อุรุดา โควินท์ / ทางรอดอยู่ในครัว : อร่อยมื้อนี้จึงคิดถึงมื้อหน้า

“พี่ครับ กลางวันเรากินอะไรกันดีครับ” เขาถาม ขณะฉันเสิร์ฟไข่กระทะเป็นมื้อเช้า

ฉันวางแก้วน้ำส้มคั้น “ไม่อยากออกไปกินข้าวซอย หรือน้ำเงี้ยวบ้างเหรอ เชียงรายมีร้านอร่อยเยอะนะ พี่แนะนำให้ได้”

ทั้งสี่คนส่ายหัวพร้อมกัน “อยากกินฝีมือพี่ครับ”

เมื่อวานเย็น ฉันทำแกงเผ็ดให้พวกเขากิน แกงรสจัดมาก คนหนึ่งกินไปปาดเหงื่อไป อีกคนก็จิบน้ำเป็นระยะ คิดว่าพวกเขาน่าจะขยาดรสมือของฉันแล้ว

อะไรกัน ยังอยากกินอีกเหรอ

“มื้อเย็น เผ็ดไปมั้ยคะ” ฉันถาม

“เผ็ดแต่อร่อยครับ พี่สร้างมาตรฐานของแกงกับน้ำพริกไว้สูงมาก ผมคงไปกินที่ไหนไม่ได้แล้ว”

ปากหวานแบบนี้ แม่ครัวคนไหนก็ใจอ่อน

 

บ้านของเราเปิดห้องให้พัก มีแค่สามห้อง แต่เราดูแลเองทุกกระบวนการ เรามีกันสองคนถ้วน ทำทุกเรื่องร่วมไปกับการเขียน

บ่อยครั้งที่แขกบอกว่าอยากกินมื้อเย็นที่บ้านเรา

ฉันมักปฏิเสธ

ไม่ใช่ไม่อยากได้เงิน แต่มันเหนื่อยขึ้นอีก ยุ่งขึ้นอีก และความคาดหวังก็กดดันแม่ครัว

ฉันเป็นแม่ครัวในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เชฟ ฉันทำอาหารแบบรื้อถอนโครงสร้างไม่เป็น สร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ไม่ค่อยได้

แต่ครัวคืออาณาจักรของฉัน เป็นสถานที่ซึ่งฉันสบายใจ มีความเชื่อมั่น รู้สึกปลอดภัย ฉันไม่แน่ใจว่ามีพรสวรรค์ในการครัวหรือไม่ รู้แต่ว่า ฉันไม่เคยเบื่อที่จะทำอาหาร และอาหารฝีมือฉันต้องดีเท่าที่ฉันสามารถ

อาหารปรุงโดยแม่ครัว แต่ความอร่อยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งจากประสบการณ์และรสนิยมของคนกิน กระทั่งฉันกับน้องสาวโตมาด้วยกัน ก็ยังชอบอาหารไม่เหมือนกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันไม่อยากเปิดร้านอาหาร และไม่อยากขายอาหาร

ฉันไม่รู้ว่าอาหารแบบไหนที่ทุกคนจะอร่อย ฉันรู้ว่าฉันชอบกินแบบไหน และชอบกินอะไร

ทำให้เพื่อนกิน ยังไงเพื่อนก็ไม่บ่น แต่ถ้าแขกสั่งมื้อเย็น โดยขอจ่ายเงิน ฉันคิดหนักมาก

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรับปาก ไม่ใช่เพราะร้อนเงิน แต่เพราะก่อนหน้านี้หนึ่งสัปดาห์ น้อง inbox มาทุกวัน ว่าอยากกินอาหารเย็นฝีมือฉันสักมื้อ

เริ่มต้นจากสักมื้อ

ดูเหมือนจะกลายเป็นทุกมื้อของพวกเขาในเชียงราย

“อะไรก็ได้ครับพี่ ง่ายๆ เลย พวกผมกินง่าย” เขาอ้อน เสียงอ่อนหวาน

ฉันยังไม่ได้ไปตลาด ที่มีอยู่มากคือสันในหมู ไข่ และแตงกวา “พี่ว่าจะทำข้าวหมูกระเทียมไข่ดาว กินด้วยกันมั้ยล่ะ”

พยักหน้าพร้อมกัน และตาก็ลุกวาว

ข้าวหมูกระเทียมที่ไหนก็มีกิน แต่เอาเถอะ ถ้าน้องอยากกิน พี่จัดให้ได้

หมักสันในหมูด้วยซีอิ๊วขาวนิดหน่อย และน้ำมันงา หั่นหมูให้มีความหนา ไม่บางเกินไป ไม่อย่างนั้นมันจะกรอบจนไม่เหลือความเป็นหมู

ปอกแตงกวา หั่นแช่เย็น และทำพริกน้ำปลาไว้ ใช้พริกขี้หนู กระเทียมซอย บีบน้ำมะนาวนิดหน่อย

พอใกล้เที่ยงฉันค่อยหุงข้าว ข้าวร้อนๆ เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับความอร่อย ฉันขยันหุงข้าว ขยันล้างหม้อหุงข้าว เพราะอยากกินข้าวสุกใหม่ๆ

รอข้าวดีด จึงทอดไข่ดาว มีไข่เป็ดสดมาก จึงได้ไข่ดาวงามเป็นพิเศษ

ถ้ามีคนถามว่า ทำอย่างไรจะดาวไข่สวย

หาแม่ค้าขายไข่สดให้ได้ นั่นคือคำตอบ

ไข่สด กับน้ำมันร้อน ในปริมาณที่พอเหมาะ ย่อมได้ไข่ดาวในอุดมคติ

หมูนั้นทอดไฟแรง น้ำมันเกือบท่วม พอข้างนอกเริ่มเป็นสีน้ำตาลก็ปิดเตา เอาหมูพักในตะแกรง แล้วเทน้ำมันออก ให้เหลือแค่พอติดก้นกระทะ

ตำกระเทียมไทยมากๆ ใส่รากผักชีกับพริกไทยขาวลงไปด้วย ตักลงกระทะ ผัดไฟอ่อนให้หอม แล้วเทหมูทอดตามไป รีบปรุงรสด้วยเกลือ น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว ตัดน้ำตาลสักนิด เร่งไฟขึ้น คนเร็วๆ ให้ร้อนฉ่า แล้วปิดเตา

หมูดูเกรียมแต่ข้างในยังมีความนุ่ม กระเทียมสุกแต่ไม่ถึงกับกรอบ ได้เอากระเทียมชุ่มเครื่องปรุงคลุกข้าว อร่อยกว่าโรยกระเทียมเจียวเป็นไหนๆ

จัดลงจานใบใหญ่ เพราะรู้ว่าน้องๆ กินได้มาก ใส่หมูกระเทียมไม่ยั้งมือ ไข่ดาวคนละฟอง ส่วนแตงกวาแค่พองาม เพราะดูเหมือนไม่ค่อยชอบกินผักนัก

ที่ลืมไม่ได้ คือพริกน้ำปลาคนละถ้วย ความเผ็ดของพริกขี้หนู ช่วยเปลี่ยนรสของหมูกระเทียมในบางคำ และกลิ่นมะนาวก็ตัดเลี่ยนดีนัก

 

“อร่อยมาก”

ได้ยินเสียงชมไล่หลัง เมื่อฉันเดินมารินน้ำ และเตรียมผลไม้

“แค่ข้าวหมูกระเทียมเอง” ฉันพูด พร้อมกับเสิร์ฟน้ำ

“ดีเลิศครับ บาร์สูงอีกแล้วพี่ กินหมูกระเทียมที่ไหนก็ไม่อร่อยแล้วตอนนี้”

จะมีอะไรทำให้แม่ครัวใจพองเท่าคนกินอร่อยแล้วอร่อยเล่า พวกเขาทำให้ฉันรู้สึกว่าข้าวหมูกระเทียมนี่ช่างพิเศษ

“ว่าแต่…” น้องยิ้มหวาน “มื้อเย็นพี่จะทำอะไรให้ผมกินครับ”