สีจิ้นผิงปรับแนวทางการทูตใหม่/การเมืองวัฒนธรรม เกษียร เตชะพีระ

เกษียร เตชะพีระ

การเมืองวัฒนธรรม

เกษียร เตชะพีระ

 

สีจิ้นผิงปรับแนวทางการทูตใหม่

การทูต “นักรบหมาป่า” ที่ล้มเหลวของจีน

หลิวเสี่ยวหมิง, จ้าวลี่เจี้ยน, ฮว่าชุนอิ๋ง, สีจิ้นผิง

 

เมื่อวันพุธที่ 2 มิถุนายนศกนี้ เลขาธิการพรรคและประธานาธิบดีจีนสีจิ้นผิงได้กล่าวแถลงต่อที่ประชุมกลุ่มศึกษาแห่งกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่าจีนต้องหาทางดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ผ่อนปรนเอา ใจ (https://www.bbc.com/news/world-asia-china-57327177)

นี่ฟังเหมือนการตั้งคำถามต่อแนวทางการทูตแบบ “นักรบหมาป่า” ก่อนหน้านี้ของจีนซึ่งทำให้บรรดานักการทูตจีนในนานาประเทศถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามักออกคำแถลงที่มีน้ำเสียงแข็งกร้าว และบ่อยครั้งมีนัยให้ร้ายดูหมิ่น อันเป็นพฤติกรรมที่นำมาซึ่งความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ในหลายประเทศและทำลายภาพลักษณ์ของจีนในเวทีโลกลงไปอย่างยืนยาว

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่าสีเรียกร้องแกนนำพรรคและสื่อของรัฐให้ช่วยกันลงแรงสร้างภาพลักษณ์ของประเทศจีนที่ “น่าเชื่อใจ น่ารักและน่าเคารพนับถือ” ขึ้นมา ทั้งนี้ ด้วยการปรับปรุงการสื่อสารกับสากลให้ดีขึ้นและขยายวงบรรดาประเทศเพื่อนมิตรซึ่งหดลดลงอย่างน่าตกใจในสองปีหลังนี้ สีกล่าวตอนหนึ่งว่า :

“จำเป็นที่เราต้องหาเพื่อน ต้องสามัคคีกันไปชนะใจคนส่วนใหญ่และขยายวงเพื่อนมิตรของเราออกไปไม่หยุดหย่อน จีนต้องเปิดกว้างและมั่นใจในตัวเอง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนในการสื่อสารกับโลกภายนอกด้วย องค์การโฆษณาของพรรคต้องทำให้ความจริงเป็นที่ประจักษ์ชัดว่ารัฐบาลจีนมิปรารถนาอื่นใดเลยนอกจากความสุขของประชาชนจีน ความสุขของมวลมนุษยชาติและความเจริญรุ่งเรืองสำหรับทุกคน” (http://www.xinhuanet.com/english/2021-06/01/c_139983105.htm)

คำแถลงของสีจิ้นผิงข้างต้นนี้ทะลุกลางปล้องขึ้นมาขณะความสัมพันธ์ของจีนกับหลายประเทศมหาอำนาจในโลกและเพื่อนบ้านกำลังตึงเครียดยิ่งขึ้น ดังแสดงออกในความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นต้น

โรคระบาดทั่วโควิด-19 หาได้ช่วยจีนเยียวยาความสัมพันธ์ทางการทูตกับนานาประเทศให้ดีขึ้นไม่ ตรงกันข้าม ล่าสุดทฤษฎีที่ว่าต้นตอของไวรัสโคโรนาแพร่ระบาดอาจรั่วไหลมาจากห้องทดลองในเมืองอู่ฮั่น (the lab leak theory) ก็เป็นได้นั้นถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่อีกครั้งในสหรัฐ (https://www.bbc.com/news/world-us-canada-57260009) เห็นได้ชัดว่าทางการปักกิ่งไม่พอใจยิ่ง

และกล่าวหาทางการวอชิงตันว่า “ล่อหลอกฉวยใช้ทางการเมือง” และ “โยนความรับผิดชอบ” ให้คนอื่น

เรื่องอื้อฉาวใหญ่ที่ทำให้ภาพลักษณ์จีนแปดเปื้อนเสียหายร้ายแรงได้แก่การกักกันและเล่นงานชาวอุยกูร์มุสลิมขนานใหญ่ในมณฑลซินเจียงซึ่งถูกรัฐบาลไบเดนประณามว่าเป็น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” (genocide) รวมทั้งการปราบปรามการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในฮ่องกงด้วย

ทั้งนี้ ยังไม่นับประดาคำแถลงปะฉะดะอย่างอหังการของเหล่านักการทูต “นักรบหมาป่า” ของจีนเพื่อปกป้องนโยบายทั้งสองของทางการปักกิ่งซึ่งยิ่งบั่นทอน “อำนาจละมุน” (soft power) ของจีนลง

แล้วยังความต้องการของสีจิ้นผิงกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่จะยื่นเสนอ “ทางออกแบบจีน” ให้นานาประเทศกำลังพัฒนาในฐานะตัวแบบที่ว่ากันว่าเหนือล้ำกว่าระบอบเสรีประชาธิปไตยของตะวันตกซึ่ง “ไร้ประสิทธิภาพ” และ “กำลังเสื่อมถอย” อีกเล่า

คำเรียกร้องของสีต่อเหล่านักการทูตจีนให้ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเผยแพร่ภาพลักษณ์เชิงบวกและเปิดกว้างของประเทศออกไปในครั้งนี้ นับเป็นวาทกรรมสวนทวนจังหน้ากับยุทธศาสตร์การทูต “นักรบหมาป่า” ซึ่งกระตุ้นหนุนเสริมให้บรรดานักการทูตจีนเที่ยวว้ากเพ้ยก้าวร้าว ออกไปแพร่ข่าวปลอม (ดังที่สีกล่าวชี้นำแนวทางโฆษณาชวนเชื่อและปลูกฝังอุดมการณ์ของพรรคเมื่อปี 2013 อย่างตรงไปตรงมาตอนหนึ่งว่า “ต่อให้เราถูก บางทีเราก็จะไม่ใช้ความถูกต้องนี้ และต่อให้เราผิด บางทีเราก็จำต้องเดินหน้าไป” https://chinacopyrightandmedia.wordpress.com/2013/11/12/xi-jinpings-19-august-speech-revealed-translation/) และป้ายสีโจมตีปรปักษ์ของจีนในทางสากล โดยเฉพาะบนสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อปกป้องคำโฆษณาชวนเชื่อของจีนเบื้องหน้าตัวแบบระบอบการเมืองของตะวันตก

คำแถลงของผู้นำสูงสุดจีนดังกล่าวครั้งนี้เป็นที่น่าประหลาดใจ ยังมิพักต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีเยี่ยงอย่างมาก่อนนับแต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนยึดปักกิ่งได้ในปี 1949 เป็นต้นมาด้วยซ้ำ

เพราะโดยทั่วไปแล้วมันฟังคล้ายชวนให้เข้าใจไปได้ว่าเป็นการวิจารณ์ตนเอง เหมือนแปลความออกมาได้ว่าเป็นการยอมรับความล้มเหลวของการทูตแบบ “นักรบหมาป่า” อันเป็นนโยบายที่เอาเข้าจริงมักปลุกกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้แบบกลับตาลปัตรกับที่ทางการปักกิ่งคาดหมาย

กล่าวคือ แทนที่เหล่าชาวต่างชาติผู้ตกเป็นเหยื่อเขี้ยวเล็บของนักการทูตแบบ “นักรบหมาป่า” ของจีนจะถูกข่มจนกลัวหงอหรือยอมอ่อนข้อ พวกเขากลับยิ่งปักใจมั่นและยังได้คำประกาศสนับสนุนจากบรรดาเพื่อนร่วมชาตินับพันๆ คนด้วยซ้ำ

ทว่าเบื้องหลังสิ่งที่ดูเหมือน “คำแถลงยอมรับว่าล้มเหลว” ดังกล่าว เราจะพอตีความการกลับตาลปัตรนโยบายการทูตนี้ได้อย่างไรบ้าง?

ที่สีจิ้นผิงแถลงกลับลำแบบนี้สะท้อนตรรกะของการเมืองภายในพรรคคอมมิวนิสต์จีนเองหรือเปล่า?

เพราะถึงไง นี่ก็เป็นปีที่สำคัญยิ่งสำหรับสีผู้กำลังกรุยทางไปสู่การประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 ในฤดูใบไม้ร่วงปีหน้า (ค.ศ.2022) ในโอกาสการประชุมที่ว่านั้น สีจะต้องธำรงรักษาตำแหน่งอำนาจสูงสุดของตนไว้อีก 5 ปีเป็นวาระที่สามซึ่งนับว่าไม่เคยปรากฏเยี่ยงอย่างมาก่อนเลยนับแต่การปฏิรูปพรรคของเติ้งเสี่ยวผิงเมื่อทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา

หนทางของสีสายนี้หาได้ไหลเรื่อยไปโดยสงบราบรื่นไม่ และสีเองก็ต้องเดินหมากปลดเขี้ยวเล็บกลุ่มก๊วนต่างๆ ในพรรคที่ไม่เห็นด้วยกับแนวนโยบายต่างประเทศของเขาอยู่ตลอดเวลา

โดยเฉพาะนโยบายเผชิญหน้ากับอเมริกาและโลกตะวันตกทั่วไป ซึ่งนำเอาภยันตรายทั้งหลายแหล่ของ “สงครามเย็น” ครั้งใหม่มาให้จีน

 

สําหรับนักสังเกตการณ์จีนทั้งหลาย มันจึงสำคัญที่จะต้องเฝ้าจับตาดูการเคลื่อนไหวส่งสัญญาณใดๆ ในหมู่ผู้นำจีนช่วงหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนถัดไปให้ดี ในสภาพที่สัญญาณบางอย่างเมื่อเร็วๆ นี้ส่อให้เห็นความหงุดหงิดงุ่นง่านบางอย่างที่จงหนานไห่อันเป็นที่พำนักของเหล่าผู้นำรัฐ-พรรคระดับสูงของจีนในพระราชวังต้องห้ามกลางกรุงปักกิ่ง

วงการทูตนานาชาติจึงยังรอสัญญาณที่แจ้งชัดจากจีนต่อไป ยิ่งในช่วงหลายเดือนหลังนี้ที่น้ำเสียงการทูตของจีนไต่ระดับดุดันขึ้นโดยเฉพาะกับสหรัฐ

วาทกรรมทอดไมตรีใหม่เรื่องทำให้จีน “น่ารัก” ของสีจิ้นผิงนั้นย่อมไปถึงหูรัฐบาลไบเดนแล้ว

คำถามคือสหรัฐจะสนองตอบหรือไม่อย่างไร?

ในทางกลับกัน บรรดานักการทูตสำนัก “นักรบหมาป่า” ของจีนก็ยังครองตำแหน่งหน้าที่กันสลอนอยู่ หาได้ถูกปลดเปลี่ยนแต่อย่างใดไม่

พวกนักสังเกตการณ์จึงยังไม่มั่นใจท่าทีใหม่ของจีนเสียทีเดียวและรอดูปฏิบัติการรูปธรรมออกมาก่อน

เหนืออื่นใดคือช่วงหลายสัปดาห์ในวาระโอกาสเฉลิมฉลองวันก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนครบรอบร้อยปีซึ่งกำหนดจะจัดขึ้นวันที่ 1 กรกฎาคมศกนี้ที่ปักกิ่ง โดยเลขาธิการพรรคสีจิ้นผิงจะขึ้นกล่าวปราศรัยครั้งสำคัญและมอบ “เหรียญตรา 1 กรกฎาคม” เป็นเกียรติยศแก่บรรดาสมาชิกพรรคผู้อุทิศคุณูปการเป็นพิเศษยิ่งให้แก่พรรค (http://www.xinhuanet.com/english/2021-03/23/c_139830579.htm) ไปจนถึงช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวยาว 7 เดือนซึ่งจะจัดขึ้นที่ปักกิ่งเช่นกันในเดือนกุมภาพันธ์ศกหน้า

สืบเนื่องจากวาระครบรอบพิเศษดังกล่าว ทางพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้จัดการศึกษาและฝึกอบรมประวัติพรรคขึ้นเป็นการพิเศษต่อเนื่องตลอดปีนี้ โดยผสานการเสริมสร้างความมั่นคงและปลูกฝังให้ลุ่มลึก ซึ่งความรู้ในหัวข้อ “ยึดมั่นการเข้าร่วมแบกรับแต่แรกเริ่มและพิทักษ์จิตวิญญาณแห่งภารกิจ” เข้ากับการศึกษาอบรมประวัติพรรคสำหรับสมาชิกพรรคทั้งหมดกว่า 91 ล้านคน เพื่อให้สมาชิกและผู้ปฏิบัติงานของพรรคเข้าใจแนวคิดของพรรค นำมาปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และบรรลุผลสำเร็จใหม่ๆ

ทว่าปมเงื่อนที่ทำให้การทูตจีนประสบปัญหาติดขัดอาจกว้างและลึกกว่านั้นมากก็เป็นได้…