ถอดซิกเนเจอร์บึ้ม 3 จุด กทม. ไปป์บอมบ์ดิสเครดิตรัฐบาล พุ่งเป้าฮาร์ดคอร์ยืมมือกลุ่มป่วนใต้

ควันระเบิดจากหน้าโรงละครแห่งชาติ ยังไม่ทันจาง

ไอซีไทเมอร์ทำงานตามเวลา จุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องลูกล่าสุดอีกแล้ว ในช่วงเวลาห่างกันไม่ถึง 1 สัปดาห์เต็ม หนนี้พิกัดก่อการ “เจาะไข่แดง” ภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า สังกัดกรมแพทย์ทหาร ตั้งอยู่ถนนราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ละแวกอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ใจกลาง กทม.

เหตุเกิดในห้องรับรองพิเศษนายทหารสัญญาบัตร จุดรอรับยา ชั้น 1 ภายในอาคารเฉลิมพระเกียรติโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จงใจหรือบังเอิญ แต่ชื่อห้องเกิดเหตุ คือ “ห้องวงษ์สุวรรณ” ซึ่งเป็นชื่อสกุลของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่งคง ซึ่งหายตัวไปในวันเกิดเหตุ และไม่ร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีในวันรุ่งขึ้น?!

ฤทธิ์ระเบิดแสวงเครื่อง ที่ใส่สะเก็ดตะปูยาวจำนวนมาก อานุภาพทำลายห้องวงษ์สุวรรณพังยับเสียหายหนัก ผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บกว่า 20 ราย

ภายหลังเกิดเหตุ สังคมรุมประณาม การก่อวินาศกรรมในสถานพยาบาลครั้งนี้ ซึ่งไม่มีกลุ่มก่อการร้ายใดในโลกพึงกระทำ แต่กลับเกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร

เหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นในวันที่ 22 พฤษภาคม 2560 ครบรอบ 3 ปีการรัฐประหาร ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ ณ วันนั้นเมื่อ 3 ปีก่อน มีตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบก พอดี?!

ด้วยเหตุ เวลา สถานที่ ที่ดูเจาะจง หลายฝ่ายจึงพุ่งเป้ามูลเหตุไปที่การแสดงออกทางการเมือง มุ่งหวังดิสเครดิตรัฐบาล

บิ๊กหน่วยความมั่นคงไทย ก้นร้อนกันเป็นแถว นั่งไม่ติดเก้าอี้

เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ธรรมดา สัญญาณเตือนชัดเจนมาแล้ว 2 ครั้ง

ที่ชัดๆ คือครั้งแรก เมื่อค่ำวันที่ 5 เมษายน 2560 ระเบิดไปป์บอมบ์ถูกซุกในถังขยะ หน้ากองสลากแห่งเก่า ถนนราชดำเนิน

ผ่านไป 1 เดือนกับอีก 10 วัน ระเบิดไปป์บอมบ์แบบเดิมทำงานอีกครั้งที่หน้าโรงละครแห่งชาติ ละแวกใกล้เคียงจุดแรก

ทั้งสองครั้งมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย อานุภาพไม่รุนแรง

แต่ในมิติของงานด้านความมั่นคงต่อต้านก่อการร้าย นี่คือการส่งสัญญาณที่รุนแรง

วัตถุพยานในที่เกิดเหตุ สายไฟ ไอซีไทเมอร์ ดินระเบิด ท่อพีวีซี ที่พบใน 2 จุดแรกนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด รายงานยืนยันว่า วัสดุและลักษณะการประกอบระเบิด เป็นฝีมือกลุ่มเดียวกัน

ในแง่การส่งสัญญาณของผู้ก่อการนั้นสื่อสารชัดเจนว่า ครั้งที่ 2 แล้ว ที่สามารถเข้าไปวางระเบิดในพื้นที่สำคัญที่โฆษณาว่าควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อยเป็นพิเศษ

ผู้ก่อการสื่อสารว่ามีศักยภาพมากเพียงพอ?!

เพียงไม่ถึง 1 สัปดาห์ ครบรอบรัฐประหาร 3 ปี ระเบิดแบบเดิมทำงานอีกครั้ง สายไฟ ไอซีไทเมอร์ พีวีซี ดินปืน ตรงกับ 2 ครั้งแรก

แตกต่างที่หนล่าสุดอานุภาพรุนแรงกว่าที่ผ่านมา ใส่สะเก็ดระเบิด ตะปูนิ้วเจียตัดหัว เป็นสะเก็ดที่รุนแรง ทำลายสูง ปริมาณดินปืนมากพอที่จะทำให้ห้องรับรองพิเศษพัง อานุภาพรุนแรงกว่า

สถานที่และเวลามีนัยยะอย่างมิอาจปฏิเสธ

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) อ้างรายงานผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ลักษณะเฉพาะซิกเนเจอร์การทำระเบิดทั้ง 3 ลูกตรงกัน เป็นไปได้สูงว่าคนทำเป็นคนเดียวกัน

ให้น้ำหนักมูลเหตุทั้งเรื่องการเมือง และการก่อความไม่สงบ ที่ลามมาจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ด้านความมั่นคง เปิดเผยสอดคล้องกัน ยืนยันซิกเนเจอร์ระเบิดกรุงที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่ 5 เมษายน เป็นต้นมา ตรงกัน ยืนยันความเชื่อมโยงด้วยหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ชี้ว่าเป็นขบวนการเดียวกัน

และยังยืนยันด้วยว่า ซิกเนเจอร์การทำระเบิดแบบนี้ เหมือนกับที่เคยพบก่อเหตุระเบิดกรุงเมื่อ 10 ปีที่แล้ว

ย้อนไป 10 ปีก่อน เมื่อปี 2550 ภายใต้การบริหารปกครองของรัฐบาลคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) อาฟเตอร์ช็อกหลังระเบิด กทม. 9 จุด ในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2549-2550 เกิดระเบิดป่วนกรุงหลายครั้ง

แต่ที่พ้องกับเหตุปี 2560 คือ เหตุระเบิดภายในตู้โทรศัพท์สาธารณะด้านหน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ สาขารัชโยธิน ตู้โทรศัพท์ได้รับความเสียหาย เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2550 ต่อมาวันที่ 30 กันยายน 2550 เกิดเหตุระเบิดขึ้นอีก กระตุกหนวดเสือ ที่มุมกำแพงกองทัพบก (บก.ทบ.) ติดกับโรงเรียนแผนที่ทหาร ถนนราชดำเนินนอก และอีกครั้งในปี 2550 ระเบิดแบบเดียวกันที่ซอยราชวิถี 26

แหล่งข่าวในชุดสืบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ระเบิดในปี 2550 และ 2560 ใช้สายไฟต่อระเบิดซีรี่ส์เดียวกัน

ทำให้เชื่อได้ว่า เป็นการก่อการโดยกลุ่มเดียวกัน 10 ปีที่แล้ว ยังจับมือใครดมไม่ได้ แต่ครั้งนี้ยังต้องติดตาม!?

พล.ต.อ.ศรีวราห์ ชี้ว่า มูลเหตุก่อกวนเมื่อปี 2550 พุ่งเป้าหวังผลทำลายทางการเมือง แต่ครั้งนี้ยังเร็วไปที่จะชี้ชัดถึงมูลเหตุที่แท้จริง ทว่า ออกมาเปิดเผยว่ามีการส่งจดหมายข่มขู่ก่อเหตุร้ายในโรงพยาบาลละแวกใกล้เคียงโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ก่อนเกิดเหตุ 3 วัน

มีรายงานเล็ดลอดออกมา แต่ค่อนข้างชัดว่า เนื้อหาจดหมายข่มขู่ ระบุว่ามาจากกลุ่มขบวนการคนร้ายที่เคลื่อนไหวก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

สอดรับกับการข่าวของหน่วยความมั่นคง ที่แจ้งเตือนมาตลอดก่อนหน้านี้ ถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่พยายามขยายพื้นที่ก่อการ และแสดงให้เห็นแล้ว ทั้งที่หาดใหญ่ เกาะสมุย ป่าตอง หัวหิน หรือแม้แต่ใน กทม. ทั้งที่สกัดได้และไม่ได้ จับได้และหลบหนี

ระเบิดที่ห้องวงษ์สุวรรณ ในวันครบรอบ 3 ปี ลายเซ็นการก่อการ ผสมการข่าว ชี้ไปที่กลุ่มปฏิบัติการจากภาคใต้ แต่เป้าหมายที่ดิสเครดิตรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อย่างค่อนข้างจงใจ ทำให้รายชื่อกลุ่มฮาร์ดคอร์ที่เคยเคลื่อนไหวการเมือง กลุ่มที่เป็นนาย มีสายสัมพันธ์ เคยใช้งานขบวนการป่วนใต้ ถูกกางบนโต๊ะความมั่นคง

วันนี้กล้องวงจรปิด อาจพอจับภาพได้ ชี้ให้เห็นคนก่อการที่เลือดเย็น แต่ประเด็นสำคัญกว่าเวลานี้คือมีโอกาส “ได้ตัว” นำเข้าสู่กระบวนการได้หรือไม่

หรือภายใต้อำนาจการต่อรอง อาจจะไม่เปิดโอกาส

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ออกมายืดอกรับ เป็นผู้รับผิดชอบเหตุที่เกิดขึ้น

ชื่นชมในหัวใจผู้นำสีกากี ไม่โยนบาปนี้ให้ลูกน้องรับ

ทว่า ภายใต้ คสช. ตำรวจไม่ใช่หน่วยเดียวที่ควรยืดอกรับ

ช่องโหว่ ความพลาดพลั้งนี้ ยิ่งเหตุเกิดในสถานที่เฉพาะเช่นนี้ การยืดอกรับผิดชอบร่วมกันที่ดีที่สุด

คือ ทำให้กระบวนการยุติธรรมทำงานได้อย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา!!