ความท้าทายใหม่ของ ‘จอมขวัญ’ กับชีวิตที่ต้อง ‘ผิดพลาด’ กันบ้าง / เปลี่ยนผ่าน

เปลี่ยนผ่าน

สุภลักษณ์ เตชะพิชญภักดี

 

ความท้าทายใหม่ของ ‘จอมขวัญ’

กับชีวิตที่ต้อง ‘ผิดพลาด’ กันบ้าง

 

หากถามว่า ใครคือพิธีกรรายการข่าวแถวหน้าของวงการสื่อไทยยุคปัจจุบัน เชื่อว่าคงมีชื่อ “จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์” ติดเป็นหนึ่งในโผอย่างแน่นอน

ด้วยความที่เธอเป็นพิธีกรหญิงที่มีแคแร็กเตอร์ชัดเจนในการทำหน้าที่ผ่านจอโทรทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสีหน้า ท่าทาง คำพูดคำจา บวกกับวิธีคิดและการตั้งคำถามกับแขกรับเชิญอย่างตรงไปตรงมา จึงทำให้จอมขวัญกลายเป็น “คนข่าวคุณภาพ” ในสายตาผู้ชม

จอมขวัญเริ่มต้นทำงานกับเครือเนชั่นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2545 ก่อนอำลาจากมาในเดือนธันวาคม 2558

จากนั้น เธอย้ายไปทำงานกับไทยรัฐทีวี โดยผลิตรายการ “ถามตรงๆ กับจอมขวัญ” ซึ่งออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 ด้วยการเปิดประเด็นร้อนว่าด้วย “ศึกสงฆ์”

ช่วงที่สถานการณ์การเมืองร้อนแรงในปี 2563 ชื่อของพิธีกรหญิงคนดังถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ทั้งในแง่ดี และการได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์

จากการเชิญคนที่มีความเห็นไม่ตรงกันมาร่วมพูดคุยในประเด็นวิวาทะต่างๆ กระทั่งโกยเรตติ้งถล่มทลายให้สถานีโทรทัศน์ต้นสังกัด รวมไปถึงช่องทางออนไลน์อื่นๆ

นั่นคือภาพจำและบทบาทสุดท้ายของ “จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์” ในการทำหน้าที่พิธีกรรายการข่าวโทรทัศน์

เพราะปัจจุบัน จอมขวัญได้เลือกเดินออกจากชายคาไทยรัฐทีวี และกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ “แพลตฟอร์มออนไลน์” บน “ความท้าทาย” ที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน

ต้องยอมรับว่าประสบการณ์ 13 ปีครึ่งกับเนชั่น และ 5 ปีกับไทยรัฐทีวี ช่วยผลักดันให้จอมขวัญเป็นพิธีกรหญิงที่มีความจัดจ้าน ครบเครื่อง และชื่อของเธอได้เข้าไปอยู่ในใจของแฟนข่าวทั่วประเทศ

แต่ใครจะรู้บ้างว่าก่อนที่สตรีร่างเล็กคนนี้จะก้าวขึ้นมาเป็นคนข่าวคุณภาพ ชีวิตในวัยเด็กของเธอนั้นสุดแสนจะเกเร

จอมขวัญเป็นเด็กขี้งอน ซน เอาแต่ใจตัวเอง ชอบโดดเรียน ขี้เกียจเรียน-อ่านหนังสือ-ทำการบ้าน ไม่ชอบทำรายงาน และไม่ชอบอาบน้ำด้วย แต่ด้วยความที่เธอเอาตัวรอดในเรื่องเรียนได้ จึงไม่ทำให้พ่อ-แม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจ

“มีครบเลยนะคะ มีครบเลยในด้านที่เป็นตัวอย่างที่แย่ ไม่ควรจะเข้ามาแตะต้องในพื้นที่ที่ดิฉันเป็นกันนะคะ

“พ่อ-แม่จะไม่ค่อยบังคับหรือว่าตีกรอบอะไร เพราะว่าสุดท้ายแล้วระหว่างเทอม เราเป็นแบบไหนก็แล้วแต่ แต่การเรียนเรามันก็ไม่ได้แย่จนเขาจะต้องเป็นห่วง แต่เราคงไม่ใช่เด็กฉลาด ทำคะแนนสูงๆ ไม่ใช่ ใช้คำว่าเอาตัวรอดได้” พิธีกรหญิงมากความสามารถย้อนเล่าเรื่องราวชีวิตในวัยเด็ก

หลังเรียนจบ ม.6 จอมขวัญมีความสนใจด้านศิลปะ และอยากเรียนต่อที่คณะมัณฑนศิลป์ ม.ศิลปากร ทว่าอีกใจหนึ่ง เธอก็ชื่นชอบนักอนุรักษ์อย่าง “สืบ นาคะเสถียร” จึงอยากเข้าเรียนที่คณะวนศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์

แต่ท้ายสุด จอมขวัญก็ได้เข้าเรียนที่คณะมนุษยศาสตร์ (เอกภาษาอังกฤษ) ม.ศรีนครินทรวิโรฒ

 

ช่วงที่เรียนปี 4 เทอม 2 ในรั้ว มศว เธอได้เริ่มค้นพบความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง จากการเรียนวิชาวิเคราะห์ข่าว ซึ่งต่อมากลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต

“เรียนวิเคราะห์ข่าว พอเรียนแล้วรู้สึกว่าชอบ ชอบที่ได้หาข้อมูล แล้วค่อยๆ กลั่นกรองวิเคราะห์ สรุปออกมา พอเรียนจบก็เลยไปสมัครงานที่เกี่ยวข้องกับสื่อมวลชน ไปสมัครหนังสือพิมพ์ 2 แห่ง ไปสมัครสถานีโทรทัศน์ 1 แห่ง

“จริงๆ แล้วที่ไปสมัครงานสื่อมวลชน ก็แค่ความรู้สึกในตอนนั้นเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกว่าเราอยากเดินสายนี้ หรืออยากทำงานข่าว คิดแค่ว่ารีบสมัครงาน รีบได้งาน เพราะว่าจะได้เงินเดือน คือให้พ่อ-แม่เลี้ยงมาแล้ว เลี้ยงเขาคืนบ้าง

“งานแรกที่ได้ มันก็ไม่ใช่สายสื่อมวลชนนะคะ แต่ว่าไปทำงานหนังสือ แล้วก็เปลี่ยนงาน จนกระทั่งได้งานที่จริงจังแล้วก็อยู่ยาวที่สุดคือ เนชั่น ที่คนรู้จักกัน อยู่สิบกว่าปี จนเพื่อนตกใจ เพราะปกติจะอยู่แค่ครึ่งปี” จอมขวัญเปิดเผย

 

พิธีกรหญิงวัย 41 ปี เล่าถึงขวบปีแรกที่ทำงานกับเนชั่นว่า ตนเองทำงานแบบก้าวข้ามความกดดัน เพราะได้โอกาสในการลองทำ ได้สะสมประการณ์ เก็บชั่วโมงบินจากความผิดพลาด แก้ไข และทดลองใหม่

“ต้องยอมรับว่าเนชั่นให้โอกาสเยอะนะคะ ให้โอกาสในการลอง สุดท้ายทำพลาดได้ ยังไม่เก่งก็ได้ แต่ว่าเขาจะให้โอกาสในการสะสมประสบการณ์ ต้องขอบคุณเนชั่นที่ฟูมฟัก และยอมให้เราเก็บชั่วโมงบินจากเขา แน่นอนว่าประสบการณ์ที่ได้มา มันมากกว่าเงินเดือนที่ได้ในตอนนั้น

“ภาพที่น่าจะเป็นความทรงจำ ที่คนอาจจะจำได้คือการเป็นผู้ดำเนินรายการสัมภาษณ์ รายการทอล์กเรื่องการเมือง โดยเฉพาะในปี 2553 คิดว่าน่าจะเป็นภาพจำที่สุด มันเป็นช่วงที่ท้าทายที่สุดที่เราทำกับเนชั่น

“ชีวิตช่วงนั้นก็คือหวั่นไหว เหลวเป๋ว ประมาณทิชชูเปียก ในเรื่องของสภาพจิตใจ เพราะว่ารับไม่ทันกับคำวิพากษ์วิจารณ์จากข้างนอก แล้วก็แรงบีบอัด แรงเสียดทานจากข้างในบางส่วนด้วย

“อีกอย่างน่าจะเป็นการที่ได้ไปทำรายการในช่องฟรีทีวีต่างๆ รวมถึงการได้นั่งจัดรายการร่วมกับคุณสุทธิชัย หยุ่น จริงๆ แล้วคุณสุทธิชัยทำหลายรายการ และมีคนที่ดำเนินรายการร่วมหลายคน ดิฉันก็เป็นหนึ่งในคนชุดนั้น

“ตอนที่เราอยู่กับเขา เราก็ไม่รู้สึกหรอกว่าเขาเป็นแบบนี้ จนกระทั่งเราอยู่กับเขาได้ระยะหนึ่ง เราก็ได้ยินเสียงจากข้างนอกบอกว่าสไตล์เนชั่นคือแบบไหน

“อยู่กับเนชั่น 13 ปีครึ่ง แล้วก็ไปอยู่ไทยรัฐทีวี 5 ปี และออกมาเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว”

 

จอมขวัญยืนยันว่าตนเองไม่ได้ถูกข่มขู่คุกคามจนต้องลาออกจากไทยรัฐทีวี รวมถึงไม่ได้เลิกทำรายการโทรทัศน์เพราะติดขัดเรื่องเพดานการนำเสนอ แต่เธอเป็นฝ่ายเข้าไปขอลดสัญญากับทางช่องเอง

“ณ วันที่ตัดสินใจ คิดว่าคงรอให้จบสัญญาไม่ได้ เพราะเราก็เสียดายเวลาตัวเองเหมือนกัน ไม่ว่าจะอยู่สังกัดไหนก็คงตัดสินใจเหมือนเดิม อยากจะออกไปจากจุดนั้น รวมถึงเรื่องของเนื้อหาด้วย เราอยากทำอะไรที่มากกว่านั้น

“ดิฉันยังเป็นน้องใหม่ในออนไลน์อยู่นะคะ ยังไม่เข้าใจว่าหนัก-เบาของออนไลน์มันแค่ไหน ก็ยังต้องเรียนรู้ ขอเวลานิดหนึ่ง สิ่งที่เราทำในโทรทัศน์ คนมองว่ามันแหลมคม พอมาอยู่ในออนไลน์ ก็ไม่รู้ว่ามันเบาเกินไปไหม หรือมันแรงแล้ว คือไม่รู้เลยเวลามันข้ามไปข้ามมา ยังไม่ทราบ” เจ้าของช่องยูทูบ Jomquan กล่าว

ท้ายสุด “จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์” ได้ฝากแง่คิดและมุมมองดีๆ ให้กับคนรุ่นใหม่เอาไว้ว่า “ต้องผิดพลาดบ้างนะชีวิต คุณต้องผิดพลาด ต้องบอบช้ำ ต้องผิดหวัง คุณต้องมีประสบการณ์ให้ครบทุกอย่างนะ

“เชื่อในชีวิตแต่ละคนมาก จะระวังมากเวลาที่จะแนะนำ หรือสอนอะไรใคร แต่อาจจะแลกเปลี่ยนได้แค่ว่า ใช้ชีวิตให้สนุก แล้วก็ใจดีกับตัวเอง ความผิดพลาดต้องเกิด เพราะเราต้องรู้ว่ามันเป็นอย่างไร”