เวิร์กฟอร์มดูไบ/ชกคาดเชือก วงค์ ตาวัน

วงค์ ตาวัน

ชกคาดเชือก

วงค์ ตาวัน

 

เวิร์กฟอร์มดูไบ

 

เพราะว่ารัฐบาลทหารอยู่นานเกินไป แถมยังอยู่ต่อหลังเลือกตั้งด้วยกลไกรัฐธรรมนูญฉบับอยากอยู่ยาว มีพรรค 250 ส.ว.ที่ไม่ต้องผ่านกระบวนการเลือกตั้ง มารอโหวตให้เป็นนายกฯ ตั้งรัฐบาลอีกด้วย แต่เพราะอยู่นานเกินไปนี่แหละ ยิ่งทำให้ประชาชนคนไทยยิ่งนึกถึงทักษิณ ชินวัตร

ยิ่งมีโทนี่ วู้ดซัม มาปรากฏตัวในคลับเฮาส์ พูดคุยสนทนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น แสดงวิสัยทัศน์ มุมมอง ตอบข้อถาม ให้ข้อคิดเสนอแนะในปัญหาต่างๆ

ยิ่งมีความโดดเด่นเหนือกว่าผู้นำที่อยู่กับอาชีพทหารทั้งชีวิต และเข้ามาเพื่อเป็นตัวแทนชนชั้นอื่น ไม่ใช่ตัวแทนประชาชน แบบนักการเมืองที่เลือกตั้งโดยชาวบ้าน

เจอวิกฤตโควิด เศรษฐกิจพังพินาศ ประชาชนอดอยากขาดรายได้ ยิ่งเข้าทางโทนี่ เพราะเคยผ่านการแสดงฝีมือให้เห็นมาแล้วช่วงเป็นนายกฯ ในวิกฤตหวัดนก ไข้ซาร์ส และภัยพิบัติสึนามิ

แถมทุกวันนี้ท่องไปทั่วโลก พบปะผู้นำนานาชาติ ทำธุรกิจข้ามชาติมากมาย ยิ่งเพิ่มมุมมองกว้างไกล

อันที่จริง สมัยเป็นนายกฯ ทักษิณนั้น มีทั้งข้อเด่นและข้อด้อย ตามวิสัยมนุษย์ปกติ แต่นับวัน ความยากลำบากของประชาชนคนไทย ทำให้ผู้คนมีแต่นึกถึงความเก่งกาจสามารถ จนความผิดพลาดในอดีตของทักษิณเลือนหายไปแทบหมดสิ้น!

ในสถานการณ์โควิด ที่ยังมองไม่เห็นช่องทางฟื้นคืนเศรษฐกิจการค้า คนยิ่งนึกถึงทักษิณ ยิ่งถ้าเป็นแฟนคลับ เป็นคนที่เลือกทักษิณสมัยเลือกตั้ง ถึงขั้นอยากให้กลับมาแก้ปัญหาประเทศชาติ

ทั้งที่มีคดีความติดตัวอยู่ และกลุ่มอำนาจปัจจุบันนั้นภารกิจหลักคือขุดรากถอนโคนทักษิณโดยตรง

การเรียกหาให้ทักษิณกลับไทย จึงไม่เห็นความเป็นไปได้ แต่ก็ยังเรียกร้อง เพราะไม่มีความหวังกับการเมืองภายใต้อำนาจอดีตผู้นำกองทัพ

ล่าสุดพี่โทนี่ประกาศในคลับเฮาส์ถึง 2 ครั้ง ว่าจะกลับไทยแน่ เร็วๆ นี้ กลับสุวรรณภูมิ เดินออกประตูหน้าด้วย

เลยยิ่งฮือฮา ทำเอาขั้วอำนาจปัจจุบันเหมือนโดนเขย่า พวกเกลียดชังก็หวาดผวา ส่วนชาวบ้านที่อยากให้กลับมาแก้โควิดฟื้นเศรษฐกิจก็พากันดีอกดีใจมีความหวัง

เกิดคำถามจากทุกฝ่ายว่า ทักษิณจะได้กลับไทยในเร็วๆ นี้จริงหรือ สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแล้วจริงหรือ!?

 

บางฝ่ายในเครือข่ายอำนาจปัจจุบัน มีแนวคิดอยากจะให้ทักษิณกลับไทย ด้วยหวังจะเป็นหนทางลดปัญหาความขัดแย้งแตกแยกในสังคมไทยที่ยังไม่มีแนวโน้มจะคลี่คลายได้ โดยมีการติดต่อพูดคุยเจรจา ยื่นเงื่อนไขต่างๆ นานา

การเจรจาจะเป็นจริงเป็นจังแค่ไหน ข้อต่อรองที่สูงเกินไป จะเป็นไปได้หรือไม่ ก็ต้องติดตามกันต่อไป

แต่ทักษิณก็คงไม่มีหนทางเดียวเท่านั้นกระมัง

ทั้งมองในภาพความเป็นจริงของบ้านเมือง ต้องนับว่ากลุ่มอำนาจนอกระบบประชาธิปไตย นักเคลื่อนไหวการเมืองและนักการเมืองฝ่ายขวา ที่วางแผนยึดอำนาจตั้งแต่การสร้างม็อบเสื้อเหลือง เพื่อนำไปสู่การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 แต่ก็ล้มเหลว จึงเกิดภาค 2 ก่อม็อบนกหวีด เพื่อปูทางให้เกิดรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 แล้วอยู่ยาวมาจนวันนี้

คณะอำนาจนอกระบบประชาธิปไตยและฝ่ายอนุรักษนิยมทางการเมือง ได้เดินทางถึงจุดเสื่อมทรุดสุดขีดแล้วในวันนี้

กลายเป็นภาพเปรียบเทียบให้คนในสังคมได้เห็นเด่นชัดว่า ทักษิณจะดีจะเลวยังไง ประชาธิปไตยจะมีความด้อยแค่ไหน แต่เหนือกว่ากลุ่มทหารกลุ่มฝ่ายขวาในการบริหารบ้านเมืองอย่างแน่นอน!

เพราะมีความเป็นเสรีนิยม ปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เปิดกว้างให้คนเก่งๆ เข้ามาแก้ปัญหาบ้านเมือง ตรงกับสถานการณ์แต่ละช่วงได้ง่ายๆ ไม่ต้องมีกรอบยึดติดอะไร

แต่ภายใต้อำนาจอนุรักษนิยม มาเพื่อจะรักษาอำนาจของกลุ่มเดียว มีนายทหารเป็นผู้นำรัฐบาล อยู่ยาวนานไม่ยอมเลิก เปลี่ยนอะไรก็ไม่ได้ เพราะกุมกลไกทุกองค์กรไว้ในมือหมด

เมื่อบ้านเมืองเกิดวิกฤตระดับโลก เกิดวิกฤตโควิด ฉุดเศรษฐกิจทรุดหนัก เป็นเรื่องยากอย่างมากที่จะให้รัฐบาลลุง แนวคิดล้าหลัง รับมือกับสถานการณ์แบบนี้ได้

จึงทำให้สังคมไทยหันกลับไปเสียดายคนชื่อทักษิณ หรือนึกถึงนักการเมืองรุ่นใหม่ ที่ครบเครื่องเรื่องการบริหารงานเชี่ยวชาญเรื่องธุรกิจ มีวิสัยทัศน์ก้าวไปกับโลกยุคใหม่

หลายปีมานี้ประชาชนคนไทยตระหนักชัดแล้วว่า มีแต่ประชาธิปไตยเสรีเท่านั้น ที่จะเปิดให้บ้านเมืองมีคนเก่งคนรุ่นใหม่เข้ามาทำให้ประเทศนี้พัฒนาก้าวหน้า

ที่ทักษิณทำเอาไว้ในยุคเป็นนายกฯ และที่พรรคในเครือข่ายทักษิณบริหารต่อเนื่องมา รวมไปถึงยุคยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผลงานเปรียบเทียบชัดเจนกับรัฐบาลทหาร หรือรัฐบาลแนวคิดอนุรักษนิยมล้าหลัง

จุดเสื่อมทรุดของกลุ่มอำนาจขุนศึกขุนนางในวันนี้ เป็นเงื่อนไขให้การเมืองไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคตอันใกล้

ถ้าการเมืองเปลี่ยนภายใต้การตื่นตัวอย่างสูงของประชาชน นั่นก็เป็นโอกาสกลับมาของทักษิณ

 

ภายใต้การรัฐประหารถึง 2 ครั้ง โดยเมื่อปี 2549 เพื่อล้มทักษิณ และปี 2557 เพื่อล้มยิ่งลักษณ์ เป็นสิ่งที่ยืนยันชัดเจนยิ่งกว่าอะไรเสียอีก เป็นคำตอบว่าทำไมทั่วโลกถึงให้การต้อนรับอดีตนายกฯ 2 พี่น้อง ไม่มีรัฐบาลไหนให้ความร่วมมือจับตัวส่งมาให้ไทยเพื่อดำเนินคดี

ทั้งไม่มีใครเชื่อว่า ข้อหาทุจริตสารพัดที่ทักษิณและยิ่งลักษณ์ถูกดำเนินคดีในยุครัฐประหารนั้น คือการทุจริตจริง มองเป็นเรื่องการทำลายล้างการเมืองมากกว่า

นี่แหละคือจุดอ่อนของฝ่ายอนุรักษนิยมไทย ไม่เคยจัดการกับคู่ขัดแย้งตามระบบที่ตรงไปตรงมา จึงทำให้ข้อกล่าวหานั้น ไม่มีความชอบธรรม ไม่น่าเชื่อถือ

อันที่จริงก่อนรัฐประหาร 2549 นั้น ทักษิณก็เริ่มเสื่อมในสายตาประชาชนหลายๆ ด้าน แทนที่จะปล่อยให้มีการเลือกตั้ง แล้วให้เสียงประชาชนเป็นผู้ชี้ชะตาทักษิณ ก็กลับไปใช้วิธีจัดม็อบเรียกหาทหาร ลงเอยใช้การรัฐประหารมาโค่นล้ม ก็เลยหมดสิ้นความชอบธรรม ส่งผลให้ทักษิณกลายเป็นคนถูกรังแกทางการเมือง

ไม่ต่างกับสิ่งที่ยิ่งลักษณ์โดนในปี 2557 ก็ขนาดยอมยุบสภา ให้ประชาชนทั้งประเทศตัดสินใจใหม่ ก็ยังไม่ยอมเลือกตั้ง อ้างปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง สุดท้ายก็รัฐประหาร แล้วได้การเมืองที่ถอยหลังไม่มีความปฏิรูปอะไรให้เห็นแม้แต่น้อย

กลายเป็นเครื่องสร้างความชอบธรรมให้ยิ่งลักษณ์อีก!

การหนีคดีของ 2 พี่น้อง จึงเป็นแค่การย้ายบ้านไปอยู่ดูไบ และไปไหนมาไหนได้ทั่วโลก แถมด้วยความก้าวหน้าของโลก จะสื่อสารผ่านไลฟ์เฟซบุ๊ก หรือล่าสุดที่เข้าทางโทนี่อย่างมากคือคลับเฮาส์ นั่นจึงยิ่งทำให้ทักษิณกลับมามีบทบาทแสดงความคิดเห็นและวิสัยทัศน์ในวิกฤตขณะนี้ได้อย่างโดดเด่น

คำกล่าวของทักษิณที่ว่า พร้อมจะช่วยเหลือแก้ปัญหา เพราะสามารถเวิร์กฟอร์มดูไบได้ ไม่ใช่เรื่องพูดเล่นๆ

เมื่อสถานการณ์โควิดและเศรษฐกิจทรุด ทำให้กลุ่มอำนาจทหารและกลุ่มอนุรักษนิยมหมดราคาในสายตาประชาชน

สถานการณ์นี้ทำให้นักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย เป็นที่ยอมรับมากขึ้น

ไปจนถึงเป็นโอกาสทองของโทนี่ที่จะโชว์อะไรต่อมิอะไร ทำให้เสียงเรียกหาโทนี่ให้กลับมา จึงเริ่มกระหึ่ม

ทักษิณและโทนี่จะกลับมาจริงหรือไม่ ต้องรอดูกันต่อไป

แต่นี่คือโลกยุค 5 จี

โทนี่สามารถเวิร์กฟอร์มดูไบ เป็นผู้นำในการแก้ไขสถานการณ์ในสายตาประชาชนได้เป็นอย่างดี!