‘ยูเอฟโอ’ เรื่องบันเทิงลี้ลับ สู่พื้นที่สื่อกระแสหลักในสหรัฐอเมริกา

หากนับไปเมื่อหลายปีก่อน เรื่องของ “ยูเอฟโอ” หรือ “วัตถุบินที่ไม่สามารถระบุได้” อาจเป็นเพียงเรื่องลี้ลับและความบันเทิงที่ถูกพูดถึงในกลุ่มคนวงแคบๆ ที่มีความเชื่อแบบเดียวกัน

แต่ในช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีคนพูดถึงยูเอฟโอกันอย่างจริงจังมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ระบุถึงยูเอฟโอผ่านรายการทีวีเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า “มันมีฟุตเทจที่บันทึกวัตถุบินได้บนท้องฟ้าที่เราไม่สามารถรู้แน่ชัดว่าพวกมันคืออะไร เราไม่สามารถอธิบายวิธีการเคลื่อนที่ หรือทิศทางการเคลื่อนไหวของมันได้”

ขณะที่สภาคองเกรสหรัฐเองก็มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อรับรายงานจากคณะทำงาน “เพนตากอน” หรือกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ที่มีรายละเอียดการสืบสวนเกี่ยวกับ “ยูเอพี” หรือ “ปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่ไม่สามารถระบุได้” คำจำกัดความของยูเอฟโอ ที่ผู้เชี่ยวชาญเพนตากอนใช้กัน

แม้แต่นักฟุตบอลระดับโลกแสดงความเห็นเกี่ยวกับประสบการณ์พบเห็นยูเอฟโอ อย่างคริส สมอลลิ่ง นักเตะชาวอังกฤษที่ค้าแข้งอยู่กับสโมสรโรม่าในอิตาลี รวมถึง แกเร็ต เบล ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติเวลส์ ที่ออกมาเปิดเผยว่าตนเชื่อว่า มนุษย์ต่างดาว และยูเอฟโอมีอยู่จริง ก็ถูกนำมาพาดหัวข่าวในสื่อด้วยเช่นกัน

เรื่องนี้สะท้อนได้จากผลสำรวจของกัลลัปในปี 1996 ที่พบว่าชาวอเมริกัน 47 เปอร์เซ็นต์ที่คิดว่าสิ่งที่ผู้รายงานการพบเห็นยูเอฟโอเป็นเรื่องจริง เทียบกับผลสำรวจครั้งล่าสุดในปี 2019 ที่พบว่ามีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 56 เปอร์เซ็นต์

และที่น่าสนใจก็คือ สัดส่วนชาวอเมริกันที่เชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐปิดบังอะไรบางอย่างเกี่ยวกับยูเอฟโอเอาไว้มีสัดส่วนที่น้อยลง

แนวโน้มดังกล่าวเกิดขึ้นได้ก็จากหลักฐานที่น่าเชื่อถือที่โน้มน้าวใจคนโดยเฉพาะคลิปวิดีโอ “ยูเอฟโอ” 3 คลิปของกองทัพเรือสหรัฐที่หลุดออกมาถึงสือสื่อในปี 2017

คลิปแรกเป็นคลิปที่เครื่องบินรบของกองทัพเรือสหรัฐ จากเรือบรรทุกเครื่องบิน “ยูเอสเอส นิมิตซ์” บันทึกการพบเห็นยูเอฟโอเอาไว้ในน่านฟ้าสหรัฐอเมริกา ในเดือนธันวาคม 2004 นอกชายฝั่งซานดิเอโกไปราว 100 ไมล์

โดยกัปตันเครื่องบินรบอย่าง น.ท.เดวิด ฟราเวอร์ และ น.ต.อามี เดียทริช ออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันประสบการณ์การพบเห็นยูเอฟโอในครั้งนั้นด้วย โดยคลิปที่ถ่ายได้ด้วยกล้องอินฟาเรดนี้ถูกเรียกว่า “FLIR1”

อีกคลิปบันทึกได้ในปี 2015 นอกชายฝั่งฟลอริดา เครื่องบินรบจากเรือบรรทุกเครื่องบิน “ยูเอสเอส ทีโอดอร์ รูสเวลต์” ถ่ายปรากฏการณ์ยูเอฟโอเอาไว้ได้อีกครั้งโดยคลิปนี้เรียกกันว่า “GIMBAL”

หลังจากการตีแผ่ของนิวยอร์กไทม์สไม่กี่เดือน คลิปที่ 3 ที่เรียกกันว่า “GOFAST” บันทึกยูเอฟโอเอาไว้ได้ในปี 2015 เช่นกัน แสดงให้เห็นวัตถุสีขาวเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง

ก่อนที่จะมีการเปิดเผยบันทึกเสียงนักบินกองทัพสหรัฐที่หัวเราะด้วยความตื่นเต้นตามมาในอีก 1 ปีต่อมา

 

เรื่องราวของยูเอฟโอที่มาปรากฏในหน้า 1 หนังสือพิมพ์สื่อกระแสหลักระดับโลกส่วนหนึ่งเป็นความพยายามของผู้หลงใหลในเรื่องราวของยูเอฟโอ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือนักร้องวงดนตรีร็อกที่เป็นที่รู้จักกันดีไปทั่วโลก

ทอม ดีลองก์ นักร้องนำวงบลิงก์-182 เป็นหนึ่งในตัวตั้งตัวตี ดึงเอาอดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐ มาร่วมก่อตั้ง To The Stars Academy แหล่งรวมผู้เชี่ยวชาญ และทำสื่อที่เกี่ยวข้องกับยูเอฟโอ อย่างหลุยส์ อลิซอนโด อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐ และคริสโตเฟอร์ เมลลอน ที่เคยดำรงตำแหน่งรองผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมด้านข่าวกรอง ในยุคประธานาธิบดีบิล คลินตัน และจอร์จ ดับเบิลยู. บุช มาร่วมทีม

โดยเฉพาะเมลลอน ผู้ที่มีประวัติให้ความสนใจเกี่ยวกับยูเอฟโอมาอย่างยาวนาน และเคยออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับยูเอฟโอออกมาให้มากขึ้นในปี 2016 มีแหล่งข่าวในเพนตากอน ส่งผลให้ To The Stars สามารถเข้าถึงคลิปวิดีโอทั้ง 3 คลิป ได้ก่อนที่จะมีการเผยแพร่คลิปดังกล่าวสู่มือนักข่าว

“ใครบางคนมาพบผมที่ลานจอดรถและส่งวิดีโอพวกนั้นให้ผม มันมีเอกสารอนุมัติให้มีการเปิดเผยสู่สาธารณะ และมันไม่เป็นความลับอีกต่อไป” เมลลอนระบุ

และว่า จนถึงตอนนี้ตนก็ยังไม่รู้ว่าคนที่ปล่อยคลิปดังกล่าวออกมาคือใคร

 

หลังจากคลิปวิดีโอจากกองทัพเรือหลุดออกมาเผยแพร่ผ่านนิวยอร์กไทม์ส จนเป็นข่าวดังไปทั่วโลกในปี 2017 สุดท้าย กระทรวงกลาโหมสหรัฐออกมายืนยันคลิปวิดีโอ FLIR1 และ GIMBAL เป็นของจริง ก่อนที่เพนตากอนจะเผยแพร่คลิปวิดีโอ GOFAST ออกมาอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 เมษายน ปี 2020 ที่ผ่านมานี้เอง

แน่นอนว่าแม้จะมีการพูดถึงยูเอฟโอในสื่อกระแสหลักและมีการถกเถียงกันในวงกว้างมากขึ้น แต่ก็ยังคงไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลถึงปรากฏการณ์ปริศนาที่ถูกบันทึกเอาไว้ผ่านกล้องและมองเห็นด้วยตาจากนักบิน

นั่นทำให้คำถามเกี่ยวกับ “ยูเอฟโอ” ยังคงเป็นคำถามปลายเปิดที่อาจนำไปสู่คำตอบอย่างเช่น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ความผิดพลาดของกล้องบันทึกภาพ เทคโนโลยีการบินลับของสหรัฐ รัสเซีย หรือจีน

หรือแม้กระทั่งอาจจะเป็น “มนุษย์ต่างดาว” ก็เป็นได้