ความครีเอทีฟ ของ “หนุ่มเมืองจันท์” ในช่วงโควิดระบาดระลอกใหม่

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ | ครีเอทีฟ

ถือเป็นภารกิจประจำสัปดาห์ที่ต้องคิด

นั่นคือ จะเขียนเรื่องอะไรดี

ช่วงนี้เรื่องในหัวก็มีแต่เรื่องโควิด-19 ที่กลับมาระบาดระลอก 2

นอกจากอารมณ์กรุ่นโกรธรัฐบาลที่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นทั้งที่มีบทเรียนในต่างประเทศอยู่แล้ว

โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและสิงคโปร์

นั่นคือ การระบาดจากแรงงานเพื่อนบ้าน

ชายแดนไทยกับพม่ายาวเหยียด มีแรงงานพม่าอยู่ในเมืองไทยหลายแสนคน

ถ้าทุกอย่างเข้าระบบปกติมีการตรวจสอบกันก่อนเข้าประเทศ

สถานการณ์จะเบาบางกว่านี้

แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ชัดเจนว่ามาจากความบกพร่องของรัฐบาล โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคง

ปล่อยให้แรงงานเถื่อนเข้ามามากมาย

ตำรวจตระเวนชายแดนที่ควรอยู่เฝ้าชายแดนก็เอาเข้า กทม.เพื่อมาดูแล “ม็อบคณะราษฎร” ซึ่งเป็น “ม็อบ” ที่เบาที่สุดเมื่อเทียบกับ “ม็อบเสื้อแดง” หรือ “กปปส.”

หรือบ่อนการพนันก็กลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อจนระบาดไปทั่วประเทศ

โกรธจริงๆ ครับ

หลังจากที่รู้ว่าโควิด-19 ระลอกสองมาแน่ ผมก็เริ่มวางแผนตั้งรับหากเกิดการล็อกดาวน์ขึ้นอีก

หรือถ้าพูดภาษาวงเก็ตสีโนว่าก็ต้องบอกว่า “ไม่ใช่ล็อกดาวน์ แต่เสมือนว่าล็อกดาวน์”

จากประสบการณ์ครั้งก่อนบอกให้รู้ว่าไม่ต้องบ้าตุนของ

แค่ซื้อของจำเป็นเก็บไว้บ้างก็พอ

เพราะเดลิเวอรี่ได้

โควิดรอบแรกทำให้การสั่งซื้ออาหารเดลิเวอรี่เป็นเรื่องปกติ

ใครมีเงินไม่เดือดร้อนแน่นอน

แถมอร่อยกว่าเดิมอีก

น้องในแวดวงร้านอาหารบอกว่า โควิดครั้งแรก มีกลุ่มคนที่ซื้ออาหาร หรือซื้อสินค้าต่างๆ ทางออนไลน์อย่างสนุกสนาน

ผู้ใหญ่หลายคนเพิ่งซื้อของออนไลน์เป็นในช่วงโควิด

สั่งอาหารเดลิเวอรี่เป็นก็ช่วงนี้

และมีเครือข่ายออนไลน์ใหม่ๆ เกิดขึ้น เช่น ธรรมศาสตร์และการฝากร้าน หรือจุฬามาร์เก็ตเพลส

แต่ตอนนี้ลูกเล่นแบบเดิมไม่ “ว้าว” แล้ว

ที่สำคัญคือ “กำลังซื้อ” ของคนเหลือน้อยมาก

คนที่ยังซื้อแบบสนุกๆ หรือช่วยเหลือร้านค้าต่างๆ เหมือนเดิมเหลือน้อยเต็มทีแล้ว

ทุกธุรกิจต้องคิดปรับกลยุทธ์ใหม่

เหมือนกับตัวเราเอง

ระหว่างที่ดูข่าวโควิด-19 ก็มีข่าวเรื่องระยองต้องตั้งโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ที่ต้องกักตัว 14 วัน

ซึ่งส่วนใหญ่ติดมาจาก “บ่อนพนัน”

ขอโทษครับ…โกดัง

“ห้องสมุดเคลื่อนที่” ของผมเห็นภาพโรงพยาบาลสนามที่เป็นห้องโล่งมีเตียงนอนวางอยู่ไม่ห่างกัน

เธอก็ตั้งคำถามขึ้นมาว่านักพนันมานอนรวมกันแบบนี้

เขาจะนอนเฉยๆ

หรือว่าจะชวนกันเล่นการพนัน

เป็นคำถามที่น่าสนใจมาก

ผมเลยไปตั้ง status ในเพจของผมเล่นๆ

“ลองนึกภาพนักพนันที่ติดโควิด

ระดับที่เข้าบ่อนทุกวัน

การพนันอยู่ในสายเลือด

ถ้าทุกคนต้องนอนอยู่ด้วยกันในโรงพยาบาลสนามแบบที่ระยอง

มองเห็นหน้ากัน

คุยกันได้

ลองคิดเล่นๆ ว่าเขาจะนอนเฉยๆ สวดมนต์

หรือพอสบตากันปั๊บ ก็รู้เลยว่าเราควรจะหาอะไรเล่นสนุกๆ ดีกว่า

แต่เมื่อไพ่ก็ไม่มี

ลูกเต๋าก็ไม่มี

จะทำอย่างไรดี”

ผมอยากฟังไอเดียจากแฟนเพจมาคิดอะไรได้สนุกๆ บ้าง

แป๊บเดียวเองครับ ความเห็นเข้ามาเพียบเลย

คนแรกเข้ามาตั้ง “คำถาม”

ที่บอกถึง “คำตอบ”

“มีเหรียญมั้ย”

ครับ เธอหมายถึงการโยนเหรียญแทง “หัว-ก้อย”

จากนั้นเกมพนันพื้นฐานก็มาเลย

…เป่ายิงฉุบ

มีคนหนึ่งเสนอเกมสมัยเด็ก

…จ้องตากัน ใครกะพริบตาก่อนแพ้

แต่ที่เยอะที่สุด คือ เสนอเกมเปิดหนังสือ

ผมเชื่อว่าทุกคนคงเคยเล่นเกมนี้มาแล้ว

เล่นแบบสนุก

หรือมีเดิมพัน

ตามปกติจะเล่นเปิดดูว่าเลขท้ายของหน้าใครมากกว่ากัน

ด้านขวาของหนังสือจะเป็น “เลขคี่”

1-3-5-7-9

ใครเปิดได้เลขมากกว่าชนะ

แต่มีคนเคยเล่นแบบซับซ้อนกว่า

แบบมี “เจ้ามือ”

ถ้าใครเปิดได้เลข 1-3 ถือว่า “ต่ำ”

7-9 ถือว่า “สูง”

ส่วน 5 เรียกว่า “กลาง”

สูงกับต่ำได้เท่ากับที่แทง

แต่ถ้า 5 ได้ 2 เท่า

โห…เป็นจริงเป็นจังมาก

แต่ที่ผมชอบที่สุดคือ มีคนเสนอให้เปิดหนังสือสวดมนต์ที่เตรียม

เอา “ธรรมะ” มาใช้ในทาง “อธรรม”

ครีเอทีฟเริ่มมีพัฒนาการไปเรื่อยๆ

คราวนี้เล่นกับอุปกรณ์ในห้องคนป่วย

เช่น วัดความดันแข่งกัน

ใครสูงกว่าชนะ

หรือวัดไข้แข่งกัน

เลขคู่-เลขคี่

แต่ที่น่ากลัวกว่าคือ เสนอให้แข่งกันว่า “น้ำเกลือ” ของใครหมดก่อนกัน

แค่นึกภาพก็น่ากลัวแล้ว

เพราะต้องมีคนมาเร่งเข็มน้ำเกลือให้หยดเร็วขึ้นแน่เลย

อันตรายแค่ไหนไม่รู้

ขอชนะพนันไว้ก่อน

อีกคนเสนอเล่นเกมแบบง่ายๆ

เอา “ยา” มากำ

แทงคู่-คี่

แต่เกมที่นึกภาพแล้วขำที่สุดคือ เขาเสนอให้พนันกันว่าเจ้าหน้าที่ที่เดินเข้ามาเป็น “ผู้ชาย” หรือ “ผู้หญิง”

ถ้าเป็นนางพยาบาล ก็ให้ทายว่าจะใส่กระโปรงหรือกางเกง

ง่ายกว่านั้นก็คือ ก้าวเท้าซ้ายหรือขวาเข้ามา

ครับ ลองจินตนาการว่าเป็นพยาบาลสิครับ

พอเดินเข้ามาในห้องปุ๊บ

เธอคงตกใจ

เพราะคนไข้ทุกคนมองที่ขาของเธอ

และมีคนกลุ่มหนึ่งเฮ ดีใจ

อีกกลุ่มหนึ่งส่ายหน้า

…เสียเงิน

อ่านความเห็นไป หัวเราะไป

ครีเอทีฟจริงๆ

แต่ครีเอทีฟทั้งหมดมีบทสรุปด้วยความเห็นเดียว

“เข้ามาอ่านคอมเมนต์

…หนักกว่านักพนันก็แฟนเพจนี่ล่ะครับ”

เอ่อ…เขาชมใช่ไหมครับ 555