เชิงบันไดทำเนียบฯ : ‘บิ๊กเจี๊ยบ-แดง’ Duo วัดชีพจร 3 ปี “คสช.” ท้าชน “มือบึ้ม” จิตใจชั่ว คิดเลวร้าย คนไทยรึเปล่า ?

เป็นห้วงเวลา “ระเบิด” รับมือ 3 ปี คสช. หรือ 1,095 วัน นับตั้งแต่ 22 พ.ค. 2557 ที่ ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัยเป็นผบ.ทบ. เข้าควบคุมสถานการณ์หลังม็อบ กปปส. และ นปช. ใกล้สุกงอมเผชิญหน้ากัน ปูทางโดยการออกกฎอัยการศึก 20 พ.ค. 2557 เป็นสัญญาณชัด “รัฐประหาร” มาแน่
.
แม้จะไร้ม้อบ ไร้ชุมนุม แต่หาไร้คลื่นใต้น้ำ ที่คอยป่วนรัฐบาลและคสช.ให้เสียขบวนมาหลายครั้ง มีเหตุระเบิดเกิดหลายครั้งในช่วง3 ปี ที่ผ่านมา แต่ที่กำลังถูกจับตา คือ เหตุไปป์บอมม์หน้ากองสลากเก่า ถ.ราชดำเนิน คืนวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา คืนก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 และล่าสุดคือเหตุระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ เยื้องสนามหลวง คืนวันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา มีการตั้งข้อสังเกตุว่ามีความคล้ายคลึงกัน ที่ต้องการก่อกวน ไม่ได้หวังผลร้ายแรง
.
กลุ่มที่ถูกเพ่งเป้าไปทันทีคือกลุ่มการเมืองที่เป็นขั้วตรงข้ามคสช.และรัฐบาล อย่างเครือข่ายพรรคเพื่อไทย กลุ่มนปช. แต่หากฟังจาก ‘บิ๊กเจี๊ยบ’พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. จะพบว่าฝ่ายความั่นคงไม่ได้ทิ้งน้ำหนักไปเสียทีเดียว และเชื่อว่าไม่ใช่กลุ่มการเมืองที่ก่อเหตุ แต่การกระทำทั้งหมดเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล-คสช.


.
“ยังฟันธงลงไปไม่ได้ว่าเป็นกลุ่มการเมือง หรือกลุ่มคนอื่น แต่ตนมองว่าคงไม่ใช่กลุ่มการเมืองเพราะทุกคนมีความประสงค์ที่จะก้าวไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว ส่วนจะเป็นกลุ่มอื่นหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจนว่าวัตถุประสงค์คืออะไร” ผบ.ทบ. เผย
.
สอดรับกับที่ ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยอมรับว่าเป้นกลุ่มที่ต้องการ ดิสเครดิต” รัฐบาลและคสช.ในห้วงเวลาครบ 3 ปีของการทำงาน ซึ่งไม่ขอโฟกัสว่าเป็นกลุ่มใดก่อเหตุครั้งนี้ แต่ยอมรับว่าเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นได้ทุกรัฐบาลเพราะมีทั้งฝ่ายหนุนและต้านคสช.อยู่แล้ว สั่งจับตาทุกกลุ่มที่เคลื่อนไหวต่อไป
.
แต่สิ่งที่แรงไม่น้อยกว่าระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติและหน้ากองสลากเก่า เห็นจะเป็น ‘บิ๊กแดง’พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่1 ในฐานะผู้ดูแลพื้นที่รอบสนามหลวงผ่านกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ที่กองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่โดยรอบพระบรมมหาราชวัง สนามหลวง ได้กล่าวประณามผู้ก่อเหตุมีจิตใจชั่ว คิดอะไรเลวๆ เป็นคนไทยหรือไม่
.
“ไอ้พวกที่จ้องจะทำอะไรไม่ดี มันก็จ้องอยู่อย่างนั้น ผมก็ไม่รู้มันเอาหัวใจอะไร ที่ไม่เป็นคนไทยหรืออย่างไร ที่จะมาจ้องทำลายสัญลักษณ์ ทำลายสิ่งที่คนไทยในประเทศแทบทั้งหมดมีความจงรักภักดี แต่ก็ยังมีคน ที่ผมบอกได้เลย มีจิตใจชั่ว ยังคิดอะไรเลวๆอย่างนี้อยู่ ไม่รู้คิดได้ยังไง ผมมั่นใจอยู่แล้วในความปลอดภัย แต่ไอ้คนทำก็หาเรื่องทำได้ตลอด ไม่รู้จะพูดยังไง” พล.ท.อภิรัชต์ กล่าว
.
พร้อมสั่งปรับกำลังทหารเพิ่มอีก 1 กองร้อย ทำการลาดตระเวนด้วยมอเตอร์ไซด์ เสริมด้วยจักรยานให้ได้ทุกซอกทุกมุม พร้อมขยายพื้นที่ ไข่ขาว” ออกไปอีก 2 กิโลเมตร จากวงรัศมี “ไข่แดง” คือ พื้นที่สนามหลวง พร้อมสั่งปรับเปลี่ยนกล้องวงจรปิดโดยรอบให้มีคุณภาพสูงขึ้น และการปรับองศาให้ได้มุมที่เหมาะสมเพื่อป้องกันผู้ก่อเหตุหลบมุมกล้องได้ด้วย
.
พลังความรุนแรงนี้ ไม่ต่างจากคำกล่าวประณามผู้ก่อเหตุคาร์บอมม์ห้างบิ๊กซี จ.ปัตตานี ที่ทำให้มีประชาชนบาดเจ็บกว่า 60 คน เป็นอีกชนวนเหตุที่ทำให้ฝ่ายความมั่นคงต้องประเมินแผนรับมือกลุ่มบีอาร์เอ็นใหม่ ให้ก้าวนำไปให้ได้เพื่อป้องกันเหตุทัน เหตุคาร์บอมครั้งนี้ฝ่ายความั่นคงประเมินว่าฝ่ายบีอาร์เอ็นเสียมวลชนไปพอสมควร
.
แต่ในมุมผุ้ก่อเหตุก็มองว่าห้างคือ “เขตสงคราม” ถือว่า “ทำบุญ” ร่วมกันที่ทุกคนต้องต่อสู้ ไม่ได้มองเรื่องคนบริสุทธิ์ ที่น่าสนใจคือฝ่ายความมั่นคงกล่าวชัดเจนกว่าที่ผ่านมาว่าการก่อเหตุครั้งนี้ คือ “กลุ่มบีอาร์เอ็น” ถือเป็นการเปิดตัวตนที่ชัดเจนถึงคู่กรณีครั้งสำคัญ
.
ถือเป็นแนวทางใหม่ของการต่อสู้ของกลุ่มบีอาร์เอ็น ที่ก่อนหน้าที่เป็นที่เข้าใจว่าขบวนการณ์บีอาร์เอ็นในยุคการนำของนายมะแซ อุเซ็ง จะไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ แต่จะเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ด้วยกันในฐานะคู่กรณี แต่การปรับเปลี่ยนรูปแบบเพื่อแสดงศักยภาพในยุคนายดุลเลาะ แวมะนอ ผู้นำบีอาร์เอ็นคนใหม่ นี้มีแผนประกาศเอกราชปี2575 ตั้งรัฐปาตานี มีขบวนการ 1 แสนคน มวลชน 1 ล้านคน จากการก่อเหตุในช่วงที่ผ่านมาทั้งระเบิดเสาไฟฟ้า ซุ่มยิ่งทำร้ายเจ้าหน้าที่ แล้วด้วยนั้น ย่อมแสดงถึงศัยภาพกลุ่มบีอาร์เอ็นที่เจ้าหน้าที่ต้องปรับแผนครั้งสำคัญ
.
“คู่กรณีกันก็ต้องมาพูดคุย แต่ความคิดเห็น เราคือเจ้าหน้าที่รัฐ พวกเขาคือคนที่เห็นต่าง และมีพี่น้องประชาชนทั้งไทยพุทธและมุสลิมในพื้นที่เป็นผู้บริสุทธิ์ ทั้งยังมีเด็ก แต่ผู้เห็นต่างยังใช้วิธีการแบบนี้เป็นเรื่องเลวร้าย มนุษย์เขาไม่ทำกัน ถ้ามีอะไรเรามาเผชิญหน้ากัน มาพูดคุยกัน ถ้าไม่มีอะไรพูดคุยก็ใช้กำลังกัน เจ้าหน้าที่รัฐก็มีหน้าที่ปกป้อง และดำเนินการ” พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว
.
ที่สำคัญหนึ่งในผู้ก่อเหตุคาร์บอมบิ๊กซี จ.ปัตตานี เคยเข้าร่วม ”โครงการพาคนกลับบ้าน” จึงเป็นอีกสิ่งที่ท้ายทายรัฐว่าโครงการนี้ได้ผลหรือไม่ ล่าสุด พล.อ.ประวิตร เตรียมประชุมเพื่อทบทวนโครงการนี้แล้ว ตาม ม.21 ของพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ อีกทั้งการใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเพื่อซักถามได้ 30 วัน
.
โดยจะต้องเลือกกฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่ง ซึ่งได้มีการเสนอให้ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯเป็นหลัก แต่ในเอาเรื่องอำนาจการซักถามไปใส่ในตัวพ.ร.บ.ความมั่นคงฯแทน เพื่อลดความทับซ้อนในการใช้กฎหมาย สร้างเอกภาพ
.
ส่วนกรณีที่ ฮิวแมนไรต์วอตช์เสนอให้องค์การสหประชาชาติ ประกาศให้กลุ่มแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายู (บีอาร์เอ็น) เป็นองค์กรก่อการร้ายเพื่อให้นานาประเทศได้เข้ามาเพิ่มแรงกดดันนั้น ฝ่ายความมั่นคงมองว่าไม่ควร เพราะทำให้ผลเสียเยอะกว่าผลดี แล้วต่างชาติจะมาแทรกแซง ปัญหาจะเยอะกว่านี้ด้วย
.
ถือเป็นการให้สัมภาษณ์ทั้ง “พลังเงียบ เฉียบขาด” ของ ‘รบพิเศษ’ ของ ‘บิ๊กเจี๊ยบ’ และ “สายบู้ สายวงศ์เทวัญ” อย่าง ‘บิ๊กแดง’ ที่ร้อนแรง สตาร์ทเครื่องชน “มือบึ้ม” ทั้งที่กรุงเทพฯและชายแดนใต้ เป็นการประกาศชัดไม่ยอมกับสิ่งที่เกิดขึ้นอีก

พล.ท.ณัฐ อินทรเจริญ, พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์, พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา

.
ทั้งสองคนถือเป็นมือซ้ายและมือขวาของนายกฯก็ว่าได้ ด้วยที่มาของทั้ง 2 คน มาจากการเลือกของ พล.อ.ประยุทธ์เอง จนเป็นที่มาของคำว่า “รัฐประหารบิ๊กป้อม” ที่น้องรักอย่าง ‘บิ๊กแกละ’พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร ไม่ได้ขึ้นผบ.ทบ. ไปนั่งตำแหน่ง รองผบ.ทบ.แทน และ ‘บิ๊กตู่เล็ก’พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา ก็พลาดเก้าอี้แม่ทัพภาคที่1 ให้ ‘บิ๊กแดง’ เพื่อนตท.20 และได้เก้าอี้แม่ทัพน้อยที่1 มาแทน
.
จึงกล่าวได้ว่าทั้ง ‘บิ๊กเจี๊ยบ – บิ๊กแดง’ นั้นนายกฯเลือกมากับมือ เป็น”รบพิเศษ-วงศ์เทวัญ” ที่แพ็คคู่ “สายบู้-สายบุ๋น” ได้ลงตัว เป็นเรือนข้างกายให้นายกฯ มาแล้ว 7 เดือน ปลายทางนั่ง ผบ.ทบ. 2ปี ของพล.อ.เฉลิมชัย ยังไร้แววเหลือปีเดียว และทางเดิน ‘บิ๊กแดง’ ที่จะขึ้นสู่ 5 เสือทบ. ชิงนั่ง ผบ.ทบ. ในอนาคต ก็สร้างความหวังให้สาย “วงศ์เทวัญ” ไม่น้อย ดูกันไปยาวๆ
.
เป็นคู่ ‘Duo’ ที่มาแรง ในเวลานี้ !!