‘จตุพร’ พร้อมแล้ว! ลั่น ล้มเกม ไล่ประยุทธ์ ออกไปก่อน รธน.ฉบับดีที่สุดถึงจะได้มา

จตุพร พร้อมแล้ว! ลั่นกลางานเสวนา ล้มทุกเกม ไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกไปก่อน แล้วจะได้ รธน. ฉบับที่ดีที่สุด ซัด คนโกหกร้อยครั้ง พูดจริงแค่ชื่อตัวเอง

เมื่อเวลา 16.30 น.วานนี้ (21 มีนาคม 2564) ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตยไจัดงานเสวนาหัวข้อ “ถ้ารัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย ประชาชนจะได้อะไร? #รัฐธรรมนูญต้องแก้และต้องแก้ได้” ทั้งนี้ผู้จัดงานมีการแจกภาพวาดแกนนำกลุ่ม “ราษฎร” ที่ถูกจำคุกในขณะนี้ ให้กับผู้ที่มาร่วมงานเสวนา และในช่วงท้ายของงาน ผู้ที่มาร่วมงานทั้งหมดได้ตะะโกนพร้อมกันว่า “ปล่อยเพื่อนเรา” เพื่อเรียกร้องให้แกนนำเหล่านี้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว

ทั้งนี้ นายอนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ก่อนจะพูดถึงการทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย เราต้องให้บ้านเมืองมีประชาธิปไตยและให้ทุกคนมีสิทธิพูดอะไรก็ได้ก่อน และโดยหลักแล้ว ถ้ามีความเป็นประชาธิปไตย อำนาจ 3 ฝ่าย ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ จะอยู่ใต้อาณัติของประชาชน

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฝ่ายศาลเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่คนจะเข้ามาประกอบอาชีพนี้ ต้องถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเริ่มทำหน้าที่ จึงทำให้คนกลุ่มนี้ถอยห่างออกจากประชาชน เพราะการตัดสินคดีความไม่ได้ทำในนามประชาชน และกลายเป็นสถาบันที่ไม่ได้รับใช้ประชาชน ซึ่งเห็นได้จากเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย.2563

มีการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ดำเนินคดีกับประชาชนหลายราย เมื่อเป็นเช่นนี้ มีผลต่อประชาชนที่ต้องการแสดงออกก็ถูกผูกไปกับคนที่เป็นคดีตรงนั้น ดังนั้น ถ้ารัฐธรรมนูญมีความเป็นประชาธิปไตย ประชาชนจะเป็นองค์ประธานแห่งสิทธ์ และอำนาจ 3 ฝ่ายจะต้องอยู่ภายใต้ประชาชน รวมถึงประชาชนจะมีสิทธิแสดงความคิดเห็นได้ และเราจะมีหลักประกันเรื่องสิทธิเสรีภาพ

นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ความอยากที่แก้ไขรัฐธรรมนูญมีมานานแล้ว และประชาชนตระหนักแล้วว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มีปัญหาตรงไหนบ้าง กลไกต่างๆที่ถูกออกแบบมามีความฉ้อฉลอย่างไร และได้สร้างปัญหาอย่างไร หลังจากดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตลอดช่วงเวลา 1 ปีเศษที่ผ่านมา แม้ตอนนี้จะทำไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยได้ทิ้งหน่ออ่อนเอาไว้แล้ว

และเนื้อหาคำวำนิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ปักหมุดว่าอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีความพยายามทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ โดยจะมีการเรียกประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 7-8 เม.ย.นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา 9 ที่มีการแก้ตามกรรมาธิการ เสียงข้างน้อยว่าต่อไปนี้ ประชาชนจะสามารถเข้าชื่อเสนอให้ทำประชามติได้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีโอกาสมากขึ้น

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ หลังจากกฎหมายประชามติออกมาดำเนินการเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราก็ต้องจับตาดูว่าคำถามที่ถามประชาชนนั้นจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งอาจมีพ่วงคำถามว่าไม่ให้แก้ไขหมวด 1 และ 2 ตรงนี้จะทำให้เกิดแนวปะทะ และถ้านี่เกิดขึ้นจริง ก็มีแนวโน้มที่เราต้องรณรงค์โหวตโนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม จากกรณีของผลโพลสำนักหนึ่งที่เพิ่งออกมา ระบุว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ

ตนจึงคิดว่าเลิกยื้อเรื่องนี้กันได้แล้ว ดังนั้น ตั้งแต่วันนี้ขอให้ทุกคนจับตาการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติที่จะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในวันที่ 7-8 เม.ย.นี้ สำหรับสิ่งที่อยากฝากถึงรัฐบาลนั้น ตนคิดว่ารัฐบาลถูกหลอกให้เชื่อว่าชนะแล้ว แต่ถ้าเขาหันมาทำหน้าที่เพื่อประชาชน นอกจากเขาจะได้สิ่งที่มากกว่าแล้ว จะได้ช่วยเหลือประชาชนให้ได้สิ่งที่มากขึ้น ตนจึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลตาสว่าง ลองมาคิดถึงสังคมที่มีความสุขใหม่ ตนขอถามว่าวันนี้พวกคุณมีความสุขหรือกับการเป็นม้าใช้

ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า การที่เราจะได้รัฐธรรมนญที่เป็นประชาธิปไตย ทำได้อย่างเดียวคือไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกฯและรมว.กลาโหมออกไปก่อน แล้วเราจะได้ประชาธิปไตย ตนต่อสู้ทางการเมืองมาไม่เคยกลัวคนเก่ง แต่กลัวคนหน้าด้าน และการเขียนรัฐธรรมนูญปี 60 คือความหน้าด้านอัปยศอดสูที่สุด เป็นฉบับที่เลวที่สุด การที่บอกว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง แต่ตนเห็นว่าเป็นรัฐรรมนูญฉบับโกงตัวจริง ซึ่งนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ก็รู้ว่าการเขียนให้ส.ว.250 คนมาเลือกนายกฯ จะเกิดอะไรขึ้น

นายจตุพร กล่าวต่อว่า เรื่องรัฐธรรมนูญเป็นการเล่นแร่แปรธาตุมาตั้งแต่ต้น อย่างพรรคประชาธิปัตย์ให้เหตุผลตอนหาเสียงเลือตั้งว่าไม่ร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่เมื่อมีรัฐบาลก็ตระบัตสัตย์ เลียลิ้นเข้าร่วมรัฐบาล แล้วใช้เรื่องรัฐธรรมมาเป็นข้ออ้าง จนมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา และมีการยื่นร่างแก้ไขรัฐรรมนูญ ซึ่งภาคประชาชนก็ยื่นแก้ไขด้วยแต่ก็ไม่สำเร็จ

ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เป็นเกมส์หลอกเหมือนรัฐธรรมนูญปี 50 เป๊ะ เราะพอวาระสอง นายไพบูลย์ นติตะวันส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และนายสมชาย แสวงการ ส.ว.ก็ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งสองคนนี้ทำไม่เคยพลาดเป้า เหมือนแม่เหล็กดูดเข้าหากัน ดังนั้นวันนี้ก็เหมือนรัฐธรรมนูญปี 50 ที่ให้แก้รายมาตรา พอแก้รายมาตรา ก็ตามไปฆ่าอีก รัฐธรรมนูญปี 60 ถ้าแก้รายมาตราก็เหมือนปี 50

“วันนี้เราเดินตามไพ่สำรับที่นายมีชัยโกงเอาไว้ ผมถึงบอกว่าถ้าไม่มีประยุทธ์รัฐธรรมนูญแก้ได้แน่นอน ถ้าเราเล่นตามนายมีชัย รบร้อยครั้งก็แพ้ร้อยครั้ง ความจริงบ้านเรามีสองมีชัย คือมีชัยทำหมันประชาธิปไตย และมีชัยที่ทำหมันประชากร ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้มีคนไปกระซิบบอก ส.ส.ว่าถ้าโหวตก็ผิดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเหมือนข้าวสารเสก ผมถึงบอกว่า ถ้าเราไม่ไล่ประยุทธ์ แต่เราต้องการรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย แต่ที่เราเดินมาถึงวันนี้เราไม่เคยได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง แม้แต่วันเดียว เราถามกันแต่เรื่องเดิมๆ คือประชาธิปไตย ซึ่งเราไม่มีทางแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยได้ ถ้าเราไม่ไล่ประยุทธ์ออกไปก่อน” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ความจริงถ้ากฎหมายไม่ผ่านสภา นายกฯต้องลาออก แต่นี้กฎหมายไม่ผ่าน ก็ไม่ลาออกแล้วยังร้องไชโยอีก ดังนั้นพลงอ.ประยุทธ์ คือปัญหาชาติ มีการตั้งคำถามว่าถ้าไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ แล้วจะเอาใคร ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ตาย ประเทศเจ๊งเลย ที่ผ่านมาปี 35 สมัยพล.อ.สุจินดาคาประยูร อดีตนายกฯ โกหกครั้งเดียวประชาชาชนไม่เอาเลย แต่ พล.อ.ประยุทธ์ โกหกร้อยครั้งพูดจริงครั้งเดียวคือตอนพูดชื่อในสภา

ดังนั้นตนมีความเชื่อว่า ตราบใดที่ยังมี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ รัฐธรรมนูญไม่มีวันได้แก้ไข เราไม่เชื่อ นายไพบูลย์ ที่ให้แก้รายมาตรา เพราะคือละคร ยิ่งนายไพบูลย์ มาจับมือ กับนายสมชาย ยิ่งกว่าผีเน่ากับโรงผุ สายสะพายได้มาหมด ยกเว้นสายสินสายเดียว นี้คือละครลวงโลกให้เราเล่นตาม ตนถึงบอกว่าเรามาล้มเกม ไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกไป เชื่อว่าจะได้รัฐธรรมนูญฉบับที่ดีที่สุด

ขณะที่ นายเอกชัย ไชยนุวัติ นักวิชาการ กล่าวว่า ตอนนี้ตนยังไม่มีคำตอบว่าถ้ารัฐธรรมนูญ60ไม่เป็นประชาธิปไตย เราร่างใหม่ได้หรือม่ แล้วหาทางทำประชามติ ซึ่งขณะนี้กฎหมายประชามติกำลังเข้ารัฐสภา โดยถามประชามติว่าจะอยู่กับรัฐธรรมนูญ 60 หรือร่างใหม่ ถ้าประชามติออกมาว่าอยู่กับรัฐธรรมนูญ 60 จะอยู่อย่างไร ถ้าไม่เอารัฐธรรมนูญ 60 แล้วรัฐธรรมนูญชั่วคราวจะใช้อะไรฉบับไหน ถ้าไม่เอาส.ส.ร. แล้วใครจะเป็นผู้ร่าง รัฐธรรมนูญ 60 ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย สมมุติ พล.อ.ประยุทธ์ไป พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มาเราก็อยู่ระบอบเดิม

ดังนั้นวันนี้ตนไม่มีคำตอบว่าร่างใหม่ได้หรือไม่ ขอไปหาความรู้ก่อน ถ้าร่างใหม่ได้ก็ยุบสภาเลย แล้วใครอยากได้รัฐธรรมนูญ 60 ก็เลือก พล.อ.ประยุทธ์ ใครไม่อยากได้ รัฐธรรมนูญ 60 ก็เลือกพรรคที่ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ แค่นั้นก็จบ

นายเอกชัย กล่าวต่อว่า ความหวังของตนคืออยากให้ทุกคนได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานในการปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำราษฎรที่ถุกคุมขัง เขาก็เป็นคนเหมือนเรา เหมือนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขากปปส. เหมือนนายณัฐฎพล ทีปสุวรรณ อดีตรมว.ศึกษาธิการ จึงขอให้ศาลช่วยพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวพวกเขาด้วย

ส่วน นายยิ่งชีพ อัชณานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) กล่าวว่า บางคนอยากได้พล.อ.ประยุทธ์ออกไป บางคนอยากได้สภาเดี่ยวไม่เอาส.ว.บางคนคิดถึงรัฐสวัสดิการ ทุกคนคิดไม่เหมือนกันถ้าเรามีโอกาสที่จะไปสู่รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ทุกอย่างจะมีโอกาสได้ ถ้าเราร่างรัฐธรรมนูญมาไม่ดีที่สุด ก็มีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ ตนไม่ได้เสนอว่าควรเป็นอย่างไร สิ่งที่เราเสนอคือรื้อถอนอำนาจที่ผิดปกติออก แล้วเปิดไปสู่อะไรใหม่ๆ

“วันนี้เราไม่ควรพูดว่าแก้รัฐธรรมนูญ คำว่าก้รัฐธรรมนูญมันเบาไป เพราะฝ่ายประยุทธ์ ไม่ใช่ไม่อยากแก้ เขาอยากแก้ อาจแก้ให้อยู่ในอำนาจต่อ นายสมชายก็อยากแก้เพื่อให้ตัวเองอยู่ต่อ หลังจากนี้เราพูดสิ่งที่เรียกร้องไม่ใช่แค่แก้รัฐธรรมนูญแต่ต้องเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ แต่แม้แต่รายมาตรา เราอาจจะแก้ได้ แต่อาจยุบสภาก่อน ดังดนั้นผมคิดว่าการไล่ประยุทธ์กับการแก้รัฐธรรมนูญต้องทำไปพร้อมๆกัน”นายยิ่งชีพ กล่าว

ขณะที่ นายวิญญู วงศ์สุรวัฒน์ (จอห์น วิญญู) พิธีกรรายการเมืองชื่อดัง กล่าวว่า ถ้ามีความเป็นประชาธิปไตย ทุกคนจะได้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญจริงๆ ไม่เหมือนทุกวันที่มีคนโกหกว่าบ้านเมืองเราเป็นประชาธิปไตย แต่เมื่อเราไปชุมนุมกลับถูกเจ้าหน้าที่จับกุม และถ้าเรามีรัฐธรรมนูญที่มีความเป็นประชาธิปไตย ก็จะไม่มีรัฐประหารอีกต่อไป และไม่มีรัฐธรรมนูญที่อ้างว่าเป็นฉบับปราบโกง และบ้านเมืองเราจะดีขึ้น ไม่เป็นเหมือนกับตอนนี้ที่เราอยู่ในกลียุค

เอาภาษีของปะชาชนไปเป็นเงินเดือนและซื้ออุปกรณ์ให้คนที่ทำร้ายประชาชน สำหรับสิ่งที่ทำให้เรามีความหวังได้ คือประเทศนี้เป็นของประชาชน จากประวัติศาสตร์โลก เราเห็นได้ว่าสิ่งใดที่วิปริตมันอยู่ไม่ได้ ขอให้ทุกคนอย่าเพิ่งท้อ สิ่งที่เราทำมานั้นใช้เวลาน้อยมาก คนที่ถูกจองจำอยู่ตอนนี้ได้เปล่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆด้วยซ้ำ และจากประวัติศาสตร์โลกได้แสดงให้เห็นแล้วว่าอะไรที่ไม่เป็นธรรมชาติ อะไรที่แปลกประหลาด สุดท้ายมันก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้นเราอย่าเพิ่งสิ้นหวัง เพราะความหวังอยู่ด้านหน้า ขอให้ทุกคนยังอยู่ด้วยกันและสนับสนุนกันต่อไป

ด้าน นายอรรถพล บัวพัฒน์ (ครูใหญ่) แกนนำกลุ่ม“ราษฎร” และแกนนำกลุ่ม “ขอนแก่นพอกันที” กล่าวว่า ถ้ารัฐธรรมนูญมีความเป็นประชาธิปไตย ก็จะมีเงาของคำถามว่าคนที่ไม่ใช่ประชาชนเขาจะเสียอะไร ถ้ารัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย เราจะได้ความชัดเจนว่าการปกครองของประเทศคือระบอบประชาธิปไตย์อันมีกษัตริย์เป็นประมุขและอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ รวมถึงเราทุกคนจะพูดอะไรๆได้ตรงกว่านี้ รวมถึงจะมีกติกาที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ และเราจะได้คนที่ยึดโยงกับประชาชน ได้รัฐบาลและตุลาการที่ยึดโยงกับประชาชน อีกทั้งเราจะได้เสรีภาพที่ไม่กำกวม และจะได้ไล่เช็คบิลเผด็จการกันเสียที

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า เราอาจรู้สึกว่าแพ้ ฝ่ายประชาธิปไตยถูกน็อกไปบ้าง แต่ยังลุกขึ้นได้ใหม่ เราแพ้ได้หลายยก แต่ถ้าเราชนะได้ จะทำให้มันกลับมาไม่ได้อีก เรายังมีความหวังว่าจะมีความก้าวหน้าได้อีก เวลาอยู่ข้างเรา อะไรที่ฝืนธรรมชาติ ไม่สามารถฝืนเวลาได้ ความจริงมันปิดไม่ได้ คนที่ปิดความจริงคือคนที่พยายามฝืนธรรมชาติ เราไม่อาจหักด้ามพร้าด้วยเข่า ต้องค่อยๆต่อสู้กันต่อไป

เพราะถ้าไม่มีการต่อสู้ในช่วง 7-8 เดือนที่ผ่านมา การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะได้เข้าสู่สภาหรือ ดังนั้นอย่าเพิ่งถอดใจ ตนพูดอย่างคนสั่งเสียว่าถ้าวันที่ตนไปรายงานตัวในวันที่ 25 มี.ค. ตนไม่ได้ออกมา ขอให้ทุกคนรู้ว่า “วันพีซ” มีอยู่จริง เราไม่ได้สู้กับกองทัพ แต่เราสู้กับเผ่ามังกร และขอย้ำว่าอย่าสิ้นหวัง ขอให้สู้ต่อไป คนรุ่นใหม่อย่าลืมว่าคนรุ่นใหญ่สู้มาเท่าไหร่แล้ว