การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ : ทวีปที่สาบสูญ ฉันไม่เข้าใจร่างกายของฉันเลย

ฉันหลับตาลงและพยายามกดปิดเปลือกตาให้เร็วที่สุด ฉันคิดว่าหล่อนกำลังจ้องมองเห็นอยู่เงียบๆ แต่ก็นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันอยากให้หล่อนเป็น อยากให้หล่อนทำ

ความรู้สึกของฉันตอนนี้น่ะหรือ เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความร้อน ความเย็น ความรู้สึกที่ยากแก่การอธิบายให้ใครฟังได้ เหมือนมีลมพายุปั่นป่วนอยู่ภายในจิตใจ

ในอกของฉันยังมีก้อนเมฆเล็กๆ กำลังเคลื่อนที่ล่องลอยไปมา อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าหล่อนรู้จะทำอย่างไร จะยังเห็นฉันเป็นเด็กที่น่ารักของหล่อนอยู่อีกหรือเปล่า

ฉันดีใจจริงๆ กับการรู้สึกได้ว่า หล่อนกำลังอยู่ข้างตัวนี่เอง อย่างช้าๆ ที่หล่อนขึ้นมาบนที่นอน วางมือไว้บนหัวของฉัน ปลายนิ้วที่สัมผัสมาบนเส้นผม ให้ความรู้สึกอ่อนโยนนุ่มนวล แต่ก็นั่นเอง ย่อมไม่เพียงพอเท่าที่ฉันต้องการ แต่ฉันควรจะต้องให้มันค่อยเป็นค่อยไป

ฉันเคยคิดถึงใครมาบ้างก่อนหน้านี้ แพรวพลอย ปู๊เมีย หรืออีนังคนนั้น แล้วคนเหล่านั้นทำให้ฉันรู้สึกอย่างไรบ้างนะ ตื่นเต้นได้เท่านี้หรือเปล่า

…แม้จะรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในใจอย่างช่วยไม่ได้ แต่ฉันก็รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย เมื่อตระหนักได้ว่า ฉันกำลังรู้สึกกับหล่อนมากกว่าทุกๆ คนที่ผ่านมา

เพราะอะไร? ก็เพราะหล่อนมีลีลาที่น่าสนใจ ในยามที่ฉันหลับตาสนิท ปล่อยลมหายใจแผ่วเบา ราวว่าตัวเองกำลังง่วงงุนเต็มที หล่อนไม่ได้เร่งรัดอะไร ทำเหมือนเป็นแม่พระที่แสนดี

ยินเสียงขยับตัวเบาๆ ดั่งหนึ่งอยากจะช่วยกล่อมให้ฉันหลับใหล

เป็นความปรานี เป็นความเมตตา

แต่ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่

แล้วถ้าเลือกได้ ฉันอยากจะมีชีวิตแบบไหนบ้างนะ อยู่กับช่วงเวลาที่มืดสนิทอย่างนี้ หรืออยู่กับแสงแดดที่แจ่มใส

แดดที่สว่างไสว แตะต้องลงบนใบไม้หรือบนผิวน้ำ จนเกิดประกายระยิบระยับนั่น

…มันอยู่ที่ไหนกัน

อยู่ในความทรงจำของฉันเท่านั้นหรือเปล่า

…ฉันอยากจะมีชีวิตแบบไหน

ไอ้หมารอย เด็กกะออม ก่องแก้ว อ้ายกล้วย อีหมวย พวกมันล่ะกำลังมีชีวิตยังไง

เวลาที่เราเคยนั่งเรียงแถวอยู่ด้วยกัน ห้อยเท้าแกว่งเหนือน้ำลำน้ำแห่งนั้น ที่เคยใสแจ๋วจนมองเห็นพื้นทราย มองเห็นปลาตัวเล็กๆ แหวกว่าย และถ้ามองไกลออกไปอีก จะเห็นดอกหญ้าขาวไสวนั้นด้วย

ทำไมเวลาเหล่านั้นผันผ่านอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ทั้งๆ ที่บางทีก็รู้สึกว่า ฉันแค่จากมาประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น

แล้วพวกมันทุกๆ คนเหล่านั้น เคยได้สัมผัสรสชาติอย่างที่ฉันกำลังพบเจอหรือยัง…

 

หล่อนขึ้นมาแล้วสิ อ้อ ไม่ใช่สิ หล่อนอยู่ตรงนี้แล้ว ข้างๆ ตัวฉัน

แสงแดดสาดเข้ามาในห้องทุกทีแล้ว ฉันรู้ได้แม้ไม่ลืมตา เนื้อตัวของฉันที่อยู่ใต้ผ้าห่มก็เริ่มร้อนมากขึ้นทุกที

แต่…มันอาจจะน้อยกว่าลมหายใจ

หล่อนเลื่อนมือเข้าใต้เส้นผมของฉัน เสยและสางเบาๆ ราวพยายามถ่ายทอดสัมผัสอันแข็งแกร่งเข้ามา

ว่าแต่…ฉันควรจะพูดอะไรกับหล่อนดีไหม อย่างเช่น ทำให้หล่อนรู้ว่าจริงๆ แล้ว ฉันไม่ได้หลับหรอก และฉันก็พร้อมยิ่งกว่าพร้อม ที่จะเปิดรับหล่อนเข้ามาจนถึงก้นบึ้งชีวิต

ถ้าเราเปิดใจต่อกัน ถ้าบอกว่า ฉันก็รู้ว่าหล่อนต้องการอะไร ถ้าเราไม่ต้องมีถ้อยคำหลอกลวงกัน มันจะดีขึ้นอีกไหม

ความรู้สึกของฉันสับสนปนเปไปหมด ในเวลาที่หูได้ยินเสียงรอบตัวชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ มีเสียงน้ำไหลที่ไหนสักแห่งแผวเบา เสียงลมพัดใบไม้ เสียดสีกันอยู่ในที่ว่างของท้องฟ้า ไผ่เสียดกอออดแอดไปมา มีเสียงแมลงตัวเล็กๆ กรีดปีก เสียงนกด้วย กำลังคูขันอยู่ไกลๆ

ว่าแต่สิ่งเหล่านั้นมาจากไหนกัน มันดังอยู่ในหัวของฉัน มาจากข้างนอก หรือผ่านมากับอดีตกาลแสนไกล

…ทำไม อยู่ดีๆ ก็มีก้อนเคลื่อนที่อัดแน่นเข้ามาอีก แล้วพุ่งผ่านขึ้นจนถึงจมูก ถึงตา ทำให้ฉันรู้สึกว่ามีมวลน้ำมหาศาลเคลื่อนไหวผ่านในร่างกายของฉันอีกแล้ว

ไม่นะ ฉันไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ มันไม่ใช่เวลาที่ฉันจะรู้สึกอื่นใด มากไปกว่าการเปิดกายและเปิดใจ

กดหัวลงให้จมหมอน ตัวหล่อนเองก็น่าจะอยากเร่งเวลาให้ฉันหลับสนิทเสียที

ดูสิ หล่อนขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น จนแทบจะกลายเป็นกกกอดไว้

หัวของฉันอยู่บนหมอนก็จริง แต่แผ่นอกกว้างที่โน้มลงมา เหมือนพร้อมจะให้ฉันแอบอิงเมื่อไหร่ก็ได้

หล่อนกำลังอยากใช่ไหม…เป็นไปด้วยความต้องการอันรุ่มร้อนที่ฉันเองช่วยสร้างขึ้นมา

ฉันควรจะต้องหวั่นไหวอยู่ในความฝัน เอาใจไว้กับมือของหล่อนที่กดลงมาหนักหน่วงขึ้นทุกที

…แม้จะช้า นุ่มนวล และระมัดระวัง

ฉันจะค่อยๆ ผ่อนคลาย เหมือนว่าตนเองใกล้จะเปียกฉ่ำ

ฉันควรต้องรักสายฝน ที่หล่นพรมลงจากฟากฟ้า หยาดไหลเข้ามาในซอกมุมลับเร้นที่แอบเปิดให้หล่อนเห็น

แต่ทำไมฝนตกหนักมากจนเกินไป จนทำให้ฉันรู้สึกอย่างอื่นมากกว่า

ไออุ่นที่คาดหมาย กลับคลุ้งขึ้นกลายเป็นขี้ฝุ่นขี้ดิน ทำให้ฉันเหมือนจะหายใจไม่ออก

ในซอกขาของฉันกลับแห้งผาก

และความคิดกระจัดกระจาย

 

“ยังไม่หลับอีกหรือ” หล่อนถาม

ฉันชอบเสียงของหล่อนนะ มันฟังดูก้ำกึ่งระหว่างเสียงที่อ่อนหวานและความแหบห้าว จนเกือบจะเหมือนผู้ชาย

“นอนเถอะ ไม่ต้องกังวลอะไร” หล่อนบอกอีก

ฉันขยับตัวนิดหน่อย พยายามให้ทำเหมือนยังง่วงอยู่มาก ลืมตาไม่ขึ้น แต่ยังฟังเสียงของหล่อนเข้าใจ

หล่อนกำลังคิดว่า…ฉันกำลังคิดอะไร หรือหล่อนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แค่ต้องการให้ฉันสูญสิ้นสติสัมปชัญญะไปเสีย

หล่อนชอบใช่ไหม ที่เห็นฉันทำอย่างนั้นในห้องน้ำ การจ้องมองโดยที่ไม่มีใครรู้ การที่หล่อนคิดว่าฉันไม่รู้ มันกระตุ้นหล่อนได้มากใช่หรือไม่

แล้วทำไมเราต้องมีสิ่งที่ซับซ้อนต่อกันขนาดนี้ ทำไมเราถึงพูดกันตรงๆ ไม่ได้

ครูนิตยาแว่บเข้ามาในความคิด เหตุการณ์กับนายประเสริฐคนนั้น นั่นพวกเขาต่างก็เอากันอย่างโจ่งแจ้ง บอกกันอย่างชัดเจน ฉันยังจำได้อยู่เลย เสียงครวญครางและคำพูดที่หลุดออกมาจากปากทั้งคู่

“ผมนึกว่าคุณจะไม่มาแล้วเสียอีก”

“ก็ใครล่ะ! ทำให้ฉันต้องมา”

“รู้ใจผมนี่ นุ่งกระโปรงแบบนี้…โอ้โห ไม่มีกางเกงใน…คุณนี่เด็ดจริงๆ”

“เร็วๆ ได้มั้ย เดี๋ยวจะนานไป ผิดสังเกต”

“ผมนั้นไม่นานหรอก คุณสิ”

“…พูดมาก”

“งั้นผมไม่พูดแล้วนะ”

“…เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน…เสียงมันดัง”

“ไม่ตื่นหรอกน่า”

“…เกิดตื่นล่ะ”

“ก็เอาให้ดูเลยสิ”

“คุณจะลืมผมไม่ได้!”

“ไม่ได้…ฉันลืมไม่ได้อยู่แล้ว!”

“ถ้าผัวคุณลุกมาตอนนี้จะทำยังไง?”

“ฉัน…ฉัน”

“จะให้เอาต่อมั้ย!”

“…”

“งั้นหยุดนะ…ให้ผมหยุดใช่มั้ย ตอบมาสิ!”

“โอ้ย!”

“บอกมาสิ ผัวคุณลุกมาจะให้ทำยังไง!”

“ละ…ลุกมา…ก็จะให้คุณเอาต่อ”

“ดี! ดีมาก! คุณจะลืมผมไม่ลงในชาตินี้!”

 

ให้ตายเถอะ ถึงแม้ว่าเสียงของชายหญิงคู่นั้น ยังกังวานอยู่ในห้วงสำนึก แม้มันเคยทำให้ฉันท่วมท้นไปกับรู้สึกแทบเตลิดตามไป…ในครั้งหนึ่ง

แต่ทำไมตอนนี้ ฉันกลับรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจสิ้นดี

การที่ทั้งสองพูดกันออกมาตรงๆ บอกความรู้สึกทุกถ้อยกระทงความ และยังทำตามความต้องการของตัวเอง ไม่มีใครยับยั้งใคร คิดให้ดีแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดเลยสักนิด

ใช่ไหม

เพราะถ้าฉันเป็นผัวของครูนิตยา…หรือถ้าฉันเป็นฉัน และหล่อนเป็นหล่อน หากมีใครเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรา ทำกับเรา อย่างที่หล่อนทำกับฉัน

อย่างที่สองคนนั้นทำต่อกัน ทั้งที่ผัวยังนอนอยู่ในอีกห้องหนึ่ง

ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ

แค่คิดว่าถ้าไม่ใช่ตัวฉัน เมื่อมีใครสักคนเข้ามาใกล้ และหล่อนมีใจ พอใจกับมัน

เหมือนอย่างผู้หญิงข้างล่างนั่น! ซึ่งเมื่อวานนี้ฉันก็เห็นแววตาของสองหล่อน

ธรรมดาเสียที่ไหน

ถ้าเนิ่นนานไป พวกหล่อนคงทำอะไรต่อมิอะไรกันแน่

หล่อนก็ชอบเรื่องอย่างนี้นี่!

ว่าแต่ทำไมความคิดของฉันถึงได้เปลี่ยนไปหมดเช่นนี้ สิ่งที่เคยทำให้ฉันเองวูบวาบหวั่นไหว แค่คิดถึงเสียงของคู่ชู้หญิงชาย ที่เคยทำให้หัวใจเต้นกระหน่ำ

ไม่อาจช่วยฉันได้เลยในตอนนี้

ทำไมถึงเป็นอย่างนี้! ทั้งๆ ที่ฉันคิดว่าตัวเองพร้อมยิ่งกว่าพร้อม จะตอบรับทุกกิริยาอาการ ไม่ว่าหล่อนจะมาไม้ไหน ฉันมั่นใจว่าจะทำให้หล่อนพอใจ

แต่กลายเป็นว่า แม้จะทอดร่างกลางเตียงนอน กดหัวจมหมอน เตรียมจะรับความอ่อนหวานซ่านมา

…ฉันอยากเรียกมันว่าความอ่อนหวาน…เพราะมันคือสิ่งที่จะทำให้หล่อนทรมาน

จนต้องรีบปลดเปลื้องระบายทุกสิ่งทุกอย่างออกมา…กับฉัน

หลังจากนั้น หล่อนจะต้องยิ่งผูกพัน

และมีแต่ฉันเท่านั้นในความลับสำคัญนี้

 

แต่จนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังคงแห้งสนิท เป็นแค่ก้อนดินแข็งๆ และบางทีที่มีรอยแตกอยู่ข้างใน เพียงเป็นทางผ่านให้หยาดชื้นเอ่อรินมา

หากมันคือน้ำตา ไม่ใช่น้ำรักน้ำใคร่

หล่อนจะยังชอบฉันไหม! เมื่อถึงเวลาที่กำลังต้องการ แต่ฉันกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า สับสนกับสิ่งที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง

ที่น่าโกรธมากก็คือ พอหล่อนเคลื่อนนิ้วเข้ามาใกล้ การลูบไล้ต่ำลงมา ควรจะทำให้ฉันสั่นสะท้านอย่างเมื่อคืนนี้

สิ่งที่ฉันรู้สึกมากที่สุด กลับเป็นคำถามว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่!

แล้วทำไมฉันต้องกลายมาเป็นแบบนี้

หรือนี่คือเสี้ยวนาทีที่ฉันยังมีความคิดที่สุด

ฉันอยากให้หล่อนหยุด? หรือฉันอยากให้เราทำต่อไป?

ฉันต้องการอะไรกันแน่?

นรก! ทำไมถึงเป็นอย่างนี้! ทั้งๆ ที่ผ่านมาไม่กี่เวลานาที

ขณะเขียนบันทึกอยู่ในอากาศอย่างนี้ ฉันไม่เข้าใจร่างกายของฉันเลย!