จาก ‘ทราย’ ถึง ‘เพนกวิน-รุ้ง’ คุณคือ ‘ลูก’ และ ‘ความหวัง’ ของมวลชน / เปลี่ยนผ่าน ทีมข่าวการเมือง มติชนทีวี

เปลี่ยนผ่าน

ทีมข่าวการเมือง มติชนทีวี

 

จาก ‘ทราย’ ถึง ‘เพนกวิน-รุ้ง’

คุณคือ ‘ลูก’ และ ‘ความหวัง’ ของมวลชน

 

“รุ้งไม่ใช่แค่รุ้ง กวิ้นไม่ใช่แค่กวิ้น แต่คุณคือความหวังน่ะ แล้วการเห็นความหวังกำลังแบบ… ในความรู้สึกของคนข้างนอกที่มองเข้าไป มันก็คือเหมือนแบบอย่าทำกับตัวเองแบบนี้ โลกข้างนอกมันก็แย่มากพอแล้ว”

“ทราย เจริญปุระ” นักแสดงที่ประกาศตนเป็น “ท่อน้ำเลี้ยง” ของการชุมนุมโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่มาอย่างต่อเนื่อง กล่าวกับทีมข่าวมติชนทีวี ระหว่างเข้าร่วมกิจกรรม “ยืน หยุด ขัง 112 นาที” พร้อมกับกลุ่ม “ราษมัม” หรือแม่ๆ ของแกนนำคณะราษฎร ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษทางการเมืองออกมาต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมปกติอย่างมีอิสรภาพภายนอกเรือนจำ เมื่อวันที่ 17 เมษายน

 

ขณะเดียวกัน กลุ่ม “ราษมัม” ทราย และผู้อาวุโสฝ่ายประชาธิปไตยหลายราย ยังออกมาเรียกร้องให้ “เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์” และ “รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล” สองแกนนำคณะราษฎร ยุติการประท้วงความอยุติธรรม ด้วยการอดอาหารระหว่างถูกคุมขังภายในเรือนจำ ซึ่งกำลังส่งผลเสียร้ายแรงต่อสุขภาพร่างกายของทั้งคู่

ทรายเปิดเผยว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าวมิได้เป็นการลดทอนแนวทางการต่อสู้-อุดมการณ์ของ “เพนกวิน” และ “รุ้ง” อย่างที่ผู้ร่วมเคลื่อนไหวบางฝ่ายวิตกกังวล

“ถามว่าเราเข้าใจน้องไหม? เราเข้าใจนะ คือเข้าใจแบบเข้าใจเลย แต่ว่าเราอยู่ข้างนอกตรงนี้ ข้อเรียกร้องของน้องมันไม่ได้หายไปไหน สิ่งที่น้องพูดไปแล้วมันจะคงอยู่ไปตลอดกาล และมันได้พูดออกมาแล้ว แต่ว่าจะให้เราไม่ได้ยินสิ่งที่แม่ๆ กำลังจะขออ่ะ มันก็… มันก็ไม่ได้

“คือคุณ คือน้องเป็นลูกสาวลูกชายของพ่อ-แม่ แล้วเป็นลูกสาวลูกชายของมวลชนด้วย ดังนั้น ทุกคนที่ออกมาเรียกร้อง ไม่ได้หลงลืมเจตนารมณ์ ไม่ได้หลงลืมข้อที่น้องเรียกร้อง แต่ว่าจากใจเลยคืออยากให้ออกมาสู้ด้วยกันมากกว่า อยากให้แข็งแรงที่จะออกมาสู้ด้วยกันมากกว่า ถ้าวันนั้นมันจะมี ถ้าวันนั้นมันจะแบบมาถึง ในวันที่คุณได้รับการประกันตัวแล้วก็ออกมา

“เพราะว่ารุ้งไม่ใช่แค่รุ้ง กวิ้นไม่ใช่แค่กวิ้น แต่คุณคือความหวังน่ะ แล้วการเห็นความหวังกำลังแบบ… ในความรู้สึกของคนข้างนอกที่มองเข้าไป มันก็คือเหมือนแบบอย่าทำกับตัวเองแบบนี้ โลกข้างนอกมันก็แย่มากพอแล้ว”

 

“ทราย” ยังแสดงความเข้าอกเข้าใจต่อสถานการณ์ยากลำบากที่เหล่า “ราษมัม” กำลังประสบพบเจอ และพยายามสื่อสารไปถึง “ลูกสาวลูกชาย” ในห้องขัง

“อย่างทรายคุยกับแม่ๆ อะไรอย่างนี้ คือก็ลูกเขาน่ะ เขามีสิทธิ์เต็มที่ในการที่จะเป็นห่วงอะไรอย่างนี้เลย เราไม่ได้รู้สึกว่าความเป็นห่วง การอยากให้น้องกินข้าว มันเป็นการลดทอนความเข้มข้นหรือว่าข้อเรียกร้องอะไร แต่ถามว่าเข้าใจน้องไหม? เข้าใจ แต่ว่าจากใจลึกๆ เลย ปกติเราไม่เคยแบบไปก้าวก่ายการตัดสินใจใจอะไรเลยนะ แต่ว่าอันนี้ก็แบบกินข้าวเหอะ จริง

“แม่ยังไงเขาก็สื่อสาร คืออย่างที่ทำวันนี้ แล้วก็จดหมายต่างๆ ที่เขียนเข้าไปวันนี้ คือทรายว่าก็ลึกๆ มาจากใจของคนที่ไปม็อบ ที่ไปเจอน้องเป็นแกนนำ ที่ไปเจอน้องในพาร์ตอื่นๆ ที่เป็นคนแบบผู้นำของมวลชนอยู่แล้ว แล้วก็เขาออกมาเรียกร้องเพราะเขาอยากเห็นแบบนั้นอีก เออ เขายังอยากให้เห็นว่าออกมาสู้ด้วยกันอีก

“แม่ๆ ก็ยังแบบว่าที่เรียกร้องเนี่ย ไม่ใช่ถ้าน้องออกมา แล้วก็จะแบบเก็บลูกไว้กับตัวหรืออะไรอย่างนี้ คุณออกมา ก็ไปเป็นแบบลูกชายลูกสาวของมวลชนกันได้เหมือนเดิม เพียงแต่นาทีนี้ คนเป็นครอบครัวมันไม่มีใครทำใจได้หรอกที่จะแบบ… ไม่ทำอะไรเลย

“คือทรายว่าแม่ๆ รู้นิสัยลูกกว่าใครเลย แม่ๆ ของทุกคน เพราะว่าจริงๆ แล้ว อย่างวันนี้ ก็จะมีแม่ของแอมมี่ ของอานนท์ ซึ่งก็ไม่ได้อดอาหาร แต่ว่า ‘ความเป็นแม่’ เขาเข้าใจกันน่ะ ซึ่งทรายว่าอันนี้หลายๆ คนที่ดูอยู่ ก็น่าจะเข้าใจเหมือนกัน รวมถึงมวลชนที่มาในวันนี้ด้วย คือเขาก็เข้าใจในอะไรแบบนี้ว่ากลับมากินข้าว แล้วจะได้มาสู้ด้วยกันต่อ แบบแข็งแรง”

เมื่อสอบถามว่าการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของ “โควิด-19” อาจเป็นอุปสรรคต่อการชุมนุมเรียกร้องหรือไม่? นักแสดงหญิงผู้ไม่ปิดบังจุดยืนทางการเมืองของตน ตอบคำถามข้อนี้ว่า

“กังวลก็กังวลพอสมควรค่ะ แต่ว่าทรายเชื่อว่าคนที่เขาออกมา ทุกคนไม่อยากป่วยหรอก เราก็ไม่อยากป่วย เราก็ทำงาน คนที่มาเขาก็ทำงาน เขาก็ดูแลป้องกันตัวเองเท่าที่มันจะทำได้ วิธีการรับมือกับโรคระบาดคือไม่ใช่ให้เราหยุดใช้ชีวิต เราก็ใช้ชีวิต เราแค่ลดความเสี่ยงลง เราแค่แบบไม่ห้าวอะไรอย่างนี้ ไม่ท้าทายโรค แค่นั้นเอง”

 

นอกจากนี้ ทรายยังวิพากษ์วิจารณ์วิธีการแก้ไขปัญหาโควิดของรัฐบาล และการสื่อสารต่อสาธารณชนท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตของผู้นำประเทศ อย่างตรงไปตรงมา

“เราก็ไม่เคยเข้าใจนะ การออกมาแถลงอะไรแล้วแบบว่าเบลม (กล่าวโทษ) ประชาชนไปประมาณยี่สิบนาที คือแบบ… ไม่มีใครขอให้มาทำรึเปล่าวะ? (หัวเราะ) ก็ไม่ได้ขอ อยากรู้ทางแก้ ไม่ได้ให้มานั่งโดนด่ากัน

“แต่ก็ไปๆ มาๆ เราก็ทำในสิ่งที่เราทำกันมาเสมอค่ะ คือดูแลตัวเอง ทรายว่าประชาชนดูแลกันเองเก่งกว่า จริง เก่งกว่ามากเลย อ้อ! แล้วก็เลิกพูดเลยนะ ใครที่มานั่งแซะแบบว่า เออ เก่งจริง ก็อย่าแบบไปฉีดวัคซีน

“ไม่มึง ไม่ใช่เรื่องเก่ง นี่เรื่องจัดการห่วยก็จัดการห่วย ยอมรับเหอะ”