กสม. ห่วงม็อบแนวโน้มรุนแรง วอนทุกฝ่ายยึดหลักสันติวิธี ขอรัฐใช้กฎหมายฉุกเฉินเท่าที่จำเป็น

กสม. ห่วงม็อบแนวโน้มรุนแรง วอนทุกฝ่าย อดทน อดกลั้น ยึดหลักสันติวิธี ขอรัฐใช้กฎหมายฉุกเฉินเท่าที่จำเป็น หากสถานการณ์คลี่คลายควรยกเลิกทันที

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม นางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ทำหน้าที่แทนประธาน กสม.เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการชุมนุมของกลุ่มประชาชนและนักศึกษาในนามคณะราษฎร เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล

ซึ่ง กสม.พร้อมด้วยพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่สังเกตสถานการณ์การชุมนุมอย่างใกล้ชิด กระทั่งรัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร และเข้ายุติการชุมนุมเมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้ ทาง กสม.ได้ประชุมหารืออย่างเร่งด่วน เพื่อประเมินสถานการณ์ด้วยความห่วงใยเป็นอย่างยิ่งว่าอาจจะมีแนวโน้มนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงมากขึ้น จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้น และยึดมั่นในหลักสันติวิธีและความรับผิดชอบต่อสังคมเหมือนที่ผ่านมา สำหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครนั้น

นางประกายรัตน์กล่าวต่อว่า กสม.เห็นว่า ประกาศดังกล่าวมีข้อกำหนดที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนมากกว่าในสถานการณ์ปกติ เพื่อความจำเป็นในการระงับเหตุที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง ทั้งนี้ ตามหลักการของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง มาตรการจำกัดสิทธิดังกล่าวควรใช้ในระยะเวลาที่จำกัดตามความจำเป็นของสถานการณ์ ดังนั้น หากสถานการณ์คลี่คลายแล้ว ควรยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวทันที สำหรับแกนนำผู้ชุมนุมที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐดูแลให้เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่และโดยไม่ชักช้า พร้อมแจ้งสถานที่ควบคุมตัวให้แก่ญาติพี่น้องได้รับทราบ โดย กสม.กำลังติดตามประสานกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องให้มีการดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด และจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

“กสม.เห็นว่าการใช้มาตรการทางกฎหมายเป็นหลักอาจมิใช่หนทางเดียวในการแก้ไขปัญหา ซึ่งกระบวนการในรัฐสภาควรเป็นหนทางที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ รวมทั้งควรเคารพความแตกต่างทางความคิดความเชื่อ ตระหนักถึงการเคารพสิทธิมนุษยชนระหว่างกัน เพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสันติสุข” นางประกายรัตน์ กล่าว