เกิดอะไรในศึก ? เหรียญทอง ป.ประยุทธ์ VS สิระ ศิษย์หลวงพ่อป้อม ศึก ‘ขวา-ขวา’ ของ ‘คนกันเอง’

ในท่ามกลางวิกฤตโควิดที่รุนแรง และยังมีทีท่าหาทางจบไม่ได้ง่ายๆ

มีสีสันฉูดฉาดมากขึ้น

เมื่อเกิดความขัดแย้งรุนแรงขึ้นในฝั่งฟากคนกันเอง ทั้งที่มีแนวคิดสุดขั้วในการขับเคลื่อน “เอียงขวา” เหมือนๆ กัน

แทนที่จะบ่ายหน้าไปทางเดียวกัน

กลับแล่นมาสวนทางกัน เลยเกิดการปะทะ “กลางแยก”

กลายเป็นวิกฤตย่อยของวิกฤตใหญ่ ในฝั่งฟากรัฐบาลเดียวกันอย่างแปลกๆ

เป็นความขัดแย้งระหว่างนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.เขตหลักสี่ พรรคพลังประชารัฐ กับ พล.ต.นายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา

ที่ต่างฝ่ายต่างถือว่ามีแบ๊กหนุนดีทั้งคู่

 

นายสิระเป็นลูกศิษย์ของอดีต “พระพุทธะอิสระ” และร่วมสนับสนุนม็อบ กปปส.ที่อดีตพุทธะอิสระเป็นแกนนำอย่างแข็งขัน

จนได้การปูนบำเหน็จเมื่ออดีต “พระพุทธะอิสระ” ส่งไปเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่งตั้งขึ้น

แม้จะเป็นการลากตั้ง แต่ก็ถือว่าได้ลิ้มรสการเมืองที่ใฝ่ปอง

จากนั้นจึงเดินหน้าต่อ สมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร. ลง ส.ส.และชนะการเลือกตั้งในที่สุด

บุคลิกของ “สิระ” ถือเป็นมวยไฟเตอร์ ชอบท้าชน ไม่กลัวเปลืองตัว

“สิระ” เคยอยู่ในก๊ก “สามมิตร” ที่นำโดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายอนุชา นาคาศัย

และแผลงฤทธิ์ด้วยการแถลงไล่ตะเพิดนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรค

เป็นการจุดพลุทำให้กลุ่ม 4 กุมารอันประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการบริหารพรรค พ้นจากตำแหน่งและโบกมือจากพรรคในที่สุด

ส่วนงานในสภาผู้แทนราษฎร “สิระ” จับมือกับเอ๋-ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรค พปชร. ทำหน้าที่ชน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ กมธ.ปปช. สภาผู้แทนราษฎร ที่กระทบกระทั่งทางการเมืองกับรัฐบาลมาตลอด

ทำให้สิระกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ พล.ต.อ.เสรีเตมียเวชมากระทั่งบัดนี้

รวมถึงเปิดหน้าชนกับฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคก้าวไกลที่มีอุดมการณ์และแนวทางต่างกันสุดขั้ว

โดยสิระยึดแนวอนุรักษนิยมและเดินในฝั่งขวาโดยเปิดเผย

“สิระ” เคยปะทะคารมกับรุ่นใหญ่อย่าง “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ โดยวิจารณ์คนใกล้ชิดของ ร.อ.ธรรมนัส ไปเกี่ยวโยงกับการกักตุนหน้ากากอนามัย

ลามไปถึงคดี “แป้ง” ที่ออสเตรีย ที่ถึงขั้นขอให้ ร.อ.ธรรมนัสลาออกมาแล้ว

แต่ขณะที่ลุยคนอื่น “สิระ” ก็เจอย้อนเกล็ด เมื่อ “เก่ง การุณ”จากพรรคเพื่อไทย นำรายชื่อ 57 ส.ส.ยื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดสถานะความเป็น ส.ส.ของ ‘สิระ’ เพราะกล่าวหาว่ามีคดีอาญาติดตัวอยู่ อาจทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ซึ่งกำลังลุ้นผลอยู่

การชน ปะ ดะ ทำให้สิระเองก็ต้องหาหลักพิง

มีรายงานว่า เข้าๆ ออกๆ ทำเนียบรัฐบาลเป็นว่าเล่น เพื่อเข้าสังกัดขั้ว “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้า แม้ว่า ร.อ.ธรรมนัสที่เคยเป็นคู่อริจะแนบแน่นอยู่กับ พล.อ.ประวิตรก็ตาม

สิระเคยสร้างความฮือฮา ด้วยการทำเหรียญรูปเหมือน พล.อ.ประวิตร เรียกเล่นๆ ว่า “หลวงพ่อป้อม” ขึ้นคล้องคอ

โดยบอกว่าคล้องคอแล้วรู้สึก “อบอุ่นใจ”

เดินหน้าฉะ ปะ ดะ อย่างมั่นใจต่อไป

และตอนนี้ มาถึงคิว พล.ต.นพ.เหรียญทอง

โดยสิระในฐานะ ส.ส.กทม.เขตหลักสี่ และในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร

ได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านคัดค้านและขอให้ตรวจสอบการสร้างโรงพยาบาลสนามของ พล.ต.นพ.เหรียญทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ที่จะเปิดรับรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19

โดยเกรงว่า จะไม่เป็นตามระเบียบข้อบังคับของกฎหมาย ทั้งการขออนุญาต การรักษาความปลอดภัย

แถมยังมีการเปิดขอรับบริจาคจากประชาชน ซึ่งไม่รู้ว่าโปร่งใสหรือไม่

สิระออกมาลุยเรื่องนี้ทันที โดยบอกจะเอาเรื่องไปหารือในกรรมาธิการกฎหมายฯ เพื่อตรวจสอบตามที่ประชาชนได้ร้องเรียนมา โดยจะมีการเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เช่น กระทรวงสาธารณสุข, พล.ต.นพ.เหรียญทอง, สำนักงานเขตมาชี้แจง

รวมถึงตรวจสอบการขอรับบริจาคที่ได้เงิน 2 ล้านกว่า นำไปใช้ในส่วนใด โปร่งใสหรือไม่

รวมถึงกระแสข่าวว่าหากรับผู้ป่วยเข้ามาดูแลในโรงพยาบาลสนามจะได้ค่าหัว หัวละ 1,500 บาทต่อวัน ที่สามารถเบิกจาก สปสช.จริงหรือไม่

สิระบอกว่า ไม่ได้มาขัดขวางใคร แต่ทุกอย่างต้องตั้งขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง

ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตัวของใคร

 

เจอการตรวจสอบเช่นนี้เข้า ทำให้ พล.ต.นพ.เหรียญทอง ซึ่งถือตัวเป็นนักบู๊เช่นกัน เดือดขึ้นมาทันที

วิญญาณสมัยเด็กที่เคยมีสมญา ‘ไอ้ตี๋หัวลำโพง’ จากที่พ่อมีบริษัทขนส่งสินค้าอีสาน-เหนือ ย่านหัวลำโพง ซึ่งเป็นย่านนักเลง กลับเข้ามาสิงอีกรอบ

ยิ่งกว่านั้น ที่นายสิระอ้างว่าเคยร่วมกับ กปปส.

พล.ต.นพ.เหรียญทองก็บอกว่า ในช่วง กปปส.ชุมนุม ตนนี่แหละนำทีมแพทย์และพยาบาลดูแลผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส.บริเวณถนนแจ้งวัฒนะ

แถมต่อมายังประกาศเป็นศัตรูต่อกลุ่มที่ประกาศตนเป็นศัตรูและหมิ่นสถาบัน

โดยก่อตั้งองค์กรเก็บขยะแผ่นดินขึ้น ในปลายปี 2556

มีวัตถุประสงค์เพื่อพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์

ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ “ผู้มีอำนาจ” ในรัฐบาล

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์แต่งตั้งคณะที่ปรึกษาด้านผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม ในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

ปรากฏว่า หนึ่งในนั้นคือ พล.ต.นพ.เหรียญทองนั่นเอง

ยิ่งกว่านั้น พล.อ.ประยุทธ์เคยแถลงข่าวอย่างน้อย 2 ครั้ง

ขอบคุณโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะของ พล.ต.นพ.เหรียญทอง ที่สนับสนุนรัฐบาลในทุกๆ เรื่องเกี่ยวกับดูแลเรื่องโรคระบาด

 

จากท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์นี้ทำให้ พล.ต.นพ.เหรียญทองลุยเต็มที่ ประกาศจัดตั้งห้องไอซียู รวมไปถึงโรงพยาบาลสนามให้ผู้ป่วยโควิด-19 ในกลุ่มสีเหลืองมาใช้บริการ

เป็นโรงพยาบาลสนามกว้าง 4 ไร่

รูปแบบที่สร้างประกอบไปด้วยหอพักผู้ป่วยสนาม 1 อาคาร รองรับผู้ป่วยได้ 256 เตียง และอาคารผู้ป่วยไอซียู ซึ่งประกอบไปด้วยเตียงไอซียู 48 เตียง

ซึ่งขณะที่ทุกอย่างรุดหน้า แต่กลับมาเจอการขัดขวางจากนายสิระ

พล.ต.นพ.เหรียญทองก็ตอบโต้ทันที

โดยโพสต์ข้อความถึงนายกรัฐมนตรีและประชาชน ผ่านเฟซบุ๊ก “เหรียญทอง แน่นหนา”

ระบุว่า “ด่วนที่สุด! กราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เพื่อกรุณาทราบว่า ส.ส.สิระได้ปิดทางเข้าพื้นที่ รพ.สนามพลังแผ่นดิน ด้วยเหตุว่า รพ.สนามพลังแผ่นดิน ที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ กำลังดำเนินการอยู่นี้ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ไม่ได้ขออนุญาต ไม่ได้รักษาผู้ป่วยฟรี ทั้งยังรับเงินบริจาค และปล่อยน้ำเสียลงท่อระบายน้ำ”

ซึ่ง พล.ต.นพ.เหรียญทองได้ปฏิเสธทุกข้อหา

พร้อมตอบโต้ด้วยถ้อยคำร้อนแรง และทิ้งท้ายอย่าง “นักเลง” ไม่ต่างกันว่า

“โปรดทราบโดยทั่วกันว่านักการเมืองและข้าราชการเขตหลักสี่มันเลวระยำอย่างนี้ ผมรอหมายจับอยู่นะครับ ส่วนผู้ป่วยโควิด-19 อาการหนักจำนวนมากที่จะส่งต่อในสัปดาห์นั้นรอวันตายครับ”

 

เจอการตอบโต้แรงอย่างนี้ มีหรือนายสิระจะยอม

มีการสวนกลับทันทีว่า “การที่หมอเหรียญทองใช้วาจาหยาบคายต่อว่า ผมไม่ขอลดตัวลงไปใช้คำพูดที่ส่อถึงนิสัยอย่างคุณหมอหรอกครับ ประชาชนที่ฟังอยู่ เขาจะตัดสินได้เองว่า คนพูดจาแบบนี้ยังเหลือความน่าเคารพอยู่หรือไม่ ท่านจะคิดจะพูดอะไรก็เกรงใจวิชาชีพด้วย ซึ่งผมไม่แปลกใจที่หมอเหรียญทองออกอาการเก็บทรงไม่อยู่ น่าจะเป็นเพราะผมไปรู้ทันสิ่งที่ท่านกำลังคิดจะทำอยู่”

และเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ สน.ทุ่งสองห้อง นายสิระไปแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินคดี พล.ต.นพ.เหรียญทองในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

ซึ่งก็เจอการตอบโต้จาก พล.ต.นพ.เหรียญทองเช่นกัน

โดยระบุว่า จะดำเนินคดีกับนายสิระตามกฎหมายหลายมาตราเช่นกัน ขณะนี้ทีมกฎหมายชั้นยอดของประเทศกำลังเตรียมการให้เรื่องนี้ต้องใจเย็นๆ เพราะจะจัดการให้ไม่มีที่ยืนในสังคม

และจะเดินหน้าก่อสร้างโรงพยาบาลสนามต่อไป

แน่นอนนายสิระมีหรือจะยอม

ประกาศว่า ใครจะทำตัวเหนือกฎหมาย เหนือคนอื่น เหนือประชาชน จะไม่ยอม และที่อ้างถึงสถาบันตลอดนั้น อ้างสถาบันแล้วเป็นคนดีใช่ไหม อ้างสถาบันแล้วจะเป็นการละเมิดกฎหมายได้ใช่ไหม

“อย่าทำนะครับผมขอร้อง ผมก็เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ท่านก็เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ผมก็ขอร้องได้แค่นี้” นายสิระกล่าวอย่างดุเดือด

โดยที่ยังไม่มีใครออกมาหย่าศึก

 

ถือเป็นดราม่าเสริม “วิกฤต” ใน “วิกฤต” ของโรคระบาดคราวนี้

ที่แม้อาจจะมองว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล

แต่มันก็ได้สะท้อนความไม่เป็น “เอกภาพ” ของคนในฝั่งฟากเดียวกัน

ที่พร้อมจะขัดแย้งได้ตั้งแต่ระดับปัจเจกไปจนถึงระบบใหญ่ที่ปั่นป่วนอยู่เช่นกัน!