ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 ตุลาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ภาพยนตร์ |
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
CRY MACHO
‘ลูกผู้ชาย’
กำกับการแสดง
Clint Eastwood
นำแสดง
Clint Eastwood
Dwight Yoakam
Eduardo Minette
Natalia Traven
ในวัย 91 คลินต์ อีสต์วูด ยังมีแรงกายแรงใจผลิต กำกับฯ และนำแสดงหนังออกมาให้เราดูกัน
ตลอดหกทศวรรษที่ผ่านมา คลินต์ไม่เคยหายหน้าไปจากวงการ เขายังคงยืนยงอยู่คู่วงการบันเทิงมาตลอด มีบริษัทสร้างหนังของตัวเอง กำกับฯ แต่งเพลงในหนังของตัวเอง และนำแสดงหากมีบทที่เหมาะสมกับวัย
และนี่เป็นหนังในแนวถนัดของเขา : เคาบอย แดนตะวันตก การเดินทาง การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนต่างวัย
แต่ก็ใช่ว่าหนังเคาบอยตะวันตกของอีสต์วูดจะหมายถึงการขี่ม้าท่องไปในโลกกว้าง การดวลปืน หรือชีวิตอันแร้นแค้นนอนกลางดินกินกลางทรายเสมอไป
คลินต์หยิบเอาโปรเจกต์หนังที่ค้างคาเปลี่ยนมือจากคนโน้นไปคนนี้มาร่วม 30 ปี ยังไม่เดินหน้าไปไหนซะที ก่อนหน้านี้บทนำไปตกอยู่ในมือของอาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ มาก่อนแล้วด้วย
คลินต์รับมาปัดฝุ่นใหม่และถ่ายทำในช่วงโควิดที่ต้องจำกัดจำนวนทีมงานและนักแสดงที่เข้าฉากด้วยกัน ตัวละครที่มีบทบาทสำคัญตัวหนึ่งในเรื่อง ส่วนใหญ่เข้าฉากด้วยการโทรศัพท์ติดต่อกัน ซึ่งทำให้นึกถึงหนังช่วงโควิดที่รีวิวไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเหมือนกัน ซึ่งวู้ดดี้ แฮเรลสัน เข้าฉากแบบ “โฟน-อิน” เป็นส่วนใหญ่เลย
ในวัย 91 ซึ่งออกจะแก่เกินแกงไปหน่อยสำหรับความน่าจะเป็นของตัวละคร คลินต์ตัดสินใจนำแสดงเองเลย ภาพลักษณ์ของเขายังไม่ได้เปลี่ยนไปมากสำหรับเรา เพราะเขาน่าจะดูแก่ขนาดนี้มาหลายปีแล้วด้วยซ้ำ
ท้องเรื่องของหนังเกิดใน ค.ศ.1978 การเดินทางระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโกยังไม่เข้มงวดมากนัก เจ้าหน้าที่ชายแดนก็ยังหย่อนยานในเรื่องการข้ามพรมแดนอยู่ไม่น้อย
ขณะที่คนสัญชาติเม็กซิโกวิตกเรื่องการตอบคำถามเจ้าหน้าที่เมื่อจะข้ามชายแดน แต่คนอเมริกันผู้มีอันจะกินพอควรก็สามารถจัดการให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ โดยเหมือนกับว่าคนเม็กซิกันจะเดินข้ามแดนไปได้เฉยๆ เมื่อมีคนอเมริกันมารับ
เรื่องราวคงไม่ได้เกิดขึ้นแบบนี้แน่ถ้าเป็นในยุคสมัยนี้ ซึ่งกองตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐเข้มงวดต่อกระแสผู้อพยพที่พยายามหลั่งไหลเข้าประเทศ
ไมค์ ไมโล (คลินต์ อีสต์วูด) เป็นอดีตแชมป์โรดิโอ หรือการขี่ม้าผาดโผน แต่หมดอาชีพไปจากอุบัติเหตุการตกม้า
การสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่สำคัญต่อเขา รวมทั้งลูกเมีย ทำให้ไมโลหมดอาลัยตายอยากในชีวิตและดูเหมือนอยู่ไปวันๆ โดยเมาหัวราน้ำ
ในที่สุด เขาก็ถูกไล่ออกจากงานเคาบอยในไร่ในรัฐเท็กซัส เนื่องด้วยความไม่รับผิดชอบมาเข้าทำงานตามเวลา
และ ณ จุดที่ไม่มีอะไรอื่นทำอีกแล้วในชีวิต เจ้านายเก่าของเขา เฮาเวิร์ด โพล์ก (ดไวต์ โยคัม) มาขอให้เขาเดินทางไปจัดการพาตัวลูกชายวัยรุ่นที่อยู่กับแม่ที่ปล่อยปละละเลยให้ลูกถูกทารุณกรรม และการ “ไปพาตัวมา” นี้ อาจหมายถึงการ “ลักพา” ก็ได้ตามแต่ความจำเป็นเฉพาะหน้า
เพื่อตอบแทนบุญคุณของเจ้านาย ไมโลขับรถบุโรทั่งเดินทางข้ามพรมแดนไปเม็กซิโกเพื่อภารกิจนี้ และไปพบกับแม่ของเด็กที่ยังสาวสวย แต่ติดเหล้าติดยา และดูท่ามีอันจะกิน โดยมีลูกสมุนรับใช้อยู่หลายคน
ฉากการพบปะกับแม่ของเด็กนี้ คุณคลินต์ออกจะไปไกลเกินขีดความเป็นไปได้มากไปหน่อย นั่นคือมีการยั่วยวนชายวัยเก้าสิบที่ออกจะแก่เกินแกงนี้
แต่นั่นอาจเป็นรสชาติความเผ็ดร้อนที่คลินต์รู้สึกว่าต้องใส่เข้ามาเพื่อปรุงไม่ให้หนังจืดชืดก็ได้
เด็กชายคนที่ไมโลไปตามหานั้นไม่ใช่เด็กน้อยในรูปถ่ายอีกแล้ว เพราะกาลเวลาที่ดูเชื่องช้าสำหรับคนสูงวัยย่อมทำให้เด็กเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว บัดนี้ ราฟา (เอ็ดดูอาร์โด มิเนตตี) ย่างเข้าวัยรุ่น และกำลังอยู่ในช่วงวัยที่มีปัญหา
ราฟาไม่ได้อาศัยอยู่ที่บ้านแม่แล้ว แต่กลายเป็นเด็กเกเร ไปตะลอนตระเวนอยู่ในโลกของอบายมุข และบ่อนพนันไก่ชน
และเขาเป็นเจ้าของไก่ชนที่เขาตั้งชื่อว่า “มาโช” ซึ่งแปลว่า ลูกผู้ชาย หรือคนที่ทะนงแกร่งกล้าเยี่ยงชายชาตรี
และนี่คือที่มาของชื่อหนัง ซึ่งไม่รู้ว่าจะแปลว่า ร้องตะโกนประกาศอวดศักดาว่าตัวเองเป็นลูกผู้ชายแกร่งกล้า หรือร้องไห้ให้แก่ความเป็นชายชาตรีของตน
Cry ในภาษาอังกฤษมีความหมายได้ทั้งสองแบบ
และเรื่องราวก็ก้าวไปสู่การเดินทางในชีวิตของชายต่างวัยสองคน เพื่อไปสู่สิ่งที่ตนคิดว่าเป็นชีวิตที่ดีกว่า
หลบหนีจากการจับกุมของเจ้าพนักงานในข้อหาลักพาตัว และหลบหนีจากเงื้อมมือของอันธพาลที่ตามรังควานเนื่องด้วยการขัดผลประโยชน์กัน
ระหว่างที่คนต่างวัย-คนหนึ่งกำลังอยู่ในช่วงบั้นปลายของชีวิต ส่วนอีกคนชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้นได้ไม่เท่าไร–ได้พบคำตอบที่เป็นทางแยกไปกันคนละทางให้แก่ชีวิตอันดูท่าเหมือนจะภินท์พังของตัวเอง
ชายสูงวัยแบ่งปันความรอบรู้จากประสบการณ์ชีวิตอันยาวนานที่ผ่านมา โดยบอกกับเด็กรุ่นกระทงที่อยากแกร่งเหมือนลูกผู้ชายว่า อันที่จริง คนเราให้ค่ากับความเป็นลูกผู้ชายมากเกินไป
ซึ่งแปลไทยเป็นไทยได้ว่า คนเราไม่จำเป็นต้องแกร่งกล้าเสมอไปในทุกกรณีหรอก ไม่ผิดอะไรที่จะอ่อนแอบ้างในบางครั้ง
และความเข้มแข็งก็มาจากความอ่อนแอนั่นเอง พอล้มลงไป ก็ลุกขึ้นมาใหม่ได้ โดยไม่ปล่อยให้ตัวเองล้มลุกคลุกคลานอยู่กับพื้นตลอดไป
แม้จะไม่ใช่หนังที่ดีที่สุดด้วยฝีมือของคลินต์
แต่ก็เป็นหนังที่เดินไปเรื่อยๆ ช้าๆ ดูได้เพลินๆ
ถ่ายภาพธรรมชาติได้สวยละเมียดละไม และดนตรีประกอบได้อารมณ์
ไม่รู้ว่าคุณปู่คลินต์ อีสต์วูด จะยังมีแรงทำหนังให้เราดูต่อไปอีกกี่เรื่อง