“วัฒนา” งัดรายงาน “เอดีบี” ชี้ศก.ไทยส่งสัญญาณหายนะ ค้าปลีกต่ำสุดเกือบ 4 ปี-อสังหาฯอาการหนัก

วันที่ 29 พฤษภาคม นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โพสต์ข้อความระบุถึงรายงานของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเซีย (ADB) ชี้ว่าเศรษฐกิจรากหญ้าซึมยาวเพราะค้าปลีกไทยโตต่ำสุดในอาเซียนต่อเนื่องมาเกือบ 4 ปี ตัวเลขสมาคมค้าปลีกชี้ว่าเศรษฐกิจไทยตกต่ำต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา กันตาร์ฯ ผู้ดำเนินการวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภครายงานสถิติการจับจ่ายย้อนหลังพบว่าปี 2559 ขยายตัวเพียง 1.7% ส่วนปีนี้ไตรมาสแรกเติบโตเพียง 1.5% ต่ำสุดเมื่อเทียบกับปี 2555 ที่เติบโต 11% ส่วนปี 2556 เติบโต 7.7% การที่กำลังซื้อผู้บริโภคยังไม่กลับสู่ภาวะปกติส่งผลให้อุตสาหกรรมโฆษณา 4 เดือนแรก (ม.ค.- เม.ย.) มีตัวเลขโฆษณาผ่านสื่อติดลบ 5.8%

“ในขณะที่ห้างเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ซึ่งขายสินค้าหรูต้องปรับกลยุทธใหม่ด้วยการเพิ่มแบรนด์แฟชั่นที่คนเข้าถึงได้ง่าย ส่วนภาคอสังหาริมทรัพย์ก็อาการแย่ไม่แพ้กันเพราะธนาคารไม่ปล่อยหนี้ผู้กู้ทำให้ไตรมาสแรกยอดโอนหายไป 40% หายนะทางเศรษฐกิจทั้งหมดเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2557 นับจากมีการชัตดาวน์กรุงเทพและทหารออกมายึดอำนาจ”

 

นายวัฒนากล่าวว่า เศรษฐกิจของไทยจึงอยู่ในอาการโคม่าเพราะเศรษฐีไม่กล้าใช้เงิน ส่วนประชาชนทั่วไปไม่มีเงินจะใช้จึงกระทบถึงอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่เกี่ยวพันกับผู้คนทั้งประเทศ กำลังซื้อภาคประชาชนที่ถดถอยส่งผลให้การจัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าหมาย ผลการจัดเก็บภาษีรายเดือนของกรมสรรพากร ประจำปีงบประมาณ 2560 สิ้นสุดเดือนมีนาคมต่ำกว่าประมาณการ 13,000 ล้านบาท โดยไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นอันเป็นสัญญาณหายนะทางเศรษฐกิจ แต่แทนที่นายกรัฐมนตรีจะสำเหนียกด้วยการสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นกับประชาชนและนักลงทุน นายกรัฐมนตรีกลับตั้งคำถามทำนองจะไม่ให้มีการเลือกตั้งทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจในทิศทางของประเทศอันจะเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน

 

“ผลคือเศรษฐกิจไทยที่แย่อยู่แล้วต้องแย่หนักขึ้นไปอีก การเป็นผู้นำทางการเมืองจึงต้องคิดก่อนพูด หากไม่มั่นใจก็ควรอยู่เฉยๆ ก็จะไม่เกิดความเสียหาย ซึ่งตรงคำกล่าวของอดีตประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น ที่ว่า “Better to remain silent and be thought a fool than to speak out and remove all doubt.” แปลว่า “อยู่เงียบๆ ปล่อยให้คนอื่นคิดว่าเราโง่ ดีกว่าการอ้าปากพูดแล้วทำให้คนสิ้นสงสัย”” นายวัฒนา กล่าว