“ทวี” แปะไทม์ไลน์เลือกตั้ง อบต. ชี้จุดเริ่มต้นปชช.กำหนดชะตาตัวเอง หลังรอนานกว่า 7 ปี

วันที่ 12 ตุลาคม 2564 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อการจัดให้มีการเลือกตั้ง อบต.ที่จะมีขึ้นในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ หลังการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นสำคัญนี้ไม่ได้เกิดขึ้นตลอดการปกครองของรัฐบาลเผด็จการทหาร ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ก่อการรัฐประหารปี 2557 กินเวลาช่องว่างดังกล่าวกว่า 7 ปีว่า

28 พฤศจิกายน 2564 เลือกตั้ง อบต. ทั่วประเทศ 5,300 แห่ง คือจุดเริ่มต้นที่ “ประชาชนมีสิทธิ์กำหนดชะตากรรมด้วยตนเอง”

การเกิดรัฐประหารปี 2557 ตลอดระยะเวลากว่า 7 ปีที่ผ่านมา ภายหลังการรัฐประหารยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และต่อเนื่องด้วยการสืบทอดอำนาจของ คสช.ถึงปัจจุบัน ถือว่า คสช.และรัฐบาลได้ยึดอำนาจการปกครองท้องถิ่น หรือ อปท.ไปด้วยและได้รวมศูนย์อำนาจการปกครองไว้ที่ราชการส่วนกลางและภูมิภาคที่ตนเองสามารถควบคุมสั่งการได้ ทำให้การปกครองท้องถิ่นของไทยถอยหลังเข้าคลอง ไร้อำนาจและเหลือเพียงแต่รูปแบบเท่านั้น โดยหนึ่งในหลายๆ คำสั่งที่ คสช.กระทำกับ อปท. คือ การไม่จัดการเลือกตั้งท้องถิ่นนั่นเอง ดังนั้น การเลือกตั้งท้องถิ่น จึงเป็นก้าวแรกที่ประชาชนในท้องถิ่นจะได้รับอำนาจคืนมาจาก คสช. และรัฐบาล

การเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล หรือ อบต.ทั่วประเทศ 5,300 แห่ง ครอบคลุมประชาชนผู้ใช้สิทธิ์ค่อนประเทศ รับสมัคร 11-15 ตุลาคม 2564 และการเลือกตั้งได้ถูกกำหนดขึ้นในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 แม้จะล่าช้าไป แต่ก็ยังคงมีความสำคัญที่พี่น้องประชาชนต้องไปใช้สิทธิ์อย่างพร้อมเพรียง เพื่อให้รัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจาก คสช.ได้เห็นถึงความตื่นตัวและความต้องการอย่างแท้จริงของประชาชนในการปกครองตนเอง อบต. เป็นกุญแจสำคัญในแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เข้าถึงชาวบ้านที่สุด กระจายอำนาจทั้งการบริหาร การตัดสินใจ ทั้งคนและงบประมาณ และการแก้ปัญหาที่เรียกว่า “การแก้ปัญหาโดยคนรู้ดีไม่ใช่คนหวังดี” ที่ใช้ฐานท้องถิ่นที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนที่รู้ปัญหาความต้องการของประชาชนในชุมชนท้องถิ่นเป็นอย่างดี

การขจัดความเหลื่อมล้ำทั้งด้านคุณภาพชีวิต สิทธิ โอกาส อำนาจ ศักดิ์ศรี และเชิงพื้นที่ อบต ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและสนองตอบความต้องการของประชาชนได้แท้จริง เป็นจุดเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของประชาชนจากที่เคยถูกกำหนดโดยรัฐราชการ เป็น “ประชาชนมีสิทธิ์กำหนดชะตากรรมด้วยตนเอง” สามารถส่งเสริมอำนาจทั้งของประชาชนและชุมชนท้องถิ่นให้มีศักยภาพเป็นชุมชนเข้มแข็งและมีความยั่งยืนตามหลักการประชาธิปไตยนั่นเอง