เปิดกลยุทธ์เหนียว ของ 3 ป. กลางศึกใกล้ ‘พี่ป้อม-พี่ป๊อก-น้องตู่’ ไปป์-เนื้อ คอนเน็กชั่น 3 เสือพ่นควัน และแก๊งวันเสาร์ / รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

เปิดกลยุทธ์เหนียว

ของ 3 ป. กลางศึกใกล้

‘พี่ป้อม-พี่ป๊อก-น้องตู่’

ไปป์-เนื้อ คอนเน็กชั่น

3 เสือพ่นควัน

และแก๊งวันเสาร์

 

ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา พี่น้อง 3 ป. “ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์” ตกเป็นเป้าหมายใหญ่ในสภา ในฐานะที่เป็นแผงอำนาจ เป็นคีย์แมนรัฐบาล

แต่สามพี่น้องก็ดูจะไม่สะทกสะท้าน เพราะมั่นใจในคะแนนเสียงของฝ่ายรัฐบาล เพราะการเดินเกมการเมืองของบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล

พล.อ.ประวิตรเอ่ยปากว่า การที่ต้องมาเล่นการเมืองและมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นการตกกระไดพลอยโจน เพราะ “ป๊อกกับตู่” เชียร์อย่างเดียวเลย

เริ่มตั้งแต่ให้รับตำแหน่ง รมว.กลาโหม ในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ปี 2551 เพราะพี่น้อง 3 ป.มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ปชป.ในเวลานั้น

และกลับมาเป็น รมว.กลาโหม และอยู่ยาวจนมาถึงวันนี้ โดย 5 ปีเป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมในยุครัฐบาล คสช.หลังการยึดอำนาจ ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในนามหัวหน้า คสช. ที่มาเป็นนายกรัฐมนตรีเอง

และเมื่อเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และก็ควบ รมว.กลาโหมเอง และคุมตำรวจเอง โดยให้ พล.อ.ประวิตรเป็นรองนายกฯ เก้าอี้เดียว

ทั้งนี้ เพื่อให้ พล.อ.ประวิตรไปเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังจากที่เป็นผู้มีส่วนสำคัญอยู่เบื้องหลังการตั้งพรรค และการดูดนักการเมืองเข้าพรรคและทำหน้าที่เป็นแม่ทัพใหญ่ คุมศึกการเมืองอย่างเต็มตัวในการทำให้รัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำ มีเสถียรภาพที่มั่นคง ทั้งด้วยการดูด ส.ส.จากพรรคอื่นเข้าพรรคพลังประชารัฐ และการเลี้ยง ส.ส.ที่เป็นงูเห่าไว้ในพรรคฝ่ายค้าน

จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์กลายเป็นรัฐบาลที่มีความมั่นคง

เป็นที่รู้กันดีว่า พล.อ.ประวิตรมีความสำคัญต่อ พล.อ.ประยุทธ์อย่างมาก ตราบใดที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงต้องอยู่ในการเมือง พล.อ.ประวิตรก็ยังไปไหนไม่ได้

“ผมก็อยากจะพัก เพราะเดินก็ไม่ไหวแล้ว แต่ถ้านายกฯ ยังอยู่ แล้วเขาอยากให้ผมช่วย ผมก็ช่วย อยู่ที่ ‘ตู่’ อยู่ที่เขา” พล.อ.ประวิตรกล่าว

แต่ไม่คิดกลับไปเป็น รมว.กลาโหมแล้ว เหตุผลไม่ใช่โดน พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจ แต่เพราะตนเองเดินแย็กๆๆๆ อยู่คนเดียว ท่ามกลางนายทหารที่สวมเครื่องแบบเดินกันอย่างสง่างาม “มันน่าเกลียด” จึงไม่คิดกลับไปเป็น รมว.กลาโหมอีก

ยืนยันว่า สมองทำงานได้ 100% แต่ร่างกายแค่ 50-60%

การอภิปรายไม่ไว้วางใจ 10 รมต.ครั้งนี้สะท้อนฝีไม้ลายมือของ พล.อ.ประวิตรในทางการเมือง ทั้งการรู้ข้อสอบก่อน จนมีข่าวว่ามี ส.ส.ฝ่ายค้านจงใจทำข้อสอบรั่วให้รัฐบาลรู้ และเตรียมการชี้แจงได้

และกระแสข่าวการ “แจกกล้วย” ทั้งในบรรดางูเห่า และในพรรคพลังประชารัฐเอง

หลังจากมีข่าววุ่นๆ การโหวตให้กับ รมต.ที่โดนอภิปรายบางคน ที่อาจได้คะแนนโหวตน้อยกว่าคนอื่น

ที่ถูกมองว่าเป็นปฏิกิริยาภายในพรรค ที่หวังทำให้หัวหน้าป้อมและแกนนำพรรคสนใจ ส.ส.ในพรรคด้วย

เพราะที่ผ่านมาใส่ใจแต่เสียงของฝ่ายค้าน จนเกิดข่าวการแจกกล้วย

แต่ที่สะท้อนว่ามีความเคลื่อนไหวทางการเมืองแทรกอยู่คือ การที่ พล.อ.ประยุทธ์เปรยในที่ประชุม ครม.ว่า ขออย่าให้มีปัญหาภายในซึ่งกันและกัน และให้ทำทั้งการบ้านและการเมือง การเมืองคือดูแลประชาชนให้ดี

“ผมจะพิจารณาเป็นรายพรรคไป ถ้ามีปัญหา” คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ทำให้เกิดกระแสข่าวการปรับ ครม.

สอดรับกับความเคลื่อนไหวในพรรคพลังประชารัฐที่เริ่มขยับในการเลื่อยเก้าอี้นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค ที่เป็น รมว.ศึกษาธิการ

แม้ว่าก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์จะยืนยันว่ายังไม่เคยคิดเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีก็ตาม

ส่วน พล.อ.ประวิตรก็ยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นหนึ่งเดียวมีเอกภาพ ตราบใดที่ผมยังอยู่

แต่กระแสความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในสภา อภิปรายตอบโต้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่า

“ผมเป็นนายกฯ ที่ใช้ไม่ได้ ล้มเหลว แต่ให้ไปดูคนใกล้ๆ ตัว หลายคนจะขอย้ายมาอยู่กับผม ไปหาให้เจอแล้วกัน เพราะฉะนั้น ไม่ต้องมาหรอก”

 

อันทำให้เกิดกระแสข่าวลือถึงพลังดูดภาค 2 ของ พล.อ.ประวิตร ต่อการย้ายพรรคของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย

แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะลดกระแสด้วยการระบุแค่ว่า เห็นเขาพูดๆ กัน การเมืองก็ยังงี้ละ

แต่ถือเป็นชั้นเชิงทางการเมืองในการทิ้งระเบิดใส่พรรคเพื่อไทยให้เกิดหวาดระแวงกันเองว่าใครกลายเป็นงูเห่า

เหล่านี้ล้วนสะท้อนกลยุทธ์ทางการเมืองของ พล.อ.ประวิตร ที่แม้จะเป็นนายทหารเก่า วัย 76 แต่ทว่าก็อยู่ในแวดวงการเมืองมายาวนานหลายปี คบหานักการเมืองหลายพรรค หลายขั้ว

และยิ่งเมื่อมาก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ ที่ดูดนักการเมืองมาจากหลายพรรค หลายมุ้ง รวมถึงพรรคเพื่อไทย ก็ทำให้สามารถเลี้ยงงูเห่าไว้ในพรรคอื่นได้

โดยเฉพาะสายสัมพันธ์เดิมของ พล.อ.ประวิตรกับนักการเมืองในขั้วของชินวัตร

เพราะต้องยอมรับว่าสมัยก่อน พล.อ.ประวิตรก็ใกล้ชิดสนิทสนมกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และโดยเฉพาะคุณหญิงอ้อ พจมาน ดามาพงศ์ และกลายเป็นคนคุ้นเคยขาประจำของบ้านจันทร์ส่องหล้า

จึงทำให้สามารถดูดนักการเมืองอดีตพรรคไทยรักไทยและเพื่อไทยมาอยู่พรรคพลังประชารัฐได้หลายคน และยังมีงูเห่าอีกหลายตัว

ไม่เช่นนั้น อดีตนายกฯ ทักษิณคงไม่ถึงขั้นต้องเด้งบิ๊กตุ้ย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ญาติผู้พี่ จาก ผบ.ทบ.ไปแขวนเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อเปิดทางให้ พล.อ.ประวิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ.ในเวลานั้นขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณอย่างฮือฮา

และส่งผลให้ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ไม่มองหน้ากัน

 

นอกจากความสนิทสนมใกล้ชิดร่วมเป็นร่วมตายกันมาตั้งแต่เป็นทหารเสือราชินี อยู่กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) ชลบุรีด้วยกันมา กินนอนบ้านหลังเดียวกันมาตั้งแต่เป็นนายทหารยศร้อยเอก ร้อยโท จนทำให้สายสัมพันธ์พี่น้อง 3 ป.แนบแน่นลึกซึ้ง จนกลายเป็นขั้วอำนาจใหญ่ในประเทศไทยที่ครองอำนาจยาวนานกว่า 10 ปีแล้ว จนรู้นิสัยใจคอกัน

โดยเฉพาะเวลาพี่ป้อมโกรธ ไม่พอใจ น้อยใจ ก็จะแสดงออกให้น้องๆ ถามไถ่งอนง้อเลย แม้ พล.อ.ประวิตรจะเคยยืนยันว่าไม่ใช่เป็นคนขี้งอนหรือขี้น้อยใจก็ตาม

ข้อตกลงของพี่น้องในการทำงานร่วมกันคือ มีอะไรต้องคุยกันทุกเรื่อง ไม่เก็บ ไม่เงียบ

พล.อ.ประวิตรจึงพูดได้เต็มปากว่าในพี่น้อง 3 ป. เรื่องความเห็นไม่ตรงกันมีอยู่บ้าง เป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่ได้เป็นความขัดแย้งถึงขั้นทะเลาะกัน

“เรื่องทะเลาะไม่มี แต่เรื่องความเห็นไม่ตรงกัน ก็เป็นเรื่องของความเห็น จนเดี๋ยวนี้ก็มีนะ ที่ความเห็นไม่ตรงกัน แต่มันไม่มีปัญหา ไม่ได้เอาอารมณ์มาเกี่ยวข้อง ต้องใช้เหตุผลที่จะคุยกัน” พล.อ.ประวิตรระบุ

ส่วนที่ร่ำลือกันว่าน้อยใจนายกฯ ในบางครั้งนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่เคยมีปัญหาน้อยใจ ไม่มี ผมจะไปน้อยใจอะไร เราก็รู้ตัวว่า ขณะนี้เราเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเขา ทำงานกันคนละแบบ เขาเป็นผู้บังคับบัญชา เขามีอำนาจสั่งการจะเอายังไง ก็เขาเป็นผู้รับผิดชอบ เราเป็นผู้ปฏิบัติ”

“เพราะฉะนั้น ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีงอน ไม่มีทะเลาะกัน กับป๊อกก็ไม่มี”

 

แม้วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งนานถึง 7 ปีแล้ว เป็นผู้นำรัฐบาล แต่ก็ยังเป็นน้องเล็กของ พล.อ.ประวิตรอยู่วันยังค่ำ

ในวันหยุดวันว่าง พล.อ.ประยุทธ์ก็จะเข้าบ้านป่ารอยต่อฯ หรือมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ที่อยู่ใกล้ๆ กับบ้านของตนเองในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) เพื่อพบปะพูดคุย กินข้าว กินก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ที่เป็นของโปรดเหมือนกันมาตั้งแต่เป็นนายทหารเด็กๆ

เมื่อก่อนเคยชักชวนกันไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อร้านอร่อยเสมอๆ แต่พอเป็นบิ๊กกันแล้วก็จะเรียกร้านมาออกร้านที่บ้านป่ารอยต่อฯ และบ่อยครั้งที่พี่ป้อมให้เรียกน้องตู่มานั่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกัน นั่นเป็นการส่งสัญญาณว่า มีเรื่องจะคุยแบบเห็นหน้า ไม่อยากคุยผ่านโทรศัพท์

เมื่อใดที่ 3 พี่น้องพบเจอกันที่บ้านป่ารอยต่อฯ ควันก็จะคละคลุ้ง เพราะทั้ง 3 ป.จะกลายเป็นเสือพ่นควันในวงสนทนาที่ออกรสชาติ

ไม่ใช่แค่ที่บ้านป่ารอยต่อฯ เท่านั้น แต่บางครั้งที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเฉพาะที่ตึกภักดีบดินทร์ เมื่อทั้ง 3 พี่น้องมาประชุมร่วมกันเสร็จแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ก็มักจะดึงมือพี่ป้อม พี่ป๊อก เข้าห้องรับรอง ปิดประตูพูดคุย พร้อมกับสูบไปป์พ่นควันฉุย คุยเรื่องต่างๆ กันด้วย

ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ก็เล่นกอล์ฟกับเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 12 ที่ก็ล้วนเป็นอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช. บางคนก็เป็นองคมนตรีแล้ว

ที่สำคญคือ ทุกๆ วันเสาร์ พล.อ.ประวิตรในฐานะประธานเตรียมทหารรุ่น 6 จะมีนัดกินข้าวกับเพื่อนๆ ราว 20 คน เพราะทุกๆ วันเสาร์ถือว่าเป็นวันรีแลกซ์ พักผ่อนกับเพื่อนๆ

เพราะวันอาทิตย์จะเป็นวันครอบครัว ที่ พล.อ.ประวิตรจะพักผ่อนที่บ้านปิยะมิตรย่านมีนบุรี จากเดิมที่สมัยก่อนที่มารดายังมีชีวิตอยู่ ก็จะไปบ้านที่ลาดพร้าว

วันเสาร์จะเป็นวันที่ พล.อ.ประวิตรนัดเพื่อนไปกินข้าว หาอาหารอร่อยกิน เปลี่ยนร้านไปเรื่อย ได้สูบไปป์พ่นควันฉุย หัวเราะเริงร่าในหมู่เพื่อนมิตรสหาย ให้รำลึกถึงวัน “ฝนแรก” ที่ฝนตกหนักในวันเปิดเรียน จนกลายเป็นชื่อรุ่น ฝนแรก

บางครั้งในวงพี่ๆ เตรียมทหารรุ่น 6 ของพี่ป้อม พล.อ.ประยุทธ์ก็มาร่วมแจมด้วย เพื่อรักษาความสัมพันธ์ และจะได้คุยเรื่องต่างๆ กันด้วย

เช่นเมื่อล่าสุด ก่อนศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังจากพี่ๆ ตท.6 เล่นกอล์ฟกันเสร็จแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ที่ไปตีกอล์ฟมาก็แวะมาหา พล.อ.ประวิตร มานั่งพ่นควันกับพี่ใหญ่ คุยกันอย่างออกรสชาติ อย่างอารมณ์ดี ไม่มีแววกังวล

เรียกได้ว่าสายสัมพันธ์พี่น้อง 3 ป.ยังเหนียวแน่น ท่ามกลางศึกนอกจากฝ่ายค้าน และกลุ่มม็อบ

รวมทั้งปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่มีเรื่องราวของแถมอันเป็นผลจากการที่ พล.อ.ประวิตรส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมชิง ส.ส.นครศรีธรรมราช จนทำให้แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ออกมาสะกิดเรื่องมารยาททางการเมือง ที่ส่งผลให้บรรยากาศในพรรคร่วมรัฐบาลไม่สู้ดีนัก

แต่ พล.อ.ประวิตรก็ดูมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในการดูแลพรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมรัฐบาล ในฐานะผู้จัดการรัฐบาลตัวจริง

เพราะนอกจากจะมีมือทำงานที่เป็นทหารเก่าดูแลงานต่างๆ ให้แล้ว ยังมีทหารที่ไว้วางใจทำงานการเมืองเป็นเกมการเมืองให้ด้วยอีกแรง