“สมศักดิ์”เผยกม.ไม่เปิดช่อง”วัฒนา อัศวเหม”กลับไทย เหตุหนีหมายศาล-ไม่เคยถูกจองจำ แต่ไม่ปิดกั้นสิทธิฟื้นคดี

“สมศักดิ์”เผยกม.ไม่เปิดช่อง”วัฒนา อัศวเหม”กลับไทย รื้อคดีทุจริตคลองด่านไม่ได้ เหตุหนีหมายศาล-ไม่เคยถูกจองจำ แต่ไม่ปิดกั้นสิทธิฟื้นคดี

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ในฐานะทนายผู้รับมอบอำนาจจากนายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งนำเอกสารคดีทุจริตคลองด่านมายื่นต่อกระทรวงยุติธรรมเพื่อขอให้มีการรื้อฟื้นคดีดังกล่าวใหม่ และนายวัฒนาพร้อมจะเดินทางกลับมาสู้คดีว่า ทางทนายฯได้มายื่นเรื่องต่อคณะทำงานของกระทรวงยุติธรรมแล้ว แต่ยังไม่เห็นช่องทางในการนำตัวนายวัฒนากลับมาว่าจะเดินไปอยางไร หรือทำอย่างไร

ขั้นตอนตามกฎหมายของกระบวนการยุติธรรมมีแต่การดูแลผู้คนก่อนเข้าสู่กระบวนการของศาล หรือเสร็จจากกระบวนการของศาลแล้ว นำเข้ามาเรือนจำเพื่อจองจำหรือปล่อยออก หรือกรณีของการคุมประพฤติ ส่วนผู้คนที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการตรงนี้ หรือเลยจากการะบวนการตรงนี้แล้วกฎหมายเราไม่มีบท บัญญัติหรือช่องทาง การดำเนินการที่เข้าใจง่ายๆ ซึ่งตนยังหาผู้รู้หรือใครที่จะให้ความรู้ตรงนี้ไม่ได้ ก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร แต่กระทรววงยุติธรรมก็ไม่มีสิทธิที่จะไปปล่อยตัวเขาเพราะเขายังไม่ได้มารับโทษ

“หลักฐานที่ทางทนายนำมายื่นให้พิจารณานั้น ต่อให้ขนใส่รถสิบล้อบรรทุกเข้ามาหากมันไม่มีช่องทางก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร อย่างไรก็ตาม หากเป็นไปได้อยากให้นายศรีสุวรรณมาพบพร้อมนำเส้นทางการเดินเอกสารมาให้ดูด้วยว่าจะมีข้อสรุปได้อย่างไร” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว

ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา ในฐานะทนายผู้รับมอบอำนาจของ นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง มหาดไทย ผู้ต้องหาคดีทุจริตที่ดินคลองด่าน ซึ่งหลบหนีหมายจับของศาลฯ ได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการพิจารณารับคำร้องขอการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ฯ กล่าวว่า ทางกระทรวงยุติธรรมได้มีหนังสือแจ้งมายังตนแล้วว่า ตามระเบียบของการรื้อฟื้นคดีทำได้เฉพาะผู้ที่ได้รับโทษแล้ว และมาขอรื้อฟื้นคดีเนื่องจากพบว่ามีพยานหลักฐานใหม่ แต่กรณีของนายวัฒนา ไม่ได้เข้าคุกแต่หลบหนีคำพิพากษาของศาลไปก่อน และไม่ได้ถูกจำคุกจึงไม่เข้าเงื่อนไขของกระทรวงยุติธรรม แต่ก็ไม่ได้จำกัดหรือห้ามเจ้าตัวคือ นายวัฒนาในการรื้อฟื้นคดีหากมีหลักฐานใหม่ โดยทนายสามารถยื่นเรื่องโดยตรงต่อศาลเพื่อขอรื้อฟื้นคดีใหม่พร้อมหลักฐาน

นายศรีสุวรรณ  กล่าวว่า  ในสัปดาห์หน้าตนและทีมทนายอีก4-5 คนที่รับทำคดีดังกล่าวจะนัดหารือเพื่อขยับการเขียนสำนวนไปยื่นต่อศาลที่มีคำพิพากษาโดยตรง มี 2 ศาล คือศาลฎีกาแผนกกดีอาญของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและศาลแขวงดุสิต และตนได้แจ้งไปยังครอบครัว และญาติของนายวัฒนาให้รับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมได้แจ้งมาแล้วและ จะนัดหารือกับครอบครัวและลูกๆหลานๆของนายวัฒนาอีกครั้งก่อนจะยื่นเรี่องโดยตรงต่อศาล