วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/แปรผัน ไปตาม บทเพลง

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร

แปรผัน ไปตาม บทเพลง (89)

 

การพบครั้งใหม่นำไปสู่การรื้อฟื้นอดีต ค่อยทราบว่าเมื่อตอนเยาว์วัย เอี้ยก่วย เที้ยเอ็ง เล็กบ้อซัง เคยพบกันที่เมืองเกียเฮง เที้ยเอ็งกับเล็กบ้อซังล้วนเคยไปยังถ้ำที่พักของเอี้ยก่วย

และล้วนเคยผจญกับนางมารลี้มกโช้วมาแล้ว

คราใหม่นี้คาดหมายว่านางมารต้องตามมาเอาตำราบันทึกลับเบญจพิษที่เล็กบ้อซังลอบขโมยมาอย่างแน่นอน จึงตระเตรียมค่ายกลเอาไว้รับมือ

ทุกอย่างเป็นไปดังประเมิน

เมื่อขอบฟ้าบูรพารุ่งสางรำไร ขณะเล็กบ้อซังนั่งอยู่หลังเนินดินสดับฟังเสียงเที้ยเอ็งกับเอี้ยก่วยเป่าขลุ่ยร้องเพลงขานรับกัน กำลังเคลิบเคลิ้มเลื่อนลอยพลันเงยหน้าขึ้นเห็นนักพรตหญิงชุดเหลืองอนงค์ 1 ยืนอยู่

มือขวาถือแส้ปัด ชายเสื้อกระพือพลิ้ว

ที่แท้ลี้มกโช้วได้ยินสำเนียงขลุ่ยเสียงเพลงสอดประสานขานรับกันต้องหวนนึกถึงความหลังเมื่อครั้งเยาว์วัยร่วมบรรเลงเพลงกับเล็กเตี้ยงง้วน ชายคนรัก

คนหนึ่งเป่าปี่ คนหนึ่งเป่าขลุ่ย

บทเพลงลิ้วปอนี้ครั้งกระโน้นก็เคยบรรเลงคู่กัน เป็นเหตุการณ์เมื่อ 20 ปีก่อน ตอนนี้ท่วงทำนองยังคงเดิม แต่แล้ว

“วันคืนไร้น้ำใจ คนเปลี่ยนผันไป”

ริมโสตสดับสำเนียงขลุ่ย เสียงเพลง พลันบังเกิดความปวดร้าวรันทดสุดแสน อดเปล่งเสียงร่ำไห้ออกมามิได้

ลี้มกโช้วพอร่ำไห้เอี้ยก่วยกับเที้ยเอ็งก็ตื่นตัว ส่งผลให้เสียงเพลง สำเนียงขลุ่ยแตกซ่าน เห็นดังนั้นลี้มกโช้วฉุกใจคิดพลันเปล่งเสียงเป็นบทเพลงโศกซึ้งรันทด

“ถามไถ่ทั่วโลกหล้า อันว่ารักเป็นฉันใด

“จึงมอบให้แก่กันและกันด้วยชีวิต วิหคคู่เคียงจากดินอุดร ฟ้าทักษิณ เทียบปีกบิน โผผินกี่ฤดูกาล ร่วมหรรษาเริงรื่น ชื่นชมยามพลัดพรากหาย กอปรด้วยบุตรธิดางมงาย ท่านพึงหมายจำนรรจา

“ชั้นเมฆสูงหมื่นลี้ ทัศนีย์พันภูผาไศล เงาเดียวดายดำรงอยู่ได้อย่างไร”

เสียงเพลง สำเนียงขลุ่ย ความจริงรื่นเริงหรรษา แต่เนื้อร้องของลี้มกโช้วกลับเศร้าสร้อยละห้อยหวน

ท่วงทำนองยิ่งโศกาดูร ทั้งไม่สอดรับกับบทเพลงลิ้วปอ

เสียงเพลงทุ้มลงทีละน้อย แต่ยิ่งแผ่วทุ้มยิ่งแหลมสูง เที้ยเอ็งจิตใจว้าวุ่นอยู่บ้างกลับเป่าตามเนื้อร้อง “หรรษาพาเริงรื่น” รอจนเป่าถึงข้อความ “ขื่นขมยามพลัดพรากหาย” กลับถูกลี้มกโช้วชักนำไปอย่างลืมตัว

แท้จริงแล้วนี่คือการสัประยุทธ์ผ่าน “เพลง”

เที้ยเอ็งปรับเปลี่ยนทำนอง แต่เสียงขลุ่ยสดใส พลังการฝึกปรือก็อ่อนด้อยไม่สามารถเป่าเป็นคลื่นเสียงแหลมสูงต่อสู้กับเสียงเพลงของลี้มกโช้ว ลังเลเล็กน้อยจึงวิ่งเข้าห้องวางขลุ่ยหยกลง

ทรุดนั่งข้างโต๊ะกรีดนิ้วลงบนสายพิณ

เอี้ยก่วยก็โก่งคอร้องเพลงด้วยเสียงอันดังเพื่อช่วยเสริมสภาวะ ได้ยินเสียงเพลงของลี้มกโช้วยิ่งอ้อยสร้อยรันทด เสียงพิณยิ่งมายิ่งถูกลากสูงขึ้น

เสียงเช้งคราหนึ่งเมื่อสายพิณเจ็งฮี้ สายพิณเส้นแรกพลันขาดผึง

เที้ยเอ็งใจหายวาบ การกรีดนิ้วสับสนอยู่บ้าง สายพิณเส้นที่ 2 อู้ฮี้ขาดผึงไปอีก ลี้มกโช้วร้องปนเสียงร่ำไห้ทำให้สายพิณเส้นที่ 3 เก็งฮี้ขาดตาม

ความจริงลี้มกโช้วสามารถฉวยโอกาสที่สายพิณขาด ท่วงทำนองสับสน จิตสมาธิวุ่นวาย บุกรุกคุกคามเข้ามายังทับกระท่อม แต่เห็นค่ายกลหินดินแม้ดูเผินๆ สับสนยุ่งเหยิงแต่แสดงว่าแฝงการเปลี่ยนแปลงของ 5 ธาตุ อดบังเกิดจิตกริ่งเกรงมิได้

พลันบังเกิดไหวพริบขึ้นมาวูบหนึ่ง อ้อมปราดไปทางด้านซ้าย ภายในเสียงร้องแหลมสูงพุ่งร่างทลายผนังเข้าไป

วินาทีเป็น วินาทีตายนี้พวกเขา 3 คนคิดอะไร

เอี้ยก่วยรับบาดเจ็บบอบช้ำไม่สามารถลุกขึ้นต่อต้าน นอนสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหว เที้ยเอ็งปรับสายพิณบรรเลงบทเพลง “ท้อพริ้งพราย” (ท้อเอียว)

บทเพลงพริ้งเพริศไฉไล ปกคลุมด้วยบรรยากาศอันสดใส

เมื่อชำเลืองมองไปยังเอี้ยก่วยเห็นแย้มยิ้มมา สร้างความหวานชื่นดื่มด่ำ เล็กบ้อซังถือกระบี่ตามติดเข้ามาหาคร้ามเกรงไม่ เที้ยเอ็งร้องคลอในใจ

“ต้นท้อเจริญงอกงาม ดอกสีแดงบานเฉิดฉัน”