ช่วงนี้ผมติดตามพัฒนาการของเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจ

โลกหมุนเร็วจริงๆ ครับ

นึกเล่นๆ ว่าถ้าแปลงกายเป็นนักทำนายอนาคตได้

ผมจะทายว่าภายใน 5 ปีต่อจากนี้ จะเกิดการปฏิวัติ “เทคโนโลยี” ที่ทำให้โลกเราจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

เหตุผลเลือกระยะเวลา 5 ปีในการทำนายอนาคตก็เพราะเวลา 5 ปีนั้นถือว่านานพอสมควร

แฮ่ม นานพอที่ทายผิดแล้วคนจำไม่ได้

ครับ เมื่อคุณลืม ผมก็จะยิ่งว่างเปล่า

จำไม่ได้ว่าทายอะไรไป

แต่ถ้าทายถูกล่ะก็…

ฮึ่ม จะทวงความทรงจำเช้า-กลางวัน-เย็น

เสาร์-อาทิตย์ เพิ่มรอบค่ำ

ไม่ต้องเป็นห่วงครับ

ตอนนี้เทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นเยอะมาก แต่ที่ผมคิดว่าน่าจะมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงโลกครั้งใหญ่ มีอยู่ 3 เรื่อง

เรื่องแรก คือ เครื่องพิมพ์ 3 มิติ

คุณอนันต์ อัศวโภคิน ของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ สนใจ “เครื่องพิมพ์ 3 มิติ” มาก

เพราะตอนนี้สามารถพิมพ์บ้านได้เป็นหลัง

สะพานข้ามคลองก็ทำได้แล้ว

ถ้าพัฒนาไปเรื่อยๆ จนนำมาใช้ได้จริงๆ ทั้งเรื่องความแข็งแรงในการก่อสร้างและ “ราคา” ที่เป็นไปได้ทางธุรกิจ

อุตสาหกรรมก่อสร้างจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

คนงาน-ช่างฝีมือจำนวนมากหายไปจากระบบ

อุปกรณ์ก่อสร้างที่มีอยู่ล้าสมัยทันที

“เครื่องพิมพ์ 3 มิติ” ยังทำให้สินค้าต่างๆ เปลี่ยนแบบได้เร็วขึ้น

เพราะต้นทุนการทำแบบใหม่ๆ จะเร็วขึ้น

นึกแบบรถยนต์ใหม่ ก็ไม่ต้องรอ พิมพ์ขึ้นมาได้เลย

เฟอร์นิเจอร์คิดแบบอะไรได้ขึ้นมา ก็ลุยได้เลย

ไม่สวยก็เปลี่ยนใหม่

“เครื่องพิมพ์ 3 มิติ” จะทำให้ “เวลา” ที่ใช้ในการสร้างสิ่งใหม่ลดลงหลายเท่าตัว

ตอนนี้ทุกธุรกิจกำลังคิดว่าจะนำเครื่องพิมพ์ 3 มิติมาใช้ประโยชน์อย่างไร

เมืองไทยสวนกระแสครับ

คณะรัฐมนตรีเพิ่งมีมติให้ “เครื่องพิมพ์ 3 มิติ” เป็น “สินค้าควบคุม”

กลัวว่าจะนำมาผลิต “อาวุธปืน”

คิดดูสิครับ ขนาด “เครื่องพิมพ์” ยังมี 3 มิติเลย

แต่ “กรอบความคิด” ของบางคน

มีแค่ “มิติ” เดียว

มั่นค้ง…มั่นคง

ต่อไป “มีด” ก็คงเป็น “สินค้าควบคุม”

เพราะนำมาเป็น “อาวุธ” ได้

เรื่องที่สองที่น่าสนใจ คือ AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์

เจ้าสมองกลนี้เริ่มฉลาดขึ้นเรื่อยๆ

จำ “อัลฟ่าโกะ” ที่ชนะแชมป์โกะจากเกาหลีใต้ได้ไหมครับ

จากนั้นไม่นานก็มี AI ที่เขียนหนังสือได้

มี AI ที่วาดภาพด้วยฝีมือของศิลปินระดับโลก

AI ที่แต่งเพลงได้

AI ที่รับปรึกษาปัญหากฎหมายแทนทนายความ

มีคนบอกว่าโปรแกรม “siri” ของ “ไอโฟน” ดีขึ้นเรื่อยๆ

เริ่มกลายเป็นโปรแกรม “อับดุล”

ถามอะไรก็ตอบได้

ถ้า AI แบบ “siri” พัฒนาไปเรื่อยๆ ต่อไปเจ้าหน้าที่ “คอลล์เซ็นเตอร์” อาจจะเหนื่อย

เพราะทุกองค์กรสามารถใช้ AI ทำงานแทน

และที่ AI เหนือกว่าคน ก็คือ ไม่ว่า “ลูกค้า” จะบ่นหรือก่นด่าหยาบคายแค่ไหน

แต่ “เสียงตอบ” จาก AI ที่เป็น “คอลล์เซ็นเตอร์” ก็ยังหวานเหมือนเดิม

ไม่มีโกรธ ไม่มีโมโห

ลองจินตนาการสนุกๆ ดูสิครับว่า AI รูปแบบอื่นๆ จะก่อให้เกิดอะไรขึ้น

ผมเชื่อว่าจะเกิดผลกระทบมหาศาลเลยนะครับ

ที่สำคัญมันไม่ใช่ “นิยาย” หรือ “หนัง” ที่เราเคยเห็น

แต่มันเกิดขึ้นจริงแล้ว

และอัตราเร่งจะเร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว

ตัวอย่างที่ชัดที่สุด คือ รถยนต์ไร้คนขับ

ที่สหรัฐอเมริกามีการทดลองวิ่งจริงแล้ว

“สิงคโปร์” ก็เซ็นสัญญาให้บริษัท nuTonomy ทำแท็กซี่ไร้คนขับ

ตามข่าวบอกว่าปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าจะได้เห็นกัน

เชื่อว่าจะกลายเป็น “จุดขาย” หนึ่งด้านการท่องเที่ยวของ “สิงคโปร์”

ขนาดผมยังอยากไปลองเลย

คิดดูสิครับ แค่ “รถยนต์ไร้คนขับ” เรื่องเดียว

โลกก็เปลี่ยนแล้วครับ

ต่อไปคนทุกคนมีรถยนต์ส่วนตัวได้ ไม่ว่าจะขับรถเป็นหรือไม่ก็ตาม

คนขับรถของบริษัทต่างๆ จะตกงาน

คนขับรถแท็กซี่ตกงาน

ปริมาณรถในเมืองจะลดลง เพราะคนจะใช้รถแท็กซี่ไร้คนขับมากขึ้น

และอาจเกิดกระบวนการ “คาร์พูล” รูปแบบใหม่

หมุนเวียนการใช้รถให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เหมือนที่ “อูเบอร์” ทำแล้วตอนนี้

รู้เรื่องนี้ไหมครับ ที่ “อูเบอร์” เขาเพิ่มระบบเช่ารถยนต์ของคนทั่วไป

เช่น ถ้าเราขับรถไปทำงานตอนเช้า

จอดแช่อยู่ในที่จอดรถทั้งวัน

เย็นขับกลับบ้าน

จอดที่บ้านจนเช้า

แล้วก็วนเวียนสู่วัฏจักรเดิม คือ ขับรถไปทำงานอีก

ช่วงที่สูญเปล่า คือ ช่วงที่จอดรถทิ้ง

“อูเบอร์” เสนอว่า แทนที่เราจอดทิ้งไว้ที่บ้านตอนกลางวัน และที่บ้านตอนกลางคืน

เขาขอเช่าได้ไหม

รับรถที่สำนักงานตอนสาย ตอนเย็นก็เอามาคืน

ส่วนตอนกลางคืนก็จะไปรับรถที่บ้าน

ตอนเช้ามืดมาส่งให้ที่บ้านเหมือนเดิม

วันไหนไม่ว่าง เราอยากขับรถไปเที่ยวที่อื่นบ้าง เราก็บอกอูเบอร์ว่าช่วงนี้ไม่ให้เช่า

คิดดูสิครับ อยู่ดีๆ รถยนต์ส่วนตัวของเราที่จอดนิ่งๆ กลับทำเงินให้เรา

บางทีอาจมากกว่าค่าผ่อนรถรายเดือนอีก

แค่ระบบของอูเบอร์ยังทำให้เกิดวิธีคิดใหม่ๆ ในเรื่องการใช้รถยนต์เลย

แล้ว “รถยนต์ไร้คนขับ” จะไม่ส่งผลสะเทือนได้อย่างไร

อุตสาหกรรมรถยนต์เปลี่ยนแปลงแน่นอนครับ

และไม่ใช่เพียงแค่อุตสาหกรรมรถยนต์

ทุกอุตสาหกรรมที่ AI เข้าไปยุ่งเกี่ยว

…เปลี่ยนแปลงแน่นอน

เนื้อที่หมดแล้วครับ

ฉบับหน้ามาคุยกันต่อว่าการปฏิวัติเทคโนโลยีที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ 3 คืออะไร

ย้ำอีกครั้งนะครับ

อ่านจบแล้วไม่ต้องจำ

ให้คิดแบบ “หมอดู”

ทายผิด ไม่ว่ากัน

ทายถูกเรื่องเดียว

…แม่นจัง