ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 - 27 พฤษภาคม 2564 |
---|---|
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ
มงคล วัชรางค์กุล
อย่ากลัววัคซีน
ร่วมใจฉีดวัคซีนเพื่อชาติ/เพื่อโลก
ถามคนคุ้นเคยบางคนในเมืองไทยว่า
“จะได้ฉีดวัคซีนเมื่อไหร่”
ได้รับคำตอบที่น่าตกใจว่า
“ยังไม่ได้ลงทะเบียน”
“ยังไม่ตัดสินใจว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่”
“กลัวผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนที่อาจถึงตาย”
เหล่านี้ล้วนเป็นคำตอบที่ทำให้ต้องมาใคร่ครวญว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นกับโปรแกรมฉีดวัคซีนในเมืองไทย
ทำไมผู้คนบางส่วนซึ่งอาจจะมากเกินครึ่ง ถึงรู้สึกต่อต้านการฉีดวัคซีน
ย้อนกลับไปช่วงปลายปี 2563 จนถึงช่วงต้นปี 2564 ซึ่งขณะนั้นรัฐบาลยังไม่มีความกระตือรือร้นในการจัดหาวัคซีนมากนัก ไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การจัดหาวัคซีนของโลก คือองค์การ COVAX เพราะเข้าใจเอาเองว่าเมืองไทยป้องกันโควิดได้ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องรีบด่วนจัดเตรียมวัคซีน
รอวัคซีนที่จะผลิตได้เองในเมืองไทยเดือนมิถุนายน 2564 ก็ทันการ
ในขณะเดียวกัน ในห้วงเวลานั้น เมืองไทยก็มีการประโคมข่าวผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนที่เกิดขึ้นในอเมริกาและทั่วโลก เพื่อกลบเกลื่อนการจัดหาวัคซีนที่ไม่ประสบผลสำเร็จ เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นให้คนไม่สนใจเรื่องการฉีดวัคซีนมากนัก
รวมทั้งสร้างความหวาดกลัวการฉีดวัคซีนให้เกิดขึ้นในหมู่ชน
กล่าวโดยรวม การค้นคว้าผลิตวัคซีนโควิดในโลก ล้วนดำเนินไปอย่างเร่งด่วน มีการทดลองในระดับหนึ่ง และ FDA ของประเทศที่ผลิตหรือประเทศที่ฉีดวัคซีนต่างให้การรับรองแบบฉุกเฉินเท่านั้น
ดังนั้น เมื่อมีการฉีดวัคซีนจึงอาจมีผลข้างเคียงในระดับต่างๆ เกิดขึ้นได้บ้าง แต่เมื่อเทียบเคสที่เกิดขึ้นกับจำนวนล้านล้านโดสที่ฉีดไป ถือว่าป็นสัดส่วนที่น้อยมาก ยอมรับได้
CDC และ FDA ของอเมริกาต่างรายงานผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนตามความเป็นจริง ไม่มีการปิดบัง ไม่ต้องการให้คนหวาดระแวงการฉีดวัคซีน
สำหรับคนที่ต่อต้านการฉีดวัคซีน เห็นในข่าวทีวี มีการเดินชูป้ายไปตามรถที่เข้าคิวรอฉีด โน้มน้าวให้ยกเลิกการฉีดวัคซีน
สถิติในอเมริกาบอกว่า อัตราการเสียชีวิตเนื่องจากหัวใจหยุดเต้นเพราะเส้นเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลัน (Heart Attack) เกิดขึ้นทุก 36 วินาที
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ในอเมริกามีคนตายจากเส้นเลือดหัวใจอุดตันวันละ 2,400 คน ถ้าบังเอิญคนเหล่านั้นเข้ามาฉีดวัคซีนแล้วเกิดตายจากเส้นเลือดหัวใจอุดตัน แต่ไม่มีการผ่าศพพิสูจน์ ก็จะถูกนับเป็นการตายจากการฉีดวัคซีน
ในขณะเดียวกัน ก็มีคนที่พร้อมจะตายจากโรคภัยอื่นๆ เข้ามาฉีดวัคซีนแล้วเกิดตายขึ้น ก็จะถูกนับเป็นการตายจากวัคซีนไปด้วย
ความหมายที่จะอธิบายคือ การฉีดวัคซีนไม่ได้ป้องกันความตายจากโรคภัยอื่นที่กำลังเกิดขึ้น ณ ขณะนั้น
แต่กลับทำให้ตัวเลขคนตายจากการฉีดวัคซีนเพิ่มสูงขึ้นด้วย
ในอเมริกา CDC ใช้สถิติจาก VAERS (Vaccine Adverse Event Reporting System) รายงานผลการเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งอาจเกิดจากการฉีดวัคซีนโดยตรง หรือจากสาเหตุอื่น โดยไม่มีการแยกสาเหตุ
ทีวี Fox News รายการของ Tucker Carlson Tonight ที่มีชื่อเสียงมาก รายงานเมื่อ 5 พฤษภาคม 2564 อ้างแหล่งข่าวจาก VAERS ว่า ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคม 2563 จนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2564 มีคนฉีดวัคซีนแล้วตายไป 3,362 คน หรือเฉลี่ยตายวันละ 30 คน
ในขณะที่ CDC รายงานว่า อเมริกาฉีดวัคซีน 245 ล้านโดส ระหว่างวันที่ 14 ธันวาคม 2563 ถึง 3 พฤษภาคม 2564 ในจำนวนนี้ VAERS ได้รับรายงานว่ามีคนเสียชีวิตเพราะการฉีดวัคซีน 4,178 คน เท่ากับ 0.0017 %
จำนวนคนตายเทียบกับจำนวนคนฉีดวัคซีนแล้วเป็นตัวเลขกระจ้อยเดียว
ต้องไม่ลืมว่า ระบบการรายงานของ VAERS คือรับรายงานทุกเคสที่มีคนตายหลังการฉีดวัคซีน โดยยังไม่มีการสอบสวนว่าการตายโดยแท้จริงเกิดจากอะไร
ในกรณีเรื่องการฉีดวัคซีนในอเมริกาแล้วมีคนตายถูกนำมาเผยแพร่โหมกระหน่ำในเมืองไทย เป็นประเด็นเพื่อดิสเครดิตวัคซีนของอเมริกาว่าทำให้คนฉีดตายเยอะ เมื่อเทียบกับวัคซีน AstraZeneca ของไทยที่จะทยอยออกมาเดือนมิถุนายน
แต่ประเด็นข่าวโหมกระหน่ำเรื่องการฉีดวัคซีนแล้วตาย กลายเป็นหอกที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเอง เพราะคนไทยรับฟังข่าวเรื่องการฉีดวัคซีนแล้วตายจนเกิดความฝังใจ ไม่มีการแยกแยะว่าเป็นวัคซีนของใคร ยี่ห้ออะไร
รวมทั้งเมื่อมีการฉีดวัคซีน Sinovac ในไทย มีข่าวว่ามีคนฉีดแล้วตาย ทางการก็อ้ำอึ้ง ไม่มีการแถลงอะไรให้ชัดเจน
หลายคนเลยพากันกลัวการฉีดวัคซีนไปหมด
มติชนออนไลน์ 9 พฤษภาคม 2564 นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา ในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท โพสต์แสดงความเห็นว่า
คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่กล้าฉีดวัคซีน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่
คุณหมอสุภัทรยกตัวอย่างว่า โรงพยาบาลจะนะเปิดรับฉีดวัคซีนวันละ 360 ราย มีคนลงทะเบียนผ่านหมอพร้อมแค่ 232 ราย ให้ อสม.ไปเดินเคาะประตูบ้านก็ได้คนลงทะเบียนฉีดวัคซีนเพิ่มมาอีกแค่ 1,000 คน ในขณะที่ทั้งอำเภอจะนะมีคนแก่ที่สมควรฉีดวัคซีน 20,000 คน
คุณหมอสุภัทรเชื่อว่าทุกอำเภออื่นๆ ในประเทศไทย ก็คงมีปัญหาเรื่องคนไม่ยอมลงทะเบียนฉีดวัคซีนเหมือนกับที่ อ.จะนะ
คุณหมอสุภัทรบอกอีกว่า การแก้ปัญหาผู้คนไม่กล้าฉีดวัคซีนเป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาล แต่ยังไม่เห็นการจัดการอย่างเป็นระบบ
เรื่องนี้โรงพยาบาลต่างๆ ทำเต็มที่แล้ว
ล่าสุดมีตัวเลขการลงทะเบียนฉีดวัคซีนของจังหวัดลำปางที่ทำได้ทะลุเป้า เพราะผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางลงมาดูแลเองและให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ว่างงานในขณะนี้ เช่น ทันตแพทย์มาช่วยรับโทรศัพท์ประชาชนในการลงทะเบียนฉีดวัคซีน ทำให้การลงทะเบียนคล่องตัว
ลำปางโมเดล จึงเป็นต้นแบบการลงทะเบียนฉีดวัคซีนของประเทศ
ขอแสดงความยินดีที่มีข่าวเมื่อ 15 พฤษภาคม ว่ายอดผู้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนเดือนมิถุนายน เต็มตามโควต้าแล้ว
ขอเพิ่มเติมว่า ถ้าการฉีดวัคซีนยังล่าช้า โควิดเมืองไทยจะระบาดไม่หยุดยั้ง
ทางการต้องพยายามประชาสัมพันธ์ให้คนเข้าใจว่า การฉีดวัคซีนไม่ว่าจะเป็นยี่ห้ออะไร คือการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ เป็นการป้องกันได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์
หรือเมื่อฉีดวัคซีนแล้ว เกิดพลั้งพลาดติดเชื้อ ก็ไม่ถึงตาย
ผมขอเสนอลุงตู่ให้ใช้สโลแกนรณรงค์ว่า
อย่ากลัววัคซีน
เร่งฉีดวัคซีนเพื่อชาติ/เพื่อโลก
(เพราะการฉีดวัคซีนไม่ใช่จะแค่ป้องกันการระบาดในชาติเท่านั้น แต่ถ้าทุกชาติไม่มีการระบาด ทั้งโลกก็จะปลอดภัย จึงเป็นการฉีดวัคซีนเพื่อโลก)