ครัวอยู่ที่ใจ l ทางรอดอยู่ในครัว : งานแต่งเพื่อน / อุรุดา โควินท์

 

ทางรอดอยู่ในครัว

: งานแต่งเพื่อน

 

ฉันจับจ้องวันเวลาเสมอ แม้ตัวเลขอายุมากขึ้น ตัวเลขไม่ใช่ปัญหา ตราบเท่าที่เราตระหนักถึงคุณค่าของมัน

หนึ่งสัปดาห์ หนึ่งเดือน หนึ่งปี…หากเราเผลอ มันจะผ่านไปดุจเดียวกับสายน้ำ

วันพรุ่งนี้บอกเรา ชีวิตต้องโลดแล่นไปข้างหน้า เราต้องรู้สึกถึงการเริ่มต้น เช่นเดียวกับดอกไม้รอการผลิบาน

เมื่อวานเตือนว่า ฉันจำต้องทิ้งบางสิ่งไว้ข้างหลัง ไม่อาจหยิบฉวยได้ทั้งหมด ต่อให้เป็นสิ่งล้ำค่า เมื่อพ้นกาลเวลา เราก็จะเสียมันไป

คาดหวังคืนวันอันปกติ สุขภาพแข็งแรงและหลับสนิท ฉันหวังเพียงเท่านั้น วันต่อวัน

เมื่อวาน ฉันเจอเพื่อนเก่าตอนไปตลาด ทั้งเพื่อนรุ่นพี่ รุ่นน้อง และรุ่นเดียวกัน นับเป็นโชคของพวกเธอ ได้รวมกันเป็นกลุ่มก้อน ได้อยู่กับผู้คนที่เติบโตมาด้วยกัน และกำลังจะเดินสู่วัยงามพร้อมกัน

ทุกคนโวยวายเมื่อฉันถาม เราไม่ได้ปาร์ตี้กันกี่ปีแล้ว ยี่สิบกว่าปี และอีกไม่นานจะเป็นสามสิบปี-วันเวลาที่เด็กสาวเดินจากมา

เราควรระลึกถึงมัน เราผ่านอะไรมาบ้าง พบสิ่งใดบ้าง และวันข้างหน้า-อนาคตยังเป็นความลับ

“ถ้าไม่คิด ก็ไม่ต่างกันหรอก อายุ 18 กับ 40 น่ะ” ฉันบอก

“ใช่สิ เพราะติ๊กมันจะแต่งงานวันเสาร์นี้ที่บ้านมัน ไปนะเธอ งานแต่งเล็กๆ มัดมือแล้วกินข้าวกัน”

สำหรับฉัน เพิ่มอายุ หมายถึงเพิ่มความสามารถ เพิ่มประสบการณ์ และเพิ่มวุฒิภาวะ ทางกายภาพ เราหยุดเติบโตตั้งแต่ 20 (ยกเว้นพุง) แต่โลกภายในยังเติบโตได้อีก เรียนรู้ได้อีก และหยั่งลึกได้อีก

“โอเค เจอกัน จะทำอาหารไปช่วย” ฉันรีบรับปาก

“ดีๆๆ งานตอนกลางวันนะ คนไม่เยอะหรอก”

ติ๊กเป็นคนเรียบร้อย แบบที่โบราณใช้คำว่าผ้าพับไว้ นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกของเธอ และคงเป็นครั้งเดียว ฉันดีใจกับเธอนัก อากาศกำลังหนาว เหมาะที่จะจัดงานแต่ง

ใจความสำคัญอยู่ที่-อาหารควรเป็นอะไร

 

7 ในสิบของเพื่อนเก่าระวังอาหาร เอาเถอะ พูดให้ตรงจุดก็ได้ ระวังน้ำหนัก ทุกคนกลัวอ้วน แต่ชอบกินของหวาน ชอบขนมปัง อา… ใช่ เพราะชอบ เราจึงต้องระวัง

คงไม่แคล้วอาหารประเภทยำ สลัด ส้มตำ แค่คิดก็ไม่ตื่นเต้นละ ผ่านก่อน ยังมีเวลาให้ตรอง เย็นนี้เขาว่า อยากกินแกงพริก ถ้ามีปลาทรายสดๆ จะเด็ดมาก อย่าว่าแต่ปลาทราย กุ้งสดก็ใช่จะหาง่าย สรุปเป็นไก่บ้านแล้วกัน ที่นี่เชียงราย ไม่ใช่สงขลา จะได้มีอาหารทะเลสด

สงขลา…จริงด้วย สงขลามีสลัดชนิดหนึ่ง อร่อยมาก กินเท่าไรๆ ก็ไม่เบื่อ เรียกกันว่าเต้าคั่ว

คิดแล้วต้องทำเลย แต่ก่อนอื่น ต้องกล่อมเขาให้เปลี่ยนใจจากแกงพริกมาเป็นเต้าคั่ว อืม…ต่างกันมาก แต่มันอร่อย และเขายังไม่เคยกิน

ฉันเดินเข้าบ้าน “เย็นนี้เรากินเต้าคั่วกันมั้ย แกงพริกทำเมื่อไรก็ได้”

“ไม่เอาน้ำราดแบบเป็นกะทินะ ไม่อยากกินกะทิ”

ฮะ เขาเคยกินเต้าคั่วที่ไหน เมื่อไร หรือฉันเคยทำให้กินแล้ว ไม่น่าหรอกนะ

“เพื่อนเคยทำ คนสุราษฎร์ฯ เรียกผักบุ้งไต่ราว อร่อยดี”

“ใช่ๆๆๆ” ฉันพยักหน้า “บางแห่งเขาทำน้ำจิ้มแบบสลัดแขก น้ำราดข้นๆ มันๆ มีถั่วลิสง แต่เราจะทำน้ำราดอีกแบบ”

เต้าคั่วกินเล่นก็ได้ กินจริงจังก็ดี มีทั้งเส้นหมี่ขาว ผัก เนื้อสัตว์ และไข่ต้ม ทั้งหมดราดด้วยน้ำยำสองแบบ รสตัดกัน เป็นอาหารที่ถูกคิดขึ้นอย่างชาญฉลาด สามารถเลือกกินได้ในแต่ละจาน ใครชอบสิ่งไหน ใส่ให้มากหน่อย ไม่ชอบก็ตัดออก แถมเลือกการปรุงได้อีกด้วย อา…ทำไมเราไม่ค่อยทำเต้าคั่วกันเลย ทำไม

เพราะเรากินสลัดในชีวิตประจำวันบ่อยมาก บ่อยเสียจนลืมสลัดแสนอร่อย แสนงามจานนี้

 

ได้ของจากตลาดมาครบครัน ฉันเข้าครัวเลย อีกหนึ่งข้อดีของสลัด คือทำเก็บไว้ได้ เหมาะกับปาร์ตี้งานแต่งเสียจริง

แช่ผักในน้ำสิบห้านาที เยาะผงฟูลงไปหน่อยหนึ่ง เราใช้แตงกวาลูกเล็ก ผักบุ้งไทย และถั่วงอก

เปิดเตาต้มไข่เป็ด หรือจะเป็นไข่ไก่ก็ได้ แต่สำหรับฉัน ไข่เป็ดสวยกว่า ต้มง่ายกว่า กินอร่อยกว่า ต้มในน้ำเดือด 6 นาที ตักไข่แช่น้ำเย็น 10 นาที ปอกออกมา ไข่ขาวเด้งใส ได้ไข่อย่างมะตูมแน่นอน ไร้ข้อกังขา ต้มไข่คือวิทยาศาสตร์ ไม่ต้องการฝีมือ

หลังต้มไข่ ฉันตั้งหม้ออีกใบ ใส่เกลือลงไปหน่อย พอน้ำเดือด ก็หย่อนหมูสามชั้นทั้งเส้นลงไป เป็นสามชั้นในอุดมคติ กล่าวคือ มีชั้นมันนิดเดียว ต้มสามชั้นสุก ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วหั่นเป็นชิ้นรอ

ถั่วงอกนั้นลวกพอสะดุ้ง เอาขึ้นมาพัก ส่วนผักบุ้งต้องลวกนานหน่อย สีจะคล้ำ แต่อร่อยกว่ากินเขียวๆ ทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำ ก่อนหั่นเป็นท่อนสั้นๆ และแตงกวา หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ บางๆ

อีกส่วนประกอบที่สำคัญ ใส่ไม่มาก แต่ลืมไม่ได้เด็ดขาด-เส้นหมี่ขาว ลวกแล้วพักไว้ในชามอีกใบ

เอาละ จบกระบวนการลวกต้ม ถึงเวลาของการทอด ซึ่งประกอบด้วยเต้าหู้แข็งทอด และกุ้งชุบแป้งทอด… มีทั้งหมู กุ้ง เต้าหู้ แถมมีไข่ต้ม ไม่อร่อยก็บ้าแล้ว

เต้าหู้แข็งซื้อมาก้อนใหญ่ ฉันตัดเป็นท่อนหนา ทอดให้เป็นสีทอง เวลาเสิร์ฟ เราจะหั่นเป็นชิ้นพอคำ

ตามด้วยของโปรดเขา กุ้งฝอยทอด ฉันผสมแป้งทอดกรอบกับน้ำเย็นในอัตราส่วนหนึ่งต่อหนึ่ง คนให้ละลาย แล้วใส่กุ้งลงไป เราต้องระวังไม่ให้แผ่นหนา ฉันจึงหาจานใบเล็กๆ เป็นพิมพ์ ตักกุ้งผสมแป้งแล้วเกลี่ยให้แผ่แบนในจาน เทลงน้ำมันร้อนๆ ทอดทีละแผ่น จนทั้งสองด้านเป็นสีน้ำตาล

 

ดูเหมือนทุกอย่างพร้อมแล้ว เหลือแต่น้ำปรุง ซึ่งมีสองชนิด เวลากินใช้ราดร่วมกัน อย่างแรกคือพริกกับน้ำส้มสายชู ตำพริกจินดาให้ละเอียด ดองไว้ในน้ำส้ม เหยาะเกลือนิดหน่อย

อีกชนิด ตั้งหม้อใบเล็ก ใส่น้ำตาลปีบกับน้ำปลา เคี่ยวจนละลาย น้ำปรุงส่วนนี้ต้องข้นสักนิด เวลาราดจะน่ากินกว่า

เรียงผักลงจานก่อน ผักบุ้งลวก ถั่วงอกลวก แตงกวา ตามด้วยเส้นหมี่ขาวนิดหน่อย หมูสามชั้นต้ม เต้าหู้ทอด หักกุ้งทอดใส่ลงไปนิดหน่อย บรรจงวางไข่ยางมะตูมครึ่งลูก แล้วราดน้ำปรุงทั้งสองชนิด ค่อยๆ คลุกให้เข้ากัน และชิม

แต่เต้าคั่วก็คือเต้าคั่ว จะไม่อร่อยได้อย่างไร เอาละ เสาร์นี้ฉันจะทำให้เลิศเลอขึ้นอีก จัดลงขันโตก แล้วเอาไปช่วยงานแต่งติ๊ก อืม…ว่าแต่ ฉันจะใส่ชุดไหนดี ควรคิดไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อนแต่งงานทั้งที