วงการกีฬากับวัคซีนโควิด-19/คลุกวงใน พิศณุ นิลกลัด

พิศณุ นิลกลัด

คลุกวงใน

พิศณุ นิลกลัด

Facebook : @Pitsanuofficial

 

วงการกีฬากับวัคซีนโควิด-19

 

ณ วันนี้ คนอเมริกันจำนวน 45% ของประชากรทั้งประเทศ คิดเป็น 150 ล้านคนจากทั้งหมด 330 ล้านคน ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มแรกแล้ว

สำหรับคนในอเมริกาที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบ 2 เข็มตามที่กำหนด มีเกิน 100 ล้านคน ซึ่งคนกลุ่มนี้สามารถออกนอกบ้านโดยไม่ต้องสวมหน้ากากอีกต่อไป เพราะทางรัฐบาลอเมริกามั่นใจว่าคนที่ฉีดวัคซีนครบตามกำหนดแล้วโอกาสที่จะแพร่เชื้อหรือติดเชื้อโควิด-19 อีกนั้น ต่ำมากๆ

ทำให้ตอนนี้ การแข่งขันกีฬาบางประเภทเปิดให้ผู้ชมเข้าสนามแข่งได้ตามปกติ โดยไม่จำกัดจำนวนผู้ชม ไม่มีการบังคับให้ใส่แมสก์ และไม่มีการ Social distancing

 

การแข่งขันกีฬาอินดอร์ระดับโลกรายการแรกที่เปิดให้ผู้ชมเข้าชมได้เหมือนปกติ ในช่วงวิกฤตโควิด-19 คือการต่อสู้มวยกรงของสถาบัน UFC เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ในรายการ UFC 261 ที่เมืองแจ๊กสันวิลล์ (Jacksonville) รัฐฟลอริดา ในสนามแบบในร่ม ซึ่งมีผู้เข้าชมถึง 15,269 คน

ทางผู้จัดไม่ได้บังคับให้ผู้ชมใส่แมสก์ ไม่ต้อง Social distancing และผู้ชมไม่ต้องแสดงหลักฐานว่าฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

แต่ก่อนเข้าสนามชมการต่อสู้ UFC 261 ต้องโหลดแอพพ์และต้องตอบคำถามเรื่องสุขภาพว่าไม่มีการป่วยก่อนเข้าชม หากพบว่าป่วย มีไข้ จะถูกห้ามเข้า และได้รับเงินค่าตั๋วคืน

ส่วนนักสู้ UFC จะฉีดวัคซีนหรือไม่นั้น ทางผู้จัดการแข่งขันไม่ได้บังคับ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักสู้แต่ละคน

 

ในการแข่งขันโอลิมปิก ที่กรุงโตเกียว ที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 23 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ นักกีฬาที่ลงแข่งขันโอลิมปิก ไม่ถูกบังคับว่าต้องฉีดวัคซีนปัองกันโควิด จะฉีดหรือไม่ฉีดก็ได้ แต่ว่าต้องทำตามกฎเข้มตามที่เขียนไว้ในคู่มือนักกีฬาโอลิมปิก หรือ The Playbook ความยาว 33 หน้า

นักกีฬาทุกคนต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา เว้นแต่ตอนฝึกซ้อม แข่งขัน รับประทานอาหาร และตอนนอน ส่วนเฟซชิลด์จะใช้ใส่แทนหน้ากากไม่ได้ นักกีฬาที่ฉีดวัคซีนโควิดแล้ว ยังคงต้องใส่หน้ากาก และเว้นระยะห่าง

ประเทศออสเตรเลียเพิ่งให้สิทธิการได้รับฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แก่นักกีฬาโอลิมปิก พาราลิมปิก และเจ้าหน้าที่ของทีมก่อนที่จะเดินทางไปโตเกียว เพราะต้องการให้เหล่านักกีฬาและเจ้าหน้าที่สามารถทำผลงานในการแข่งขันโอลิมปิกได้เต็มที่และเดินทางกลับออสเตรเลียอย่างปลอดภัย ไม่ติดโควิด

โดยจะฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ให้กับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่อายุต่ำกว่า 50 ปี และฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้กับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป

ตอนนี้ประชากรในออสเตรเลีย 2.5 ล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว จากประชากร 25 ล้านคน คิดเป็น 10% ของประชากรในประเทศ

 

ประเทศแคนาดาให้สิทธิการได้รับฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก่อนแก่นักกีฬาโอลิมปิก พาราลิมปิก และเจ้าหน้าที่ของทีม

ประชากรในแคนาดา 13 ล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว จากประชากร 37 ล้านคนทั้งประเทศ คิดเป็น 35% ของประชากรในประเทศ

ประเทศเคนยาได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้นักกีฬาโอลิมปิก พาราลิมปิก และเจ้าหน้าที่ของทีมประมาณ 100 คน เรียบร้อยแล้ว

เคนยามีประชากร 52 ล้านคน ประมาณ 900,000 คน คิดเป็น 1.7% ของประชาการในประเทศได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

ประเทศเกาหลีใต้ก็เพิ่งให้สิทธิการได้รับฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แก่นักกีฬาโอลิมปิก พาราลิมปิก และเจ้าหน้าที่ของทีมก่อนเช่นกัน

ประชากรเกาหลีใต้มี 52 ล้านคน จำนวน 4 ล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มแรก ซึ่งเป็นเพียง 7% ของประชากรทั้งประเทศ แต่ตั้งเป้าว่าภายในเดือนกันยายนปีนี้ประชากร 70% ของประเทศจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

 

ส่วนประเทศญี่ปุ่นเจ้าภาพ ไม่มีแผนที่จะให้สิทธิการได้รับฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แก่นักกีฬาโอลิมปิก พาราลิมปิก กว่า 500 คนที่จะลงแข่งขัน

ประชากรญี่ปุ่นเพียง 2% หรือประมาณ 2.5 ล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ต่ำมากสำหรับประเทศพัฒนาแล้ว

เรื่องนี้คนญี่ปุ่นออกมาวิจารณ์กันมาก

เหลือเวลาอีกเพียงสองเดือนกว่า โอลิมปิกที่โตเกียวก็จะเปิดฉาก รัฐบาลญี่ปุ่นจะมีมาตรการสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชนของตัวเองอย่างไร ต้องติดตาม