เล่นแร่แปรธาตุ… คำสอน ‘พระพุทธองค์’!! ?

การศึกษา

พศ.-พระ-นักวิชาการ แนะทางป้องกัน

‘ตัดศีรษะ’ ถวายเป็นพุทธบูชา

เล่นแร่แปรธาตุ…

คำสอน ‘พระพุทธองค์’!!

 

กลายเป็นประเด็นช็อกวงการผ้าเหลือง เมื่อนายธรรมกร วังปรีชา หรืออดีตพระธรรมกร เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ภูหินกอง เขตเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู เสียชีวิตโดยการใช้กิโยตินตัดคอตัวเอง

ส่วนสาเหตุที่ฆ่าตัวตายโดยใช้กิโยตินตัดคอนั้น ญาติโยมในสำนักสงฆ์ภูหินกอง พูดแต่เพียงว่า “หลวงพ่อได้ทำตามที่กล่าวไว้แล้ว ท่านบรรลุแล้ว”

ซึ่งบริเวณที่อดีตพระธรรมกรฆ่าตัวตาย มีรูปปั้นคล้ายๆ พระอินทร์ แต่ไม่มีศีรษะ โดยมือทั้ง 2 ข้างของรูปปั้น ได้ประคองศีรษะที่ถูกตัดออกไป โดยภายหลังเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปทุบทำลายรูปปั้นดังกล่าวแล้ว

ทั้งนี้ จากการให้ปากคำของนายบุญเชิด บุญรอด ผู้พบศพ และน้องร่วมบิดา-มารดาเดียวกับผู้ตาย สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ฟังอย่างยิ่ง…

นายบุญรอดระบุว่า ผู้ตายบวชเป็นพระจำวัดอยู่สำนักสงฆ์ภูหินกองประมาณ 11 ปี ตั้งใจจะตัดศีรษะตนเองเพื่อเป็นพุทธบูชา ตามความเชื่อของตนเอง จึงได้ลาสิกขาในวันที่ 14 เมษายน เวลา 18.39 น. และฆ่าตัวตายในวันที่ 15 เมษายน เวลาประมาณ 05.19 น.

อดีตพระธรรมกรได้ใช้ของมีคมมีความกว้างประมาณ 4 นิ้ว ยาวประมาณ 1 เมตรรวมด้าม และด้าม 2 ด้านใช้ก้อนปูนซีเมนต์เทหล่อในถังพลาสติก จำนวน 2 ก้อน ผูกติดกับด้ามมีดข้างละก้อน แล้วใช้เชือกดึงขึ้นไปบนเสา จากนั้นได้พาตัวเองเข้าไปนั่งก้มอยู่ตรงใบมีดที่จะตกลงมา และใช้มีดขนาดเล็กตัดเชือก เมื่อเชือกขาด มีดที่ผูกติดก้อนปูนจึงตกลงมาที่คอ ทำให้ศีรษะขาดออกจากลำตัว

แม้ญาติของผู้ตายจะไม่ติดใจสาเหตุการตาย เพราะถือเป็นความประสงค์ของผู้ตาย เนื่องจากมีจดหมายที่เขียนโดยอดีตพระธรรมกร ลงวันที่ 11 เมษายน 2564 ระบุว่า เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ให้คำมั่นว่าเมื่อครบกำหนด 5 ปี ในวันที่ 15 เมษายน 2564 จะสักการบูชาพระพุทธเจ้าโดยการตัดศีรษะของตนเอง เพื่อที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้าในอนาคต…

เมื่อถึงกำหนด 5 ปี จึงทำตามที่ตั้งใจไว้!!

 

นายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในฐานะโฆษก พศ.บอกว่า กรณีนี้ พศ.ไม่สามารถดำเนินการทางกฎหมายได้ เพราะอดีตพระธรรมกรได้ลาสิกขาก่อนฆ่าตัดคอ จึงถือเป็นเรื่องส่วนบุคคล

แต่โดยคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คงไม่มีเจตนาเช่นนั้น ซึ่งมหาเถรสมาคม (มส.) เองมีมติห้ามทำไสยศาสตร์ ความเชื่อ เวทมนตร์คาถาที่ไม่ถูกต้องตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา รวมถึงกำชับให้พระผู้บังคับบัญชาคอยสอดส่องดูแลพระลูกวัด ให้คำปรึกษาการปฏิบัติตามหลักคำสอนที่ถูกต้องอย่างใกล้ชิด

โดย พศ.จะส่งหนังสือแจ้งเพื่อทบทวนแนวทางการปฏิบัติของพระผู้บังคับบัญชา หรือเจ้าอาวาสไปยังวัดต่างๆ ทั่วประเทศอีกครั้ง

นอกจากนี้ ยังกำชับไปยังผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ทั่วประเทศ ให้ พศจ.ทุกจังหวัดหาข้อมูลเกี่ยวกับลัทธิต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในแต่ละพื้นที่ และตรวจสอบข้อมูล หากพบความผิดปกติ มีการบิดเบือนพระธรรมคำสั่งสอนตามหลักพระพุทธศาสนา ให้ประสานเจ้าคณะจังหวัด ทำความเข้าใจกับพระลูกวัด และประชาชนให้ถูกต้อง

เพราะแม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ ไม่ได้เกิดในวัด แต่จะเกิดขึ้นในที่พักสงฆ์ ซึ่งไม่ได้อยู่ในความดูแลของ พศ.ตามกฎหมาย แต่การจัดตั้งที่พักสงฆ์ จะต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าคณะจังหวัด

ดังนั้น จะปัดความรับผิดชอบไม่ได้…

รวมไปถึงกรณีปู่พุทธะ เทพสุริยจักรวาล พระศรีอารยเมตไตรย หรือพระภิกษุอื่นๆ ที่มีความเชื่อผิดแปลก หรือตามตำนานทางพระพุทธศาสนาที่ไม่ถูกต้อง จะต้องตรวจสอบว่าเข้าข่ายฉ้อฉล กลโกง และส่ออุตริหรือไม่!!

 

อย่างไรก็ตาม “ความเชื่อ” ที่ว่า “การฆ่าตัวตาย” โดยการ “ตัดศีรษะ” เพื่อที่ตนเองจะได้ตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้าในอนาคตนั้น เป็นความเชื่อที่ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนาหรือไม่ หรือเป็นความเชื่อผิดๆ ที่ถูกนำไปบิดเบือน

ประเด็นนี้ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ระบุว่า ไม่มีคำสอนไหนที่พระพุทธเจ้าสอนให้ตัดหัวตัวเองเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ศึกษาธรรมะต้องระวังให้ดี อย่าไปตีความคำสอนของพระพุทธเจ้าแบบผิดๆ เพราะสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านต้องการ คือการได้เห็นคนที่ปฏิบัติตามคำสอนของท่าน แล้วมีชีวิตที่พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ละความทุกข์ได้มากขึ้น ท่านไม่ต้องการให้ใครมาสละชีวิต หรือถวายหัวเพื่อท่านหรอก

ก่อนทิ้งท้ายว่า “อย่าไปเชื่อว่าการสละชีวิตตัวเองจะทำให้ได้เป็นนั่นเป็นนี่ ได้ตรัสรู้ ได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ธรรมะเป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องฆ่าตัวตายเพื่อไปรอผลชาติหน้า”

ขณะที่พระเมธีธรรมาจารย์ (เจ้าคุณประสาร) รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ให้ความเห็นว่า การฆ่าตัวตาย หรืออัตวินิบาตกรรมนั้น ไม่ใช่หลักการทางพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงติเตียน ไม่ควรทำ เพราะพระพุทธศาสนาสอนว่า “กิจฺโฉ มนุสฺสปฺปฎิลาโภ” การได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นสิ่งที่ยากยิ่ง ฉะนั้น การฆ่าตัวตายเพื่อหวังนั่น หวังนี่ เช่น หวังในมรรคผลนิพพาน หวังในภพภูมิที่ดี หวังเป็นพระศรีอารยเมตไตรย หรือจะถวายศีรษะเป็นพุทธบูชา จึงถือเป็นเรื่องผิด ไม่ควร

ซึ่งในสมัยพุทธกาล ก็มีกรณีเช่นนี้ พระพุทธองค์ไม่ยกย่อง ไม่สรรเสริญ ไม่ใช่ทาง โดยพระพุทธองค์ทรงแนะนำให้พิจารณาลมหายใจ คืออานาปานสติ เพื่อให้เดินให้ถูกทาง

เจ้าคุณประสารยังบอกด้วยว่า อย่าอ้างผิดๆ อย่าถือศีลพรตที่ผิดๆ การฆ่าด้วยตัวเอง การให้คนอื่นฆ่า ล้วนแต่ผิดหลักพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น ชีวิตนี้เกิดเป็นมนุษย์แสนยาก จงรักษาชีวิตไว้เพื่อทำประโยชน์ และปฏิบัติธรรมเพื่อบรรลุมรรคผลนิพพานจะถูกทางที่สุด ชีวิตที่สุดโต่ง ปฏิบัติ และสอนที่สุดโต่ง ไม่ใช่คำสอนในทางพระพุทธศาสนา และไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ ไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธองค์สรรเสริญ ฉะนั้น อย่าหลงผิด อย่าสอนผิด อย่าอ้างผิด จะทำให้หลงทาง และสังคมก็จะสับสนไปด้วย

โดยสรุปก็คือ พระพุทธองค์สอนเรื่องทางสายกลาง การไม่เบียดเบียนทั้งตัวเราเอง และคนอื่น การฆ่าตัวตายเป็นทางสุดโต่ง เบียดเบียนตนเอง เป็นการเดินสวนทางกับหลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนา!!

 

ปิดท้ายที่นายชาญณรงค์ บุญหนุน อาจารย์ภาควิชาปรัชญาและศาสนา มหาวิทยาลัยศิลปากร (มศก.) บอกว่า เรื่องนี้เคยมีตัวอย่าง และบันทึกการเผาตัวเองเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ในสมัยรัชกาลที่ 1 แต่ไม่ได้เป็นแนวทางที่ยอมรับของพุทธศาสนิกชนทั่วไป กรณีอดีตพระธรรมกร ไม่แน่ใจว่านำแนวปฏิบัติเรื่องนี้มาจากที่ใด อาจนำมาจากบันทึกเรื่องเล่า หรือนิทานที่เกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญเพียรของพระพุทธเจ้า แต่ไม่ใช่การบำเพ็ญเพียรตามหลักการของพระพุทธศาสนา

ซึ่งการบำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้า และพระธรรมวินัย ระบุไว้ชัดเจนในเรื่องการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ถือเป็นความผิดบาป ดังนั้น พระสงฆ์ฆ่าตัวตายด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม ย่อมถือเป็นการทำผิดวินัย และเป็นบาปอย่างร้ายแรง

โดยนายชาญณรงค์มองประเด็นนี้ในแง่ของ “ความศรัทธาที่สุดขั้ว”!!

ฉะนั้น การเล่นแร่แปรธาตุ นำเอาหลักคำสอนของพระพุทธองค์มา “บิดเบือน” โดยอาศัยความศรัทธาของประชาชน จึงถือเป็นภัยร้ายแรงอย่างยิ่งต่อพระพุทธศาสนา

ถึงเวลาที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเอาจริงเอาจัง เร่งตรวจสอบ และหาวิธีป้องกันไม่ให้บุคคลที่มีความเชื่อผิดๆ บิดเบือนหลักคำสอน และนำไปถ่ายทอดให้พุทธศาสนิกชน จนเกิดเหตุสะเทือนวงการผ้าเหลืองอีก!!