มูลนิธิกระจกเงา แถลงการณ์ทบทวนระเบียบแต่งกาย ยกประสบการณ์ ชุดน.ร. ไม่ลดเหลื่อมล้ำ

มูลนิธิกระจกเงา แถลงการณ์ทบทวนระเบียบแต่งกาย ยกประสบการณ์ ชี้ชุดน.ร. ไม่ลดเหลื่อมล้ำ

จากกรณีที่ กลุ่มนักเรียนเลว กลุ่มภาคีนักเรียนKKC และ เครือข่าย นัดใส่ชุดไปรเวตไปโรงเรียนต้อนรับเปิดเทอม โดยมีหลายโรงเรียนร่วมกิจกรรม อาทิ เตรียมอุดมศึกษา สตรีวิทยา สามเสนวิทยาลัย ขอนแก่นวิทยาลัย ต่างมีเด็กนักเรียนใส่ไปรเวตไปเรียน โดยประเด็นดังกล่าว ก่อให้เกิดกระแสถกเถียงในสังคม ว่า ชุดนักเรียนนั้น ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้จริงหรือไม่

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม มูลนิธิกระจกเงา ได้เผยแพร่แถลงการณ์ เรื่อง ต้องมีการทบทวน และอภิปรายระเบียบการใส่เครื่องแบบนักเรียน โดยมีเนื้อหาดังนี้

จากกรณีการเคลื่อนไหวของนักเรียน รวมกลุ่ม 23 โรงเรียนแต่งชุดไปรเวทไปโรงเรียน เพื่อแสดงออกถึงสิทธิเสรีภาพในการแต่งกาย ทำให้เกิดการลงโทษ หรือปฏิกิริยาโต้กลับของคุณครู และโรงเรียนในฐานะผู้ควบคุมกฎระเบียบในโรงเรียน

มูลนิธิกระจกเงา ในฐานะองค์กรที่เปิดรับบริจาคชุดนักเรียนมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา เราส่งต่อชุดนักเรียนไปทั้วประเทศแล้วหลายหมื่นชุด

เห็นได้ชัดว่าผ่านมา 20 ปีแล้ว แต่ระเบียบการใส่เครื่องแบบนักเรียนยังเป็นปัญหา สร้างความเหลื่อมล้ำอย่างมาก สร้างภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง

อย่างไรก็ตาม แม้เราเห็นว่าเป็นภาระ แต่กฎระเบียบโรงเรียนได้กำหนดให้ผู้ปกครอง และเด็กต้องทำตาม

ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นเพียงมูลนิธิ เป็นองค์กรสาธารณะประโยชน์องค์กรหนึ่ง การขับเคลื่อนโดยลำพัง ย่อมไม่มีขีดความสามารถ ที่จะผลักดันให้เกิดการยุติความเหลื่อมล้ำนี้ ที่ผ่านมาเราจึงเพียงขอทำหน้าที่ในการอุดข้อจำกัดของชุดนักเรียนนี้ แต่อย่าเข้าใจผิดว่าเราสนับสนุนให้เกิดการใส่เครื่องแบบนักเรียน อันนำมาซึ่งความเดือดเนื้อร้อนใจของผู้ปกครอง และเด็ก

เราไม่เชื่อว่าการใส่ชุดนักเรียนจะสร้างสิ่งที่เรียกว่าระเบียบวินัยได้ ใน 5 วันต่อสัปดาห์ เด็กนักเรียนต้องใส่เครื่องแบบนักเรียน 2 วัน เครื่องแบบลูกเสือ 1 วัน เครื่องแบบพละ 1 วัน และหากเป็นโรงเรียนในต่างจังหวัด ยังมีชุดพื้นเมืองที่ต้องจัดหาเพิ่มอีก 1 ชุด

ในขณะที่รัฐอุดหนุนค่าเครื่องแบบนักเรียน ระดับอนุบาล คนละ 300 บาท/ปี ระดับประถมศึกษา คนละ 360 บาท/ปี ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น คนละ 450 บาท/ปี ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย คนละ 500 บาท/ปี และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ คนละ 900 บาท/ปีเท่านั้น ทำให้ค่าใช้จ่ายเครื่องแบบนักเรียนจึงเกินงบประมาณที่รัฐจัดสรรให้อยู่มาก

เราจึงพบเห็นได้อยู่เสมอว่า มีเด็กในพื้นที่ห่างไกล หรือในโรงเรียนขนาดเล็กเด็กยากจน จะมีชุดนักเรียนอยู่ชุดเดียว ซัก 1 ครั้งต่อสัปดาห์ และใส่จนดำ เด็กบางคนใส่ชุดนักเรียนทับกันสองชั้นเพื่อทับจุดที่ขาดของแต่ละตัวไว้ เด็กบางคนใส่ชุดนักเรียน แต่ไม่มีรองเท้านักเรียนให้ใส่ และเด็กบางคนไม่มีถุงเท้านักเรียนใส่ ในขณะที่ฝั่งของผู้ปกครอง ก็จะถูกกดดันให้จัดหาเครื่องแบบนักเรียน หากครอบครัวไหนที่ไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ เหมือนจะถูกตีตราว่าไม่สนับสนุนการศึกษาของลูก

เราไม่รู้หรอกว่า จุดลงตัวจะอยู่ตรงไหนในเรื่องนี้ แต่มูลนิธิกระจกเงา ขอเรียกร้องให้เกิดการทบทวนและอภิปรายในเรื่องเครื่องแบบนักเรียน กับปัญหาความเหลื่อมล้ำ และภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง และหมายรวมถึงการทบทวนสิทธิเสรีภาพเด็ก ที่ควรมีต่อเนื้อตัวร่างกายของตนเอง

มูลนิธิกระจกเงา
1 ธันวาคม 2563″