ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 26 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | หน้า8 |
เผยแพร่ |
เสียงระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ถือเป็นการวางระเบิดที่เลวร้ายที่สุดในเมืองไทย
ไม่ใช่ระดับ “ความรุนแรง”
แต่เป็น “เป้าหมาย” หรือ “ตำแหน่ง” ของการวางระเบิดครั้งนี้
เป็นที่รู้กันว่า “โรงพยาบาล” ถือเป็นจุดที่ปลอดภัยที่สุดของการก่อการร้ายหรือแม้แต่ในสงคราม
เพราะทุกฝ่ายไม่ว่าจะขัดแย้งกันรุนแรงแค่ไหนก็จะละเว้น “โรงพยาบาล” ไว้
แต่ครั้งนี้ “ผู้ก่อการ” ตั้งใจที่จะวางระเบิดที่มี “ตะปู” เป็นสะเก็ดระเบิดในโรงพยาบาล
เป็น “ระเบิด” สังหาร
ไม่ใช่ “ระเบิดการเมือง” ที่เกิดขึ้นที่โรงละครแห่งชาติและกองสลากฯ เก่า
นี่คือความเลวร้ายของ “ผู้ก่อการ” ที่ให้อภัยไม่ได้เลย
ประเด็นที่น่าสนใจของการวางระเบิดครั้งนี้
นอกจากการเลือกใช้ “ระเบิดสังหาร” แล้ว
การเลือกโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของทหารยังเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองที่เด่นชัด
เพราะเป็นการลงมือถึงในบ้าน
เป้าหมายจึงไม่ใช่แค่ “รัฐบาล”
แต่ทะลุทะลวงไปถึง “คสช.”
ที่สำคัญที่สุดก็คือการเลือกวางแจกันระเบิดที่ “ห้องวงษ์สุวรรณ” ซึ่งตั้งชื่อตามนามสกุลของ พล.อ.ประวิตร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ทำให้มีการมองว่าเป็นการวางระเบิดเชิงสัญลักษณ์
เพราะในโรงพยาบาลนี้ยังมีห้อง “ยงใจยุทธ” ที่ตั้งขึ้นตามนามสกุลของ พล.อ.ชวลิต ซึ่งอยู่ติดกับห้อง “วงษ์สุวรรณ”
และที่หลายคนไม่รู้ก็คือ ในโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ไม่ใช่มีแต่เพียง 2 ห้องนี้ที่ตั้งตามนามสกุลของอดีตผู้บัญชาการทหารบก
แต่ยังมีอีกห้องหนึ่ง
เป็นห้องรับรองของนายทหารชั้นผู้ใหญ่
ชื่อว่าห้องรับรองพิเศษ “ติณสูลานนท์”
มีรูปของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี พร้อมกับคำขวัญประจำตัวติดอยู่ที่ผนังห้อง
“เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน”
คำถามจึงอยู่ที่ว่า ทำไม “ผู้ก่อการ” ไม่วางแจกันระเบิดที่ห้องนี้
หรือห้อง “ยงใจยุทธ”
แต่กลับเลือกที่ห้อง “วงษ์สุวรรณ”
ทำไม?