมณ์ขันที่มีมาแก้ทุกข์ จะมาร้องไห้ฟูมฟาย ขี้มูกขี้ตาไหล ให้อายชาวบ้านเขาทำไม เสียยี่ห้อมหาเปรียญและความรู้ระดับปริญญาโทหมด

โทษที่เกิดจากการไม่ศึกษาพระธรรมให้ถ่องแท้ หนำซ้ำยังไม่ฝึกหัดปฏิบัติธรรมอีกต่างหาก วันๆ เอาแต่เสพติดอารมณ์และยัดเยียดอารมณ์ให้แก่ผู้อื่นเขาเสพ พอตนมีปัญหาก็ใช้อารมณ์เข้าแก้ สังคมถึงได้เห็นภาพมหาดราม่าขอคะแนนสงสารอยู่นี่ไง

อดีตพระพุทธะอิสระ ยังได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กอีกครั้งพร้อมระบุนี่คือตัวอย่างของผู้ที่เข้ามาอาศัยผ้าเหลือง ร่ำเรียน สร้างชื่อเสียง ลาภสักการะ ฐานะทางสังคม เมื่อได้สมอยากแล้ว ก็ย่ำยีพระธรรมวินัยที่ตนอิงอาศัยด้วยการยกตนเหนือธรรม พร้อมทิ้งท้ายอย่างเจ็บแสบว่าเป็นก้อนเนื้ออารมณ์ห่มเหลืองชัดๆ

ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เจ้าของฉายานักร้อง (เรียน) แห่งยุค ที่ก่อนหน้านี้เคยยื่นเรื่องร้องเรียนพระมหาสมปองมาแล้ว ก็กลับมาจวกซ้ำด้วยการโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า พส.ร่ำไห้ถูกจ้องจับสึก จนป่านฉะนี้ ยังไม่รู้อีกหรือว่าผิดอะไร รู้จักภาษิตภาษาละตินทางกฎหมายไหมว่ากรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา

รวมถึงปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่ยอมน้อยหน้าตกกระแสดราม่าในครั้งนี้ แชร์ภาพพระมหาสมปองพร้อมแคปชั่นสุดแรงว่า #สึกเถอะมึง

จนทำให้หลายคนต้องหันมาวิจารณ์พฤติกรรมสุดโต่งของอดีต ส.ส.คนดังจากราชบุรีอีกครั้ง

ดราม่าพระมหาสมปองในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นความปั่นป่วนในวงการสงฆ์อีกครั้ง

เพราะก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะมีประเด็นถอดถอนพระสังฆาธิการจากจังหวัดฉะเชิงเทรา, ปทุมธานี และกาฬสินธุ์ พ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด โดยมีการระบุมูลเหตุการถอดถอนว่าทำผิดหลักพระธรรมวินัย และให้ออกจากตำแหน่งโดยที่ไม่มีการสอบสวน

ทั้งนี้ ทาง พศ.ย้ำว่าไม่มีอำนาจหน้าที่ในการเปิดเผยข้อมูลเพราะเป็นหน้าที่ของเจ้าคณะหนและเจ้าคณะภาค

และยิ่งมาเป็นพระที่กำลังอยู่ในกระแสความนิยมของสังคมอย่างพระมหาสมปอง ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่หลายคนจ้องจับตาดูไม่ใช่น้อย

ซึ่งท้ายที่สุดหากมีการจับสึกขึ้นมาจริงๆ เรื่องนี้คงเป็นคำถามที่ค้างคาใจสังคมไปอีกนาน การเรียกตัวเองว่าเมืองพุทธ แต่จับพระรูปหนึ่งสึกเพราะพูดความจริง เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุหรือไม่

และที่สำคัญ จะช่วยให้วงการสงฆ์ดีงามขึ้นมาได้จริงหรือ?