ย้อนคดีโหดปี 2548 ‘คิด เดอะริปเปอร์’ ฆาตกรต่อเนื่อง 6 ศพ สู่คำพิพากษาประหาร

เป็นอีก 1 คดีสะเทือนขวัญ ที่สิ้นสุดลงด้วยคำพิพากษา

สำหรับคดีของไอ้คิด สมคิด พุ่มพวง หรือคิด เดอะริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่องเมืองไทย

ที่กลับมาก่อเหตุฆาตกรรมอีกครั้งเป็นศพที่ 6 หลังจากพ้นโทษ เนื่องจากเป็นนักโทษชั้นเยี่ยมของกรมราชทัณฑ์

โดยเหยื่อในครั้งนี้เป็นแม่ม่ายที่ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ที่นายสมคิดมาติดพันหลังออกจากเรือนจำ แล้วเดินทางมาอาศัยอยู่ด้วย อ้างว่าเป็นทนายความจากภาคใต้

ในที่สุดก็เกิดลงมือฆ่าอ้างว่าเกิดจากความโมโห ก่อนจะขึ้นรถไฟหลบหนี แล้วไปจนมุมด้วยการแจ้งเตือนของพลเมืองดี

เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และในที่สุดศาลพิพากษาประหารชีวิต ระบุไม่มีเหตุให้ลดหย่อนผ่อนโทษ

แต่ก็เป็นเพียงแค่ศาลชั้นต้น ยังมีชั้นอุทธรณ์-ฎีกาให้พิจารณากันอีก

ต้องรอดูผลสรุปสุดท้ายจะออกมาเป็นอย่างไร!??

ศาลสั่งประหาร ‘สมคิด พุ่มพวง’

 

คดีดังกล่าวได้รับการเปิดเผยคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 2 เมษายน โดยศาลขอนแก่น เผยแพร่เอกสารประชาสัมพันธ์ข่าวสารคดีความที่ประชาชนให้ความสนใจ ในคดีนายสมคิด พุ่มพวง ผู้ก่อเหตุฆาตกรรมรัดคอหญิงม่ายอายุ 51 ปี ชาว อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เหตุเกิดเมื่อปลายปี 2562

โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคม เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดขอนแก่น อ่านคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 87/2564 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น โจทก์ นายสมคิด พุ่มพวง จำเลย ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) (5) มาตรา 199 และมาตรา 334 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ วรรคสอง

การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือโดยการกระทำทารุณโหดร้าย ลงโทษประหารชีวิต ฐานลักทรัพย์ จำคุก 2 ปี สำหรับความผิดซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพหรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิด การตาย หรือสาเหตุแห่งการตาย และฐานเป็นการกระทำใดๆ ต่อศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปเพื่ออำพรางคดี

เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ วรรคสอง อันเป็นบทกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 12 เดือน

ฐานลักทรัพย์ เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 เป็นจำคุก 3 ปี ฐานเป็นการกระทำใดๆ ต่อศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปเพื่ออำพรางคดี เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 16 เดือน

เนื่องจากศาลลงโทษประหารชีวิตซึ่งเป็นโทษสูงสุดแล้ว จึงไม่อาจเพิ่มโทษได้อีก จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนในครั้งแรกเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน แต่ให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณา ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ คำรับสารภาพดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเพียงกลวิธีในการต่อสู้คดีของจำเลยเพื่อให้ศาลพิจารณาลดโทษให้เท่านั้น

ประกอบกับพฤติการณ์การกระทำความผิดของจำเลยได้กระทำต่อเนื่องในลักษณะเดียวกันรวมคดีนี้ด้วยถึง 6 คดี หลังจากจำเลยพ้นโทษจากคดีทั้งห้าคดีก่อนนั้นเป็นเวลาเพียง 6 เดือนเศษ ทั้งไม่สำนึกในการกระทำความผิด ขาดความเมตตาปรานี สร้างความสูญเสียแก่สุจริตชนและเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างใหญ่หลวง จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ

คงให้ประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว และริบของกลาง

สั่งประหารชีวิต ‘คิด เดอะริปเปอร์’

พลิกคดีฆ่าแม่บ้าน-ศพที่ 6

สําหรับคดีดังกล่าวเป็นคดีดังช่วงปลายปี 2562 โดยช่วงสายวันที่ 16 ธันวาคม 2562 ตำรวจ สภ.กระนวน จ.ขอนแก่น ระบุว่า เมื่อคืนวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมาได้รับแจ้งเหตุฆาตกรรมนางรัศมี มุลิจันทร์ อายุ 51 ปี เหตุเกิดภายในบ้านเลขที่ 293 ม.19 ต.หนองโก อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ของผู้ตาย

เจ้าหน้าที่พบศพนางรัศมีถูกห่อด้วยผ้าห่ม ท่อนบนสวมเสื้อยืด ลำคอถูกพันด้วยเทปใส ข้อเท้ามัดด้วยสายชาร์จแบตโทรศัพท์ ซุกอยู่ในฟูกที่นอนที่วางอยู่ในห้อง ตรวจสอบพบว่าเสียชีวิตมาประมาณ 8 ชั่วโมง ร่างกายไม่มีร่องรอยถูกทำร้าย ไม่มีร่องรอยต่อสู้ ไม่มีร่องรอยรื้อค้นในบ้าน คาดคนร้ายลงมือตอนที่ผู้ตายนอนหลับ

สอบสวนทราบว่าก่อนหน้านี้ผู้ตายมีอาชีพเป็นแม่บ้าน เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม มีผู้ชายคนหนึ่ง ทราบชื่อว่า “แขก” เข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านของ น.ส.รัศมี ในลักษณะคบหาเป็นแฟนกัน โดยระบุว่าแฟนใหม่เป็นชาวนครศรีธรรมราช ประกอบอาชีพทนายความ

กระทั่งเช้าวันที่ 14 ธันวาคม นายแขกขี่จักรยานยนต์ไปส่งนางรัศมีทำงานที่โรงแรมตามปกติ แต่พอช่วงเลิกงาน นายแขกไม่ได้ไปรับ ทำให้นางรัศมีกลับบ้านเอง กลางคืนนายแขกกลับมาที่บ้าน แต่ก็ไม่มีรถจักรยานยนต์กลับมาด้วย

รุ่งขึ้นเพื่อนบ้านได้ยินเสียงทั้งคู่ทะเลาะกันและเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เพื่อนบ้านและญาติๆ จึงพากันมาดู แต่นายแขกเปิดผ้าม่าน ตะโกนบอกว่าไม่มีอะไร และนางรัศมีต้องการพักผ่อน จึงถอยกลับมา แล้วแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ

เมื่อเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว นายแขกไม่อยู่บ้านแล้ว จึงช่วยกันค้นหานางรัศมี ในที่สุดก็พบศพ เมื่อตรวจสอบวงจรปิดก็พบว่าคนร้ายคือนายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่องที่ลงมือโหดมาแล้ว 5 ศพเมื่อปี 2548 ที่แม้ต้องโทษตลอดชีวิต แต่ติดคุกจริง 14 ปี และเพิ่งพ้นโทษออกมาไม่ถึงครึ่งปี

ในที่สุดก็จนมุม เมื่อมีพลเมืองดีตาไว เห็นคนหน้าคล้ายตามที่ประกาศจับ นั่งรถไฟจากสถานีโคกกรวด มุ่งหน้า กทม. แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตะครุบได้ที่สถานีปากช่อง สอบสวนให้การรับสารภาพ

ระบุชัดเจนไม่กลัวตาย เพราะคนเราเกิดมาครั้งเดียวตายครั้งเดียว

เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทันที

ย้อนรอยคดี ‘คิด เดอะริปเปอร์’

นายสมคิดกลายเป็นข่าวโด่งดังเมื่อปี 2548 เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามจับกุมเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2548 หลังก่อเหตุฆ่าหมอนวดและนักร้องถึง 5 รายซ้อนในพื้นที่ภาคอีสาน เหนือ และภาคใต้ โดยคดีแรก เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2548 เหยื่อคือ น.ส.วารุณี พิมพะบุตร นักร้องคาเฟ่ ถูกมัดและกดน้ำเสียชีวิตในห้องพักโรงแรม ต.มุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร

ถัดมาเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2548 น.ส.ผ่องพรรณ ทรัพย์ชัย หมอนวดแผนโบราณ พบเป็นศพถูกบีบคอตายคาห้องพัก 604 โรงแรมแห่งหนึ่งใน ต.สวนดอก อ.เมือง จ.ลําปาง

เหยื่อรายที่ 3 คือ น.ส.พัชรีย์ อมตนิรันดร์ นักร้องคาเฟ่ ถูกรัดคอด้วยสายไฟสิ้นใจตายภายในห้องพัก 505 โรงแรม ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2548

รายที่ 4 คือ น.ส.พรตะวัน ปังคะบุตร หมอนวด ถูกกดน้ำตายในห้องพัก 1126 โรงแรม อ.เมือง จ.อุดรธานี วันที่ 18 มิถุนายน 2548

และศพที่ 5 คือ น.ส.สมปอง พิมพรภิรมย์ ท้องที่ จ.บุรีรัมย์ ในแมนชั่น อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2548 แม้จะลงมือต่างพื้นที่ แต่เป็นระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันทั้งหมด

แต่ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่คิดเลยว่าทั้งหมดจะมีความเชื่อมโยง

กุญแจที่สามารถคลี่คลายคดีได้ เนื่องจากในคดีที่ 5 ตํารวจได้หลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด ระหว่างคนร้ายพาเหยื่อสาวมาเปิดห้องพัก เจ้าหน้าที่จึงส่งภาพกระจายไปหลายโรงพักและในจังหวัดต่างๆ

เมื่อตํารวจเจ้าของ 4 คดีแรกได้รับภาพจากกล้องวงจรปิด และข้อมูลการลงมือของฆาตกรที่ใกล้เคียงกับคดีของตัวเอง จึงนําภาพไปให้พยานในแต่ละคดีดู ทั้งหมดชี้ยืนยันว่าเป็นฆาตกรรายเดียวกัน แต่ใช้คนละชื่อในการเปิดห้องพัก!!?

ซึ่งก็คือนายสมคิด พุ่มพวง ที่เคยมาเป็นพยานเท็จในคดีฆ่าผู้ว่าฯ ยโสธรเมื่อปี 2544 จึงตามแกะรอยไปยังบ้านและสถานที่ต่างๆ ที่นายสมคิคเคยไปปรากฏตัว พร้อมตรวจหาทรัพย์สินของเหยื่อไปด้วย

กระทั่งวันที่ 29 มิถุนายน 2548 พบข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือของเหยื่อรายหนึ่ง ที่ถูกขโมยไปหลังโดนฆาตกรรม โทร.ออกจาก จ.ชัยภูมิ จึงตามจับกุมได้ถึงบ้านของภรรยาเก่านายสมคิด

สอบสวนนายสมคิดสารภาพ 4 คดี อ้างว่าลงมือสังหารเพราะโมโหที่เหยื่อทุกรายซึ่งซื้อบริการมาหลับนอน ขอเพิ่มค่าตัวเลยฆ่าทิ้งให้หายแค้น แต่ปฏิเสธก่อคดีที่ 3 ที่ จ.ตรัง

ต่อมาอัยการสั่งฟ้องแยกเป็น 5 คดี ทุกคดีสิ้นสุดที่ศาลฎีกาให้จำคุกตลอดชีวิต

จำคุกที่เรือนจำบางขวาง ต่อมาได้ย้ายไปจำคุกที่เรือนจำจังหวัดหนองคาย ก่อนถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2562 เนื่องจากมีความประพฤติดี เรียบร้อย เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม

มาครั้งนี้เจอโทษประหาร แต่ก็ต้องลุ้นชั้นอุทธรณ์-ฎีกาว่าจะมีบทสรุปอย่างไร