#พิมรี่พาย : ‘ศรีสุวรรณ’ ไม่หยุดขุดหลักฐาน บ้านแม่เกิบรุกป่าสงวน ชาวอมก๋อยยันเองหลายหมู่บ้านไร้ไฟฟ้า

วันที่ 12 มกราคม 2564 กระแสดราม่าจากกรณีพิมรี่พายแจกของชาวดอยแม้จะซาลงในประเด็นถกเถียงเกี่ยวกับการช่วยเหลือที่ว่าเป็นการทำบุญหรือสร้างภาพ แต่ประเด็นชาวเขาอาศัยในพื้นที่ป่าสงวนกำลังเป็นกระแสใหม่เข้ามาแทน โดยล่าสุด นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ออกแถลงการณ์ การเข้าพบ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯกรณีบ้านแม่เกิบ อ.อมก๋อย จากกรณี “พิมรี่พาย” นำเงินส่วนตัวไปติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ ที่ หมู่บ้านแม่เกิบ ต.นาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ โดยระบุว่า หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่าหมู่บ้านแม่เกิบนั้น เมื่อดูภาพถ่ายดาวเทียมย้อนหลังไปไม่เกิน 7 ปีก่อนหน้านี้พื้นที่ดังกล่าวยังไม่มีบ้านเรือนผู้คนอยู่อาศัย ยังไม่มีโรงเรียนหรือศูนย์การศึกษาใดๆอยู่ทั้งสิ้น นั่นแสดงให้เห็นว่าหมู่บ้านแม่เกิบเพิ่งมีการรวมตัวกันเป็นหมู่บ้านใหม่ขึ้นมานั่นเอง

เมื่อพิจารณาต่อไปก็จะพบว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อมก๋อย ซึ่งมีพระราชกฤษฎีกาออกมาใช้บังคับตั้งแต่ 19 ส.ค.2526 แล้ว ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าหมู่บ้านแม่เกิบจึงมิใช่ชุมชนท้องถิ่นดังเดิมแต่อย่างใด หากแต่น่าจะเพิ่งมีการอพยพโยกย้ายมาอยู่บริเวณดังกล่าวในระยะเวลาไม่นานตามหลักฐานภาพถ่ายทางดาวเทียม

แต่เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 2560 ม.70 ในหมวดแนวนโยบายแห่งรัฐ บัญญัติไว้ชัดเจนว่า “รัฐพึงส่งเสริมและให้ความคุ้มครองชาวไทยกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ให้มีสิทธิดํารงชีวิต ในสังคมตามวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตดั้งเดิมตามความสมัครใจได้อย่างสงบสุข ไม่ถูกรบกวน ทั้งนี้ เท่าที่ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ หรือสุขภาพอนามัย”

ดังนั้น ภาครัฐที่เกี่ยวข้องจะต้องยุติการปล่อยวางให้มีการอพยพโยกย้ายตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าต่างๆได้อีกต่อไป หากแต่จะต้องเร่งรีบในการจัดการกำหนดพื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำกินให้กับชาวบ้านเหล่านั้นให้สอดคล้องกับแนวคิด “คนอยู่กับป่า” ให้จงได้ โดยออกพระราชกฤษฎีกากันพื้นที่ดังกล่าวออกมาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือเขตอุทยานแห่งชาติเสีย เพื่อที่จะได้พัฒนา และส่งเสริมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเขาเหล่านั้นตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องมากังวลว่าถูกเจ้าหน้าที่รัฐตั้งข้อหา “บุกรุกป่า” อีกต่อไป

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จึงจะเข้าพบ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในวันพุธที่ 13 ม.ค.64 เวลา 14.30 น. ณ กระทรวงทรัพยากรฯ ถ.พหลโยธิน ซ.7 เขตพญาไท เพื่อหาข้อยุติและผลักดันให้รัฐบาลเร่งจัดการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเสียโดยไว เพราะเราไม่อาจปล่อยวางให้มีข้อขัดแย้งในทางกฎหมายและข้อปฏิบัติในเชิงพื้นที่อีกต่อไป

ส่วนประเด็นดราม่าเรื่องการพัฒนาในพื้นที่บ้านชาวเขาที่ระบุความจริงมีไฟฟ้าใช้แล้วนั้น ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งระบุว่าเป็นคนอมก๋อย โพสต์ข้อความยืนยันว่า ในพื้นที่อมก๋อยนั้นไฟฟ้ายังไม่ทั่วถึง โดยหลังจากที่พิมรี่พายได้โพสต์คลิปนั้น ทำให้มีเพื่อนติดต่อมาสอบถามและให้ความสนใจในประเด็นนี้ โดยยืนยันว่า แค่ในตำบลที่ตนอาศัยอยู่นั้นมีอีกกว่า 28 จุดที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ และทราบมาว่าจะมีนายทุนเข้ามาทำเหมืองแร่ ถ่านหิน ในพื้นที่ด้วย นอกจากนี้อยากประชาสัมพันธ์ถึงผู้ที่สะดวกเข้ามาบริจาคโซลาเซลล์ พร้อมจะเป็นคนกลางเพื่อนำความช่วยเหลือลงสู่พื้นที่

“ไฟฟ้ายังมีไม่ทั่วถึง โซล่าเซลล์จำเป็นมากสำหรับพื้นที่บนดอย เมื่อไม่มีไฟฟ้า เครื่องใช้อื่นๆ ที่ต้องใช้ไฟ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องกรองน้ำ ทีวี หม้อหุงข้าว เลยใช้ไม่ได้ค่ะ หรือที่มีอยู่ มันเป็นขนาดเล็ก มันก็ใช้ไม่เพียงพอของแต่ละหมู่บ้าน เราเป็นคนที่นี้ เราเกิดที่นี้ ตอนนี้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี้ เราเพียงแต่อยากให้คนในบ้านเกิดของเรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้เท่าที่จะเป็นไปได้”

ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนดังกล่าว ระบุอีกว่า พื้นที่บนดอยเยอะ มีหลายหมู่บ้าน แต่ละหมู่บ้านก็ไกลกัน เพราะฉะนั้นมันถึงไม่เพียงพอ โซล่าเซลล์ก็มีราคาแพง และถ้ารอเฉพาะภาครัฐส่วนตัวเราคิดว่าช้า การบริจาคมันอาจจะเป็นการให้ที่ไม่ยั่งยืน แต่สำหรับเรา เราคิดว่า อย่างน้อยเราก็ได้ทำ ได้ให้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปทีละอย่าง ให้มากให้น้อยไม่สำคัญ ทำดีคือทำดี ไม่ต้องคิดซับซ้อนค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ