จาก รัฐประหาร 22 พ.ค.2557 สู่ปีที่ 8 ด้วยความหวั่นใจ! | ศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข

ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข

7 ปีเต็มที่ประชาชนไทยจำต้องอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาและคณะ ที่เริ่มต้นด้วยการเป็นรัฐบาลทหารจากการยึดอำนาจในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และปรับเปลี่ยนตัวเองด้วยอาศัยการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 เป็นเส้นทางของการสืบทอดอำนาจและดำรงสถานะของความเป็นรัฐบาลต่อไป … จนแทบไม่น่าเชื่อว่า ปีที่ 8 ของพลเอก ประยุทธ์ กำลังเริ่มขึ้น และคงต้องยอมรับว่า เป็นปีที่สร้างความ “หวั่นใจ” ต่ออนาคตของประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง

ไม่น่าเชื่ออีกเช่นกันว่ารัฐบาลของผู้นำทหารชุดนี้จะสามารถดำรงอำนาจได้อย่างยาวนานในสังคมไทย ซึ่งหากเปรียบเทียบแล้ว พวกเราทุกคนจึงเสมือนกับต้องติดอยู่ในเรือลำที่มีพลเอก ประยุทธ์ เป็นกัปตัน แม้จะมีลูกหลานเราบางส่วนเสนออย่าท้าทายว่า “เปลี่ยนเรือดีกว่า!” ก็ตาม

ใน 7 ปีเต็มที่ผ่านมา พลเอก ประยุทธ์ ในฐานะของ “กัปตันเรือไทย” ไม่เคยแสดงความสามารถและวิสัยทัศน์ที่แหลมคม จนทำให้ผู้คนในเรือเกิดความเชื่อมั่นเลยว่า กัปตันคนนี้มีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาที่นับวันจะยิ่งมีความรุนแรงและรุมเร้ามากขึ้นอย่างคาดไม่ถึง จนเริ่มมีคำถามตามมาอย่างมากถึงอนาคตของเรือลำนี้ … เรือไทยจะเดินหน้าไปได้อีกเพียงใด

ดังที่กล่าวแล้วว่า เรามักจะเปรียบเทียบประเทศเป็นดัง “รัฐนาวา” และยิ่งในยามที่ประเทศต้องเผชิญกับวิกฤต ก็เสมือนกับเรือที่อยู่ท่ามกลางคลื่นลมกลางมหาสมุทรใหญ่แห่งปัญหา ผู้นำประเทศจึงมีความหมายอย่างมาก และเป็นเสมือน “กัปตันเรือ” ที่จะต้องนำเรือผ่าคลื่นลมแรงและความผันผวนนี้ไปให้ได้ และในสภาพเช่นนี้จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กัปตันเรือจะสามารถพารัฐนาวาที่มีผู้คนเป็นจำนวนมากอยู่ด้วยนั้น เดินทางถึงจุดหมายท่าเรือปลายทางได้อย่างปลอดภัย

แต่ 7 ปีแล้วที่รัฐนาวาไทยเดินทางอย่างสะเปะสะปะในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ และในการก้าวสู่ปีที่ 8 พลเอก ประยุทธ์ ก็คงยังยืนยันที่จะเป็นกัปตันต่อไป แต่ปัญหาและความท้าทายมีมากจนเกิดคำถามว่า ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราควรจะเปลี่ยนกัปตันเรือ ด้วยการหากัปตันเรือคนใหม่ที่มีความสามารถมากกว่า หรือเราควรจะปล่อยให้รัฐนาวาลำนี้อยู่ภายใต้กัปตันคนเดิม แล้วเดินหน้าไปชนภูเขาน้ำแข็ง จมลงไปต่อหน้าต่อตาเรา!

อย่างไรก็ตาม ภูเขาน้ำแข็งลูกที่น่ากลัวที่สุดสำหรับรัฐนาวาไทยที่เรืออาจจะชน จนจมลงนั้น มาจากความล้มเหลวในการบริหารจัดการวัคซีนสำหรับใช้สู้กับการระบาดของเชื้อโรคในเรือลำนี้ แม้ “กัปตันประยุทธ์” จะสามารถพาเรือผ่านพ้นโรคระบาดมาได้ในปี 2563 จนทำให้กัปตันสามารถนำไปคุยอวดอ้างสรรพคุณต่างต่างนานา จนเป็นเหมือนผลงานของความสำเร็จครั้งใหญ่ แต่ในอีกด้านหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะผู้คนในเรือระแวดระวังกันอย่างเต็มที่ และบรรดาหมอและพยาบาลต่างก็ทำงานอย่างหนัก อีกทั้งการระบาดใหญ่ยังไม่เริ่มขึ้นอย่างแท้จริง

ดังนั้น การระบาดใหญ่ที่เริ่มต้นขึ้นจริงในต้นปี 2564 จึงเป็นการทดสอบขีดความสามารถของกัปตันเรือลำนี้โดยตรง และการทดสอบที่เกิดขึ้นจากการระบาดในรอบที่สองและสาม สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนด้อยที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการไม่ตระเตรียมการฉีดวัคซีนเท่าที่ควร การไม่อนุญาตให้เกิดวัคซีนทางเลือกอื่น การจัดระบบการฉีดวัคซีนที่เป็นปัญหาจนกลายเป็นความล่าช้าอย่างมาก ตลอดรวมถึงการมีท่าทีที่ไม่ชัดเจนต่อข้อเสนอของภาคเอกชนที่จะมาช่วยเหลือในการแก้ปัญหา

การบริหารจัดการที่เป็นปัญหาอย่างมากของรัฐบาลชุดนี้คือ ภาพสะท้อนความล้มเหลวของผู้ควบคุมรัฐนาวาอย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้เลย และความล้มเหลวเช่นนี้ยังส่งผลให้การระบาดรอบสองและสามกลายเป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น อีกทั้งการบริหารจัดการวัคซีนยังสะท้อนให้เห็นถึงความ “สะเปะสะปะ” ในการสื่อสารกับประชาชน จนกลายเป็นความสับสนอย่างมากอีกด้วย

นโยบายด้านอื่นๆ ของ “กัปตันประยุทธ์” ก็ล้มเหลวในหลายด้าน … ในหลายปีที่ผ่านมา ท่านผู้นำไม่สามารถแสดงให้เห็นความสำเร็จในการทำให้ชีวิตของคนบนเรือมีความสุขสบายขึ้นได้ ตั้งแต่เขาเข้ามาเป็นกัปตันเรือ ชีวิตของผู้คนบนเรือมีแต่ความยากลำบากมากขึ้น จนแทบมองไม่เห็นเลยว่า การอยู่มาครบถึง 7 ปีของกัปตันคนนี้ ทำอะไรให้ชีวิตในเรือลำนี้ดีขึ้นบ้าง แม้เขาจะพยายามเอาใจคนบนเรือด้วยการ “แจกเงิน… แจกเงิน และแจกเงิน” แต่ก็ไม่อะไรดีขึ้นกับชีวิตของคนส่วนใหญ่ และเงินที่แจกนั้น ก็เสมือนกับรายการชิงโชค … จับฉลากชิงรางวัล มากกว่าจะเป็นการแก้ปัญหาแบบรอบด้าน

… วันนี้เรือลำนี้ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางมหาสมุทรแห่งปัญหา อีกทั้งกัปตันเรือก็ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถอะไรมากมายนัก แต่ก็พยายามมีอำนาจในเรือต่อไปด้วยกติกาที่พวกเขาร่างขึ้นเอง และเสียงสนับสนุนจากฐานเสียงเดิมๆ ตลอดรวมถึงบรรดากองเชียร์เก่าที่พร้อมจะสนับสนุนอย่างไม่ต้องคิดถึงอนาคตในวันข้างหน้า

ดังนั้นความล้มเหลวในเชิงนโยบายจากปัญหาวัคซีน กำลังขยายไปสู่ปัญหาในการสร้างชีวิตที่ดีกว่า และปัญหาในการสร้างอนาคตที่ดีกว่าของผู้คนในเรือ ประเด็นเช่นนี้จึงเป็นดัง “วิกฤตศรัทธา” ที่เกิดกับตัวผู้นำโดยตรง วันนี้เสียงเรียกร้องที่จะเปลี่ยนกัปตันเรือมีมากขึ้น และดังมากขึ้น จนน่าสนใจว่า บางส่วนของเสียงนี้มาจากอดีตผู้สนับสนุน ที่เคยเป็น “กองเชียร์เก่า” อย่างแข็งขันมาตั้งแต่ปี 2557 ด้วย

ในขณะที่รัฐนาวาไทยในมือของ “กัปตันประยุทธ์” กำลังเดินทางไปข้างหน้านั้น คลื่นลมแรงในทะเลล้วนแปรปรวนเป็นอย่างยิ่ง มีคลื่นลูกแล้วลูกเล่าปะทะเข้ากับกราบเรือ … คลื่นในปี 2563 ว่าใหญ่แล้ว แต่ดูเหมือนคลื่นในปี 2564 จะใหญ่และน่ากลัวกว่ามาก จนคนบนเรือต่างรู้สึก “หวั่นอก-หวั่นใจ” อย่างมากกับฝีมือของกัปตันคนนี้ว่า จะสามารถนำนาวานี้เข้าเทียบท่าปลายทางได้อย่างปลอดภัย

แน่นอนว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันไม่มีใครคาดเดาได้ว่า “กัปตันประยุทธ์” จะนำเรือลำนี้ฝ่าคลื่นลมแรงไปได้อย่างไร ไม่เพียงพายุในท้องทะเลเริ่มแรงและแปรปรวนมากขึ้นเท่านั้น แต่ดูเหมือน ผู้คนส่วนใหญ่กำลังมองเห็นคล้ายกันว่า มีภูเขาน้ำแข็งลูกใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้า และเรือก็มุ่งไปในทิศทางนั้น

เรือไททานิคชนกับภูเขาน้ำแข็งเพียงลูกเดียว เรือก็อับปางลงสู่ท้องทะเลของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนืออย่างรวดเร็วพร้อมกับผู้โดยสารมากกว่าพันชีวิต ถ้าเช่นนั้นรัฐนาวาไทยภายใต้การควบคุมของ “กัปตันประยุทธ์” จะรอดจากภูเขาน้ำแข็งลูกใหญ่ที่รอข้างหน้าได้หรือไม่ … หรือว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องหากัปตันเรือใหม่ที่มีความสามารถมากกว่า ก่อนที่ “รัฐนาวาไทย” จะชนภูเขาน้ำแข็งและอับปางลง!