ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 20 - 26 สิงหาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
ผู้เขียน | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ |
เผยแพร่ |
ในที่สุดก็ถึงวันที่คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารโควิดจนไทยมีผู้ติดเชื้อครบ 1 ล้านคน และถ้าอิงตรรกะที่ลิ่วล้อเลียในเดือนมกราคม 2564 โดยอวยว่าคุณประยุทธ์แก้ปัญหาโควิดเก่งจนยิ่งใหญ่เท่านายกฯ อังกฤษสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
ตัวเลขคนติดเชื้อตอนนี้ก็สะท้อนว่าคุณประยุทธ์ทำประเทศพังเป็นจุณ
โควิดระบาดระลอกใหม่เพราะญาติรองนายกฯ ปล่อยผับไฮโซเปิดจนเชื้อลุกลาม
และถ้านับจากเดือนเมษายนที่ทั้งประเทศมีผู้ติดเชื้อราว 70,000 คน ก็เท่ากับว่าคุณประยุทธ์ใช้เวลาสี่เดือนครึ่งในการบริหารห่วยจนคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 9 แสน และไม่นานคงจะมีคนตายครบ 10,000 คน
ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่วันละสองหมื่นและตายวันละสองร้อยตั้งแต่ 4 สิงหาคม ทุกชั่วโมงที่คุณประยุทธ์เป็นนายกฯ จะมีคนไทยตายราวๆ 10 ราย และติดเชื้อราวๆ หนึ่งพันมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว
แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคุณประยุทธ์ไม่มีวี่แววว่าจะหยุดวงจรอุบาทว์ของการตายและการติดเชื้อได้เลย
เท่าที่หมอซึ่งมีความเป็นหมอมากกว่าเป็นลูกน้องรัฐบาลประเมิน การระบาดในประเทศไทยเป็นขาขึ้น ปริมาณการติดเชื้อและการเสียชีวิตยังไปไม่ถึงจุดสูงสุด การระบาดมีโอกาสลากยาวถึงกันยายนหรือตุลาคม
ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็เท่ากับเราจะมีคนตายและคนติดเชื้อรายวันสูงขึ้นเรื่อยๆ ราวสองเดือน
คุณประยุทธ์ในช่วงโควิดระบาดใหม่ๆ ชอบจำคำพูดหมอระดับโลกมาพูดต่อถึงการสร้าง “นิวนอร์มอล” หรือ “ชีวิตวิถีใหม่”
แต่ภายใต้การระบาดที่ลากยาวต่อไปแบบนี้ โอกาสที่ประเทศไทยจะสร้าง “ชีวิตวิถีใหม่” ย่อมมีน้อยมาก ยกเว้นจะคิดว่าเรื่องนี้หมายถึงการใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา
“นิวนอร์มอล” หรือ “ชีวิตวิถีใหม่” หมายถึงการปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดต่อไปในเวลาที่โควิดลุกลาม
แต่การปรับตัวนี้จะเกิดได้ในสังคมที่การตายและการติดเชื้อลดจนเข้าสู่ขั้นตอนการฟื้นฟูประเทศแล้วเท่านั้น
ขณะที่ประเทศไทยตอนนี้ยังอยู่ห่างไกลภาวะดังกล่าวเหลือเกิน
ด้วยทุกสิ่งที่คุณประยุทธ์ทำให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เมื่อใดที่พูดถึงคุณประยุทธ์ เมื่อนั้นคนจะนึกถึงความพังพินาศทางเศรษฐกิจ, โควิดที่ระบาดเพราะคนในเครือข่ายรัฐบาลโกงกิน, ผู้ติดเชื้อเป็นล้าน, เตียงไม่มี, หายาไม่ได้ และอนาคตของประเทศที่เต็มไปด้วยความมืดมิดจนน่าสะพรึงกลัว
คุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ที่ไม่มีใครเอา และนอกจากจะไม่มีใครเอาจนไปไหนมีแต่คนถามว่าเมื่อไรจะออก
คุณประยุทธ์ยังเป็นนายกฯ ที่ประชาชนต่อต้านจนถึงที่มีคนชุมนุมไล่ทุกวัน ต่อให้คุณประยุทธ์จะส่งตำรวจติดอาวุธยิงและจับประชาชนทุกวันคู่ขนานกันไปก็ตาม
ตำรวจภายใต้คุณประยุทธ์ไม่เหลือยางอายในการปราบประชาชน และด้วยนโยบายรัฐที่ทำจนการยิงกระสุนยางเป็นเรื่องธรรมดา
ในที่สุดการใช้กระสุนจริงยิงผู้ชุมนุมก็เกิดขึ้นจริงๆ โดยคุณประยุทธ์ไม่แสดงความห่วงใยเหตุการณ์นี้ ต่อให้คนถูกยิงจะเป็นเด็ก ม.3 อายุ 15 ที่ตำรวจอ้างไม่ได้ยิงก็ตาม
คุณประยุทธ์ทำให้คนไทยตื่นมาตอนเช้าพร้อมข่าวความตายของคนร่วมชาติวันละ 200-300 คน ส่วนตอนดึกก็เป็นข่าวตำรวจยิงหรือทำร้ายประชาชนวิธีต่างๆ จนนอกจากชีวิตใต้การปกครองของคุณประยุทธ์จะไร้อนาคต ทุกวินาทีในระบอบนี้ยังสิ้นหวังจนแม้เด็ก ม.3 ยังออกมาต่อต้านรัฐบาล
ตรงข้ามกับความเชื่อของรัฐบาลว่ายิ่งปราบคนจะยิ่งกลัว พฤติกรรมการปราบที่ลุกลามถึงขั้นเด็ก ม.3 ถูกยิงกระสุนฝังก้านสมองกลับมีผลต่อการชุมนุมน้อยมาก คาร์ม็อบที่นำโดยคุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และคนอื่นๆ มีคนเข้าร่วมสุดลูกหูลูกตา คนชูสามนิ้วหนุนสองข้างถนน และกระทั่งชุมนุมรายวันก็ไม่ยุติลง
คุณประยุทธ์และลิ่วล้อพยายามโจมตีเด็กๆ ว่ามีคนหนุนหลังเหมือนเคยโจมตีว่าคนเสื้อแดงทำตามใบสั่งพรรคเพื่อไทย
แต่ยิ่งนานคำโจมตีแบบนี้ยิ่งมีคนเชื่อแต่ในกลุ่มไอโอโง่ๆ เพราะสวนทางกับความเป็นจริงที่คุณประยุทธ์วันนี้เละ มีแต่คนอยากไล่ และไม่จำเป็นต้องมีใครชวนไปต่อต้านเลย
ต่อให้คุณประยุทธ์จะขยายเขตยิงประชาชนจากดินแดงมาสู่อนุสาวรีย์ชัยฯ และราชประสงค์ การต่อต้านคุณประยุทธ์ก็ไม่ลดน้อยลงไปด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือความเข้มข้นของการต่อต้านมาถึงจุดที่ประชาชนมือเปล่าที่เอาตัวเองเพียงคนเดียวประจันหน้ากับตำรวจติดอาวุธครบมือยิ่งมากขึ้นทุกวัน
สังคมไทยกำลังเผชิญปรากฎการณ์ที่ประชาชนต้านรัฐบาลอย่างไม่กลัวตาย ต่อให้สถานการณ์มาถึงขั้นมีเด็ก ม.3 ถูกกระสุนจริงยิงสมอง ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าคุณประยุทธ์และ “ระบอบประยุทธ์” ไม่เป็นที่ต้องการของประชาชนขึ้นเรื่อยๆ
จนคนที่พร้อมทำทุกอย่างให้ระบอบนี้ปิดฉากมากขึ้นทุกวัน
คุณประยุทธ์ไม่ใช่ผู้นำเผด็จการคนแรกของไทย
แต่ขณะที่เผด็จการรายอื่นอ้างว่าสามารถสร้างผลประโยชน์บางอย่าง เช่น สร้างเขื่อน, ตัดถนน, ความกินดีอยู่ดี ฯลฯ
คุณประยุทธ์กลับเป็นเผด็จการคนแรกที่ตอบไม่ได้เลยว่า “อรรถประโยชน์ของเผด็จการ” คืออะไร
เผด็จการไทยชอบอ้างว่าจีนเป็นเผด็จการก็ทำประเทศเจริญ แต่จีนคือระบอบเผด็จการพรรคเดียวที่อิงความชอบธรรมจากชนชั้นกรรมาชน
ส่วนไทยคือระบอบมาเฟียที่เผด็จการทหารเกาะสถาบันอภิสิทธิ์ชนทั้งหมด จึงไม่ต้องพูดว่าเจ็ดปีที่คุณประยุทธ์ยึดประเทศนั้น ทำไมไม่มีอะไรเจริญขึ้นเลย
เผด็จการไทยมักจรรโลงอำนาจโดยอ้างเรื่องชาตินิยม แต่ชาตินิยมซึ่งโหนลัทธิคลั่งชาติและศาสนามีความหมายต่อสังคมไทยลดลงเรื่อยๆ
ไม่ต้องพูดถึงคนรุ่นใหม่ที่มองชาติว่าหมายถึงความเท่าเทียม, ความเสมอภาค และความยุติธรรม
ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่มีในคุณประยุทธ์หรือระบอบประยุทธ์เลย
คุณประยุทธ์เป็นผู้นำเผด็จการที่อ้างเรื่องชาติมากกว่านายกฯ ทุกคน
แต่ทันทีที่คำว่าชาติหลุดจากปากคุณประยุทธ์ คนทั้งประเทศก้รู้ว่าคุณประยุทธ์ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างให้ประชาชนอยู่ใต้เผด็จการต่อไปไม่หยุด
ชาติเชิงเชื้อชาติและศาสนาที่อ่อนแออยู่แล้วจึงอ่อนแอลงเพราะถูกมองเป็นแค่เครื่องมือ
ข้ออ้างอีกข้อที่คุณประยุทธ์ใช้ในการครองอำนาจมาเจ็ดปีคือการปกป้องสถาบัน แต่ด้วยข้อเท็จจริงที่ไม่เคยมียุคไหนที่รัฐดำเนินคดี 112 กับประชาชนมากเท่าปัจจุบันที่ทำถึงขั้นฟ้องเอาเด็กอายุต่ำกว่า 15 เข้าคุก
ข้ออ้างเรื่องสถาบันไม่มีพลังให้คนยอมสยบอยู่ใต้การปกครองของคุณประยุทธ์อีกต่อไป
ปี 2557 คือปีที่คุณประยุทธ์และคนแบบคุณประยุทธ์ประกาศไล่คนเห็นต่างให้ออกไปอยู่ที่อื่นอย่างย่ามใจ
แต่เมื่อเวลาล่วงมาถึงปี 2564 คนที่ไม่อยากอยู่ร่วมประเทศกับคุณประยุทธ์กลับมีท่วมท้นไปหมดจนชาติหรืออุดมการอื่นๆ ที่คุณประยุทธ์ใช้เป็นข้ออ้างยึดอำนาจไม่มีน้ำยาอีกเลย
ไม่เคยมีนายกฯ เผด็จการคนไหนที่ถูกประชาชนต่อต้านอย่างกว้างขวางและต่อเนื่องเท่าที่เกิดขึ้นกับคุณประยุทธ์ในตอนนี้
ไม่เคยมีมาก่อนที่จะเห็นประชาชนสู้กับเผด็จการซึ่งยกระดับใช้ความรุนแรงขึ้นทุกวัน แต่ทั้งหมดนี้กลับไม่มีอะไรหยุดยั้งประชาชนได้เลย ต่อให้เด็ก ม.3 ถูกยิงด้วยกระสุนจริง
สายสัมพันธ์ระหว่างคุณประยุทธ์กับประชาชนขาดสะบั้นไปพร้อมกับความพังพินาศทางเศรษฐกิจ,ผู้คนที่ล้มตายราวใบไม้ร่วง, ผู้มีอำนาจโกงวัคซีน, การตุกติกเครื่องตรวจเชื้อ ฯลฯ ซึ่งทำให้การดำรงอยู่ของคุณประยุทธ์เป็นภัยคุกคามชีวิตประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ จนอยู่ร่วมกันไม่ได้อีกต่อไป
ไม่ว่าคุณประยุทธ์และกองหนุนคุณประยุทธ์จะพอใจหรือไม่ คนส่วนใหญ่ในประเทศหันหลังให้กับคุณประยุทธ์อย่างไม่มีวันหวนกลับ
อนาคตของประเทศมีเพียงอวสานของคุณประยุทธ์โดยลำพัง หรือไม่ก็คืออวสานของคุณประยุทธ์และระบอบประยุทธ์
สุดแท้แต่จะเป็นวันไหนเท่านั้นเอง