จัตวา กลิ่นสุนทร : ชาว “จันทบุรี” (ไม่)ยินดีต้อนรับ?

สําหรับประเทศไทยน่าจะได้เห็นป้าย “ยินดีต้อนรับ” ในทุกจังหวัดที่เดินทางไปถึง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยรถยนต์ รถไฟ และเครื่องบิน

สัปดาห์นี้ต้องขออนุญาต “เว้นวรรค” เรื่องราวของ “ศาสตราจารย์ พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช” ซึ่งได้เขียนติดต่อกันมาถึง 6 ตอนแล้ว ซึ่งตั้งใจว่าจะพยายามเก็บหลายแง่หลายมุมจากประสบการณ์ที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดและทำงานกับท่านมาเป็นเวลานานพอสมควร เพราะบทบาท ผลงานของท่านมีความสำคัญ น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

คิดว่าจะเว้นสักครั้งหนึ่งเพื่อจะได้นำเอาเรื่องของคนเมือง “จันทบุรี” ซึ่งได้โพสต์เรื่องราวจังหวัดของเขาด้วยความห่วงใยบ้านเกิด และได้ถูกแชร์กันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในโซเชียลมีเดีย มาเผยแพร่ทางสื่อกระดาษเพิ่มอีกทางหนึ่ง

เรียกว่าร่วมด้วยช่วยกันเพราะเห็นด้วยกับชาวจันทบุรีท่านนี้ ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ได้ห่างกันไกลด้วยเป็นชาวตะวันออกของประเทศนี้ด้วยกัน

 

รับรู้เรื่องราวเมื่อยามเด็กเล็กนักว่าคนเมืองจันท์หรือจันทบูรณ์ของรุ่นปู่ ย่า ตา ยายว่าเป็นคนที่มีเชื้อสายญวน หรือเวียดนามเยอะอยู่ ผู้หญิงจะมีผิวขาว หน้าตาสะสวยมากกว่าคนจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งเล่ากันว่าผิวดำจนพูดกันเล่นๆ ว่า “เมืองระยองนั้นน้ำขุ่น จันทบุรีน้ำใส” ผิวจึงแตกต่างกันไปโน่น?

ขณะยังอยู่ในวัยเรียนหนังสือ ระหว่างปิดเทอมใหญ่ก็ไปซุกซนห้อยโหนอยู่กับรถประจำทางของเพื่อนซึ่งวิ่งรับส่งผู้โดยสารระหว่าง “ระยอง-จันทบุรี” แต่ไม่ได้เที่ยวเล่นทำลายเวลาอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจตราดูแลผู้โดยสารในรถโดยสารของเพื่อนไปรักด้วย

เมื่อถึงเวลาเปิดภาคเรียนก็จะได้เงินมาใช้จ่ายเป็นค่าลงทะเบียนเรียน ซึ่งสมัยนั้นก็ไม่กี่ร้อยบาท เดินทางกลับเข้ามากรุงเทพฯ เพื่อศึกษาเล่าเรียนอย่างมีความสุขประสาเด็กยากไร้ จึงพอจะรู้จักเส้นทางสองข้างทางของจังหวัดนั้นดีพอสมควร

ได้รู้จักสาวชาวสวนที่ออกจากบ้านไปกลับเช้า-เย็นเพื่อขวนขวายเล่าเรียนวิชาชีพจะได้นำมาทำมาหากินนอกเหนือไปจากการทำสวนยาง สวนพริกไทย และสวนผลไม้ ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีผิวพรรณดี หน้าตาสวยงาม

 

เมืองจันท์ เป็นเมือง “ศูนย์กลางของตลาดค้าขายพลอย” (Sapphire) เป็น “นครแห่งอัญมณีของโลก” เป็นอะไรที่สุดในเรื่องของ “พลอย” เช่น เป็นผู้คิดค้นการ “เผาพลอย” ให้เกิดความงดงามมากขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2511 หลังจากเกิดอัคคีภัยไฟไหม้ตลาดพลอย

เมื่อเหตุการณ์สงบลงมีคุณลุงท่านหนึ่งเข้าไปค้นหาพลอย และพบว่าเมื่อถูกไฟเผากลับมีความงดงามมากขึ้นจึงคิดการเผาพลอยขึ้น และพัฒนาเรื่อยมากระทั่งปัจจุบัน

นอกจากนั้น ยังเป็นเมืองที่มีช่าง “เจียระไนพลอย” ในอันดับต้นๆ ของประเทศ หรือของโลกทีเดียว

เมืองจันท์ เคยมีพลอยมากที่สุดในประเทศไทย

แต่ทุกวันนี้น่าจะมลายหายสิ้น ลามไปถึงประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดติดกันก็ถูกขุดกันจนแทบเหี้ยนเตียน

เพราะฉะนั้น จึงต้องออกตระเวนไปยังประเทศต่างๆ เริ่มจากใกล้ๆ เช่น กัมพูชา พม่า ศรีลังกา ลาว ฯลฯ จนเดินทางไกลถึงทวีปแอฟริกา อย่างแทนซาเนีย แต่แหล่งที่คนไทยเดินทางไกลไปรับซื้อพลอยถึงที่กันมาเป็นเวลาสิบๆ ปี จนว่ากันว่าทุกวันนี้ห้ามคนไทยเข้าไปซื้อขาย จริงเท็จประการใดไม่ประจักษ์ คือ “มาดากัสการ์” (Madagascar)

แต่พลอยทุกเม็ดในประเทศ หรือจากประเทศไหนๆ อาจเรียกได้ว่าทั่วโลกก็ย่อมได้ จะต้องเดินทางไปยังจังหวัดจันทบุรี ซึ่งยังเป็นศูนย์กลางการซื้อขายแลกเปลี่ยนพลอย อัญมณี มีผู้คนเข้ามาวนเวียนอยู่ในวงจรธุรกิจการค้าขายอาชีพนี้เป็นจำนวนมาก มีเงินหมุนเวียนปีละเป็นแสนล้าน

และทั่วโลกต่างรู้จัก “ถนนศรีจันทร์-จังหวัดจันทบุรี”

 

อันนี้หรือเปล่าอาจเป็นที่มาของข้อความที่คนจันทบุรีโพสต์อยู่ในปัจจุบันเรียกร้องให้คนจันทบุรีร่วมด้วยช่วยกันต่อต้านทำให้เกิดความถูกต้องในการอยู่อาศัยเข้าออกประเทศ

เพราะนอกจากฝรั่งมังค่า แขกอินเดีย และ ฯลฯ ดูเหมือน “คนดำแอฟริกัน” จะมากกว่าชาติอื่นๆ

ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน บ้านเรามันเกิดอะไรขึ้น ต่างชาติแทบจะเข้ามายึดครองแย่งอาชีพไปจนหมด

ในขณะที่เรากำลังถกเถียงกันว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยจะดี รัฐบาลบอกว่าเศรษฐกิจกำลังกระดิกๆ ขยับขึ้น แต่การทำมาหากินกลับยากลำบาก

ปัญหาเรื่องการหลอกลวงฉ้อฉลฉ้อโกงกันด้วยวิธีการต่างๆ มากมายเกินไปแล้วหรือไม่?

งานง่ายๆ ทั้งหลายคนไทยไม่ยอมทำ ต้องอาศัยต่างชาติทั้งสิ้น เวลานี้ต้องวิ่งแย่งหาคนทำงานบ้าน เป็นคนต่างชาติ เช่น กะเหรี่ยง พม่า กัมพูชา ลาว เวียดนาม ซึ่งพร้อมทำงานทุกอย่าง แต่พวกเขาก็เปลี่ยนงานกันง่ายๆ ตลอดเวลา

เคยไปกินอาหารร้านใหญ่ๆ เห็นพนักงานเสิร์ฟวัยรุ่นชาย แต่ไม่ใช่คนไทย มีคนบอกว่าคนไทยไม่ทำงานแบบนี้อย่างดีเขาก็เลือกที่จะไปขี่มอเตอร์ไซค์วินตามซอย ได้เงินก็กินเหล้าเบียร์อยู่ในซอย แล้วก็ออกมาแว้นยามดึก

วัยรุ่นชายประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตกันเป็นว่าเล่น แรงงานขาดแคลน แรงงานประเทศข้างเคียงจึงเข้ามายึดครอง แม้แต่การเพาะปลูกพืชผลต่างๆ เพื่อนบ้านก็เริ่มที่จะแข่งแซงประเทศเรา โดยเฉพาะเรื่องข้าว และพันธุ์ข้าวซึ่งเราเคยเป็นที่หนึ่งมาก่อน

ฟังดูแล้วรู้สึกเหนื่อยและท้อแท้–

 

ลองอ่านข้อความที่ผู้ใช้ชื่อว่าคน “จันทบุรี” โพสต์กันซะหน่อย

“จังหวัดจันทบุรีกำลังตกเป็นเมืองขึ้นของต่างด้าวแล้ว โดยเฉพาะชาวแอฟริกันผิวดำ มาอยู่กันมาก ถึงวันนี้น่าจะหลายพันคน เมื่อราว 20 ปีก่อน คนดำเหล่านี้จากหลายประเทศเริ่มนำพลอยมาขายให้พ่อค้าพลอย เริ่มแรกก็มากันไม่มาก มาถึงวันนี้มาอยู่กันเต็มจังหวัด ไปทางไหนก็เจอ

ไอ้ที่มาค้าขายพลอยถูกกฎหมายก็พอทน

แต่ที่มาอยู่แบบไม่ปรากฏอาชีพนั้นน่าเป็นห่วง

และที่ต้องการมาลงหลักปักฐานที่นี่เลยก็มาก ยกโขยงกันมาทั้งลูกเด็กเล็กแดง เพราะเมืองไทยแสนสุขสบาย อย่างเมืองจันท์ที่ติดอันดับความน่าอยู่ของประเทศไทย แค่มีเงินค่าเครื่องบิน กับติดตัวมาบ้างก็อยู่ได้แล้ว

และรู้สึกว่าจะได้สิทธิต่างๆ แบบคนไทย ทั้งเรียน รักษาพยาบาล ทางจังหวัดมีป้ายอำนวยความสะดวกสำหรับชาวแอฟริกัน บางคนท้องแก่จากที่บ้านเขา แต่บินมาคลอดที่บ้านเรากันเยอะ ไม่ทราบว่าเพื่อจุดประสงค์อะไร และพวกที่ไม่มีอาชีพอะไร

บางคนเมื่อพาสปอร์ตหมดอายุจะจัดฉากด้วยการทำมานั่งคัดพลอยแล้วจ้างคนไทยมาถ่ายรูป พร้อมเอกสารต่างๆ ส่งกลับไปบ้านเขาหลอกว่าเปิดบริษัทในไทยเพื่อได้รับสวัสดิการต่างๆ บางหมู่บ้านเช่าบ้าน 1 หลัง แต่เข้าๆ ออกๆ กันเป็นสิบๆ คน

ส่วนมากคนพวกนี้นิสัยไม่ดี ไม่เคารพวัฒนธรรมไทย ไม่เกรงใจคนไทย ที่ขึ้นชื่อมากจนคนบ่นกันทั้งเมืองคือการขับขี่ยานพาหนะ ไร้มารยาทจริงๆ เหมือนกันทุกคน และหลายครั้งที่เกิดอุบัติเหตุทางถนนขึ้นไม่เคยยอมรับผิด แถมยกพวกข่มขู่คู่กรณีด้วย

ความจริงคนต่างชาติเมื่อเข้ามาอาศัยบ้านคนอื่นควรต้องเรียนรู้วัฒนธรรม เคารพการเป็นอยู่ของคนไทย แต่กลับเป็นว่าเจ้าของบ้านต้องทนอยู่กับนิสัยที่ไม่ดีของคนพวกนี้

หลายคนดึกดื่นไม่หลับไม่นอน รบกวนคนพักผ่อน เสียงดังไม่เกรงใจใคร และไม่ใช่แค่วันสองวัน แต่อยู่มาเป็นสิบปี แทนที่จะเกรงใจ กลายเป็นว่าเจ้าของบ้านต้องเป็นฝ่ายที่ต้องทนกับพฤติกรรมที่ไม่ดี ไร้มารยาทของพวกเขา

จากเดิมที่ชาวแอฟริกันปักหลักอยู่กันในชุมชนหนึ่ง ถึงวันนี้ได้ขยายไปอยู่กันหลายหมู่บ้านแล้วอย่างรวดเร็ว และดูท่าว่าจะมาอยู่กันมากขึ้นทุกที ถ้าไม่ตัดไฟเสียแต่ตอนนี้ อนาคตจะควบคุมยาก

ตามภาพของโพสต์เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่มาค้าขายพลอยแบบถูกกฎหมาย แต่ที่ไม่ปรากฏอาชีพต้องการมาเพื่อปักหลักอยู่ที่นี่มีมากกว่านี้หลายเท่า เรื่องนี้คนจันทบุรีอึดอัดมานานแล้วแต่ไม่รู้จะทำยังไงได้

การที่ชาวแอฟริกันมาอาศัยอยู่ในจันทบุรี คนที่ได้ประโยชน์มีแค่พ่อค้าพลอยแค่หยิบมือ แต่คนทั้งจังหวัดต้องมาทนอยู่กับคนที่ต่างวัฒนธรรม และไม่เคารพวัฒนธรรมไทย

นี่ยังไม่ได้พูดถึงต่างด้าวผิดกฎหมายชาติอื่นๆ ทั้งลาว กัมพูชา ทั้งแขกที่มาปล่อยเงินกู้ หรือค้าขาย

ขณะนี้เกือบครึ่งค่อนจังหวัดแล้ว ในตลาดกลางเมืองนี่แทบจะถูกต่างด้าวยึดไปแล้ว เข้าใจว่าแรงงานชาวกัมพูชายังเป็นที่ต้องการของคนจันท์ ตรงนี้ไม่ว่ากัน แต่ขอให้ถูกกฎหมาย ส่วนพวกแขกปล่อยเงินกู้ ขายโรตี ขายไอศกรีม พวกนี้ผิดกฎหมายทั้งนั้น เจ้าหน้าที่รัฐซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบปล่อยไว้ได้อย่างไร?

อยากขอร้องให้คนไทยที่อ่านบทความโดยเฉพาะชาวจังหวัดจันทบุรี ช่วยกันแชร์โพสต์นี้ไปให้ถึงผู้ว่าฯ เพื่อให้ช่วยจัดการด้วย ผมในฐานะคนจันทบุรีขอทำหน้าที่ปกป้องจังหวัดในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ รับรองว่าจะไม่หยุดจนกว่าเมืองจันท์จะกลับมาปกติสุขอยู่กันเองแบบไทยๆ ฉันพี่น้องเหมือนเดิม”

“คนเมืองจันท์ (ไม่) ยินดีต้อนรับ”