‘อานันท์ ปันยารชุน’ อดีตนายกฯ หลังเหตุการณ์รัฐประหาร รสช. ปี2534 และหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 โดยเป็นศิษย์เก่า ร.ร.อำนวยศิลป์ เช่นเดียวกับ ‘บิ๊กสุ’พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกฯ-ผบ.ทหารสูงสุด หนึ่งในแกนนำ รสช. ในยุคนั้น
.
โดย ‘อานันท์’ ได้ออกมาสะกิดเตือน ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร คสช. โดย ‘อานันท์’ เตือนให้ ‘บิ๊กตู่’ ฟังเสียงผู้ชุมนุม โดยเฉพาะเด็กๆ รวมทั้งให้โละ 250 ส.ว.ทิ้ง ส่วนเรื่องลาออกจาก นายกฯ เป็นสิทธิ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะตัดสินใจ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ตอบโต้ ได้แต่รับฟังด้วยความเคารพส่วนตัว
.
“ด้วยความเคารพเป็นการส่วนตัว เพราะท่านเป็น อดีตนายกฯมาก่อนแล้ว ที่ผ่านมาตนก็รับฟังมาโดยตลอด ไม่ว่าจะสื่อโซเชียลฯ ไม่ว่าจะคำพูดของผู้ชุมนุม ตนได้ยินทุกคำพูด ดังนั้นขอให้เข้าใจซึ่งกันและกันด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
.
ชื่อของ ‘อานันท์’ ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ถูกปล่อยออกมาเป็น ‘นายกฯคนนอก’ ในการตั้ง ‘รัฐบาลสมานฉันท์’ ที่ถูกปูดขึ้นโดย ‘อาทิตย์ อุไรรัตน์’อดีต ปธ.สภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำมาสู่การยกร่าง รธน. ภายใน 2 ปี หากย้อนไปเกือบ 30 ปีก่อน ‘อาทิตย์’ เป็นคนเสนอชื่อ ‘อานันท์’ เป็น นายกฯ หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ2535 แทน พล.อ.อ.สมบุญ ระหงษ์
.
อีกทั้งก่อนหน้านี้ช่วง ก.ย.63 มีการแพร่ภาพถ่ายร่วมทานข้าวกับอดีตแกนนำพันธมิตร – กปปส. ในภาพมี ‘อานันท์’ และ ‘ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์’ประธาน นปช. ร่วมโต๊ะด้วย ซึ่ง ‘ตู่-จตุพร’ เคยชี้แจงว่า เป็นการทานข้าวของคนที่เคยผ่านเหตุการณ์ ‘พฤษภาทมิฬ 2535’ เท่านั้น ไม่ได้เปลี่ยนอุดมการณ์การเมือง ส่วนตัวรู้จัก ‘อานันท์’ ตอนปี2540 ช่วงการร่าง รธน.40
.

นอกจากนี้ ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ อดีตแกนนำ พธม. หนึ่งในกูรูการเมืองไทย ผู้จับสัญญาณการเมืองต่างๆได้เสมอ ได้เสนอให้ทหารทำการ ‘ปฏิวัติ’ เพื่อเปิดทางสู่การตั้ง ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ ขึ้นมา แต่ความสำคัญอยู่ที่ปฏิกิริยา ‘บิ๊กตู่’ ที่ไม่ได้รับประกันจะมีหรือไม่มี ‘ปฏิวัติ’ เกิดขึ้น
“ต้องไปถามคนพูด เราไม่เคยคิดในเรื่องเหล่านี้ เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวัง อย่าให้สถานการณ์บานปลายไปเรื่อยๆ ผมไม่ได้หมายความว่าจะมีหรือไม่มีปฏิวัติ ไม่มีใครอยากทำหรอก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
.
สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วง 2 สัปดาห์ ทำให้หนทางที่นำไปสู่ ‘ทางออก’ ตามกลไก รธน. ยิ่งเหินห่าง ด้วยข้อเรียกร้อง ‘ทะลุเพดาน’ ของฝั่งผู้ชุมนุมและการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่างๆ รวมทั้งฝั่งรัฐบาลที่ไม่สามารถตอบสนองได้แน่นอน โดยเฉพาะประเด็นการ ‘ปฏิรูปสถาบัน’
.
สุดท้ายหาก ‘กรอบข้อเรียกร้อง’ ไม่ถูกตีวงให้แคบลงเหลือแค่ 2 ข้อ คือ แก้ รธน. กับ นายกฯลาออก ได้นั้น ทางออก ‘นอกกลไก รธน.’ ไม่ว่าหนทางใด ย่อมถูกใช้เป็น ‘ทางออกฉุกเฉิน’ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีการเสนอ ‘สูตรนอก รธน.’ เพื่อแก้วิกฤติ ทั้งการแง้มชื่อ ‘นายกฯคนนอก’ และ ‘การปฏิวัติ’ ขึ้นมา
.
แน่นอนว่าทำให้ ‘บิ๊กบี้’พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ศิษย์เก่าร.ร.อำนวยศิลป์ ตท.22 – จปร.33 ถูกจับจ้องไปด้วย ซึ่งที่ผ่านมา ‘บิ๊กบี้’ เลี่ยงพูดเรื่องการเมือง และทำภารกิจของ ทบ. เท่านั้น แต่ก็มอนิเตอร์เหตุการณ์อยู่ตลอด

ทั้งนี้ ‘บิ๊กบี้’ เคยกล่าวหลังรับตำแหน่ง ผบ.ทบ. เมื่อ 6ต.ค.63 ก่อนเกิดเหตุการณ์ 14ต.ค.63 ที่สถานการณ์เปลี่ยน ว่า โอกาสเกิดปฏิวัติรัฐประหารยังเป็นศูนย์ และขอให้ขจัด ‘เงื่อนไข’ ให้ติดลบ พร้อมย้ำว่า ในหัวของตนมี 4 อย่าง คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน จะทำทุกอย่างเพื่อรักษาความมั่นคงของ 4 อย่างนี้
.
ดังนั้นเมื่อ ‘สถานการณ์เปลี่ยน’ จึงต้องจับตา ‘บทบาท-ท่าที’ ของ ‘บิ๊กบี้’ ใหม่ด้วย ท่ามกลางสถานการณ์ที่ ‘โอกาส-เงื่อนไข’ ที่นำไปสู่การ ‘กระชับอำนาจ’ สูงขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งชื่อ ‘อานันท์’ ที่กลับมาอีกครั้ง กับ ‘บทบู๊’ ที่ ‘อานันท์’ เริ่มขยับด้วย ทำให้ทั้ง 2 ชื่อนี้ ยังคงต้องจับตาต่อไป
.
เมื่อ ‘อานันท์’ ชื่อ Return เมื่อ ‘บิ๊กบี้’ ต้อง Reconsider – โฟกัส 2 ศิษย์ ‘อำนวยศิลป์’ !!