ไทม์เอาต์ / SearchSri / วิกฤต ‘เชลซี’ อนาคต ‘แลมพาร์ด’

Chelsea's English head coach Frank Lampard looks on as Leicester City's players warm up during the English Premier League football match between Leicester City and Chelsea at the King Power Stadium in Leicester, central England on January 19, 2021. (Photo by Tim Keeton / POOL / AFP) / RESTRICTED TO EDITORIAL USE. No use with unauthorized audio, video, data, fixture lists, club/league logos or 'live' services. Online in-match use limited to 120 images. An additional 40 images may be used in extra time. No video emulation. Social media in-match use limited to 120 images. An additional 40 images may be used in extra time. No use in betting publications, games or single club/league/player publications. /

ไทม์เอาต์/SearchSri

วิกฤต ‘เชลซี’

อนาคต ‘แลมพาร์ด’

 

ช่วงที่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกสตาร์ตฤดูกาล 2020-2021 เชลซี เป็นหนึ่งในทีมที่สื่อและแฟนๆ จับตามองมากที่สุด เนื่องจากเสริมทัพได้อย่างน่ากลัว หลังจากอั้นมา 1 ฤดูกาล ผ่านช่วงตลาดซื้อขาย 2 รอบเต็มๆ โดยไม่ได้ซื้อนักเตะเข้าทีมแม้แต่คนเดียว

ตลาดเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว สิงห์บลูส์คว้านักเตะฝีเท้าเยี่ยมร่วมทีมมากมาย ทั้ง ติโม แวร์เนอร์ ดาวยิงไลป์ซิก, ฮาคิม ซีเยช ปีกขวาดีกรีรางวัลจากอายแอ็กซ์, ไค ฮาเวิร์ตซ์ แนวรุกอเนกประสงค์จากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น, เบน ชิลเวลล์ แบ๊กซ้ายเลสเตอร์ ซิตี้, เอดูอาร์ด เมนดี้ นายทวารแรนส์ที่กลายมาเป็นมือ 1 ของทีม และยังมี ติอาโก้ ซิลวา กองหลังมากประสบการณ์ของปารีส แซงต์แชร์แมง ที่ย้ายร่วมทีมแบบไม่มีค่าตัวหลังหมดสัญญากับเปแอสเชอีก

นักวิเคราะห์และแฟนบอลหลายคนคาดหมายว่าเชลซีจะก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จอย่างน่ากลัวด้วยขุมกำลังระดับ “ดรีมทีม” ดังกล่าว อาจไม่ใช่ในฤดูกาลนี้ เพราะต้องให้เวลาแต่ละคนได้ปรับตัวเข้ากับลีกใหม่ ประเทศใหม่ และสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ

รวมถึงให้กุนซือ แฟรงก์ แลมพาร์ด ได้ใช้เวลาศึกษาลูกทีม หาส่วนผสมที่ลงตัวก่อน

 

ช่วงต้นฤดูกาล เชลซีดูวูบวาบน่ากลัว นักเตะใหม่หลายคนแสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าคุ้มราคาค่าตัว อาทิ ซีเยชหลังหายเจ็บกลับมาลงเล่นก็ช่วยเพิ่มออปชั่นในเกมรุกได้มาก โดยเฉพาะลูกเปิดที่ทรงประสิทธิภาพ

ซิลวาอาศัยประสบการณ์คอยบัญชาการเกมรับ และยังถ่ายทอดวิชาให้กองหลังอย่าง เคิร์ต ซูม่า และ รีซ เจมส์ ได้รีดฟอร์มเก่งของตัวเองออกมาด้วย

ขณะที่เมนดี้ก็เซฟเอาๆ จนแย่งมือ 1 จาก เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ได้อย่างถาวร ชิลเวลล์โชว์ฟอร์มได้ดีจนหลายคนชมว่าเหนือกว่า แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ของลิเวอร์พูลเสียอีก

แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป ฟอร์มที่เคยร้อนแรงของเชลซีก็ค่อยๆ ดร็อปลง

นัดที่พ่ายให้ เลสเตอร์ ซิตี้ 0-2 กลายเป็นการปราชัยในเกมลีกนัดที่ 5 จาก 8 นัด และชนะเพียง 2 นัด ซึ่งก็ไม่ใช่ชัยชนะที่ง่ายดายนัก

ที่น่าห่วงคือนักเตะความหวังหลายคนเริ่มฟอร์มไม่ดีอย่างที่ต้องการ

แวร์เนอร์ยิงไม่ได้ 10 นัดติดต่อกัน

ส่วนฮาเวิร์ตซ์หนักกว่าใครเพื่อน เพราะไม่สามารถแย่งตำแหน่งตัวจริงในทีมได้

ถึงขั้น ปีเตอร์ บอสซ์ นายเก่าของแข้งเมืองเบียร์ที่เลเวอร์คูเซ่น ถึงกับตั้งคำถามเรื่องการใช้งานลูกทีมตัวเก่งรายนี้

ตอนนี้ แลมพาร์ดจึงไม่พ้นโดนตั้งคำถามรวมถึงถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าฝีมือดีพอจะคุมทีมระดับนี้แล้วหรือยัง

เพราะเอาจริงๆ ก็เพิ่งมีประสบการณ์คุมทีมแค่ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในลีกแชมเปี้ยนชิพมาปีเดียวเท่านั้น

หลายคนบอกว่า ด้วยสไตล์ของเจ้าของทีม โรมัน อับราโมวิช ถ้าเป็นโค้ชคนอื่น ผลงานมาขนาดนี้ คงโดนปลดจากตำแหน่งไปแล้ว

แต่เพราะเป็นแลมพาร์ดซึ่งมีสถานะเป็นตำนานสโมสร ทำให้เขายังมีบารมีพอจะช่วยให้ได้รับโอกาสต่อไป

แม้จะไม่ชัดเจนว่าโอกาสนั้นจะยาวไปจนถึงฤดูกาลหน้าหรือไม่

 

ปัญหาหลักๆ ของแลมพาร์ดที่หลายคนแสดงความเป็นห่วงเวลานี้ คือการใช้งานนักเตะหลายคนได้ไม่เต็มที่นัก แวร์เนอร์ถูกจับไปยืนปีก ไม่ใช่ตำแหน่งกองหน้าที่ถนัด ทำให้ไม่ได้ใช้ความเร็วและจบสกอร์ไม่ถนัดนัก นานไปพอได้จังหวะยิงจะจะจริง เลยเหมือนคนขาดความมั่นใจ ยิงติดยิงออกเป็นว่าเล่น

ขณะที่ฮาเวิร์ตซ์ต้องถือว่าโชคร้าย เพราะปิดดีลซื้อขายช้ากว่าคนอื่น ทำให้ไม่มีเวลาซ้อมร่วมกับทีมมากนัก พอเริ่มเข้าที่เข้าทางก็มาป่วยโควิดต้องพักไปอีก กลับมาอีกรอบก็เหมือนหาตำแหน่งที่ถนัดไม่เจอ เพราะแลมพาร์ดดูจะชอบใช้งาน เมสัน เมาต์ ในตำแหน่งกองกลางมากกว่า ยิ่งพอให้บทบาทซีเยชทำหน้าที่สร้างสรรค์เกม ฮาเวิร์ตซ์จึงต้องยืนต่ำกว่าที่ตัวเองชอบ และกลายเป็นโชว์ฟอร์มไม่ออก จนเสียตำแหน่งในทีม

แน่นอนว่าการใช้งานนักเตะจากหลายลีก หลากเชื้อชาติ แถมอายุยังน้อยพร้อมๆ กันในทีเดียว ไม่ใช่จะหาสูตรที่ลงตัวได้ง่ายๆ

เพียงแต่ก่อนหน้านี้เคยเห็นสัญญาณที่จะดีแล้ว แต่กลับมาชอร์ตไปดื้อๆ ต่างหากที่ทำให้หลายคนเป็นห่วง โดยเฉพาะเรื่องการแก้เกมระหว่างแข่งซึ่งหลายคนตั้งคำถามกับการตัดสินใจของแลมพาร์ดในบางเรื่อง

น่าสนใจว่าอับราโมวิชและผู้บริหารทีมจะใจดีรอได้ถึงเมื่อไร?