ภาพยนตร์ /นพมาส แววหงส์ /HOPE FROZEN : A QUEST TO LIVE TWICE ‘ซื้อเวลาเพื่อชุบชีวิต’

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์

HOPE FROZEN : A QUEST TO LIVE TWICE

‘ซื้อเวลาเพื่อชุบชีวิต’

 

กำกับการแสดง Pailin Wedel

นำแสดง Sahatorn Naovaratpong Nareerat Naovaratpong Matrix Naovaratpong Max More

 

หนังสารคดีจากไทยแลนด์เรื่องนี้ได้รับรางวัล Hot Docs ของแคนาดาเมื่อ ค.ศ.2019 และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในอีกหลายเวที

เป็นหนังที่มีเรื่องราวชวนคิดชวนฉงน แม้จะเป็นเนื้อหาสาระที่ชวนถกเถียงกันได้ไม่จบ ทั้งในแง่วิทยาศาสตร์และจิตวิญญาณ ศีลธรรมและจริยธรรม ศาสนาและความเชื่อ และอื่นๆ อีกสารพัด

ชื่อเสียงเรียงนามทั้งผู้กำกับและคนแสดงซึ่งเป็นบุคคลจริงข้างต้นนั้นใช้ตามที่ปรากฏในเว็บไซต์ของหนังนะคะ เลยสะกดชื่อทีมงานเป็นภาษาอังกฤษตามมาตรฐานสากล เนื่องจากเป็นหนังที่จะต้อง “โกอินเตอร์”

แต่ต่อจากนี้ขออนุญาตถอดตัวสะกดเป็นไทยตามเสียงอ่านละนะคะ จะได้คุ้นตาอ่านง่ายหน่อย

 

นี่คือเรื่องราวของครอบครัวชาวไทยพุทธที่มีหัวหน้าครอบครัวเป็นนักวิทยาศาสตร์ ดร.สหธร นวรัตน์พงศ์ กับภรรยาชื่อนารีรัตน์ ทั้งสองมีลูกชายชื่อเมทริกซ์ และกำลังจะมีลูกสาวซึ่งตั้งชื่อว่า ไอน์ซ (Einz) หรือมัธริน (Matheryn)

ทุกคนตื่นเต้นและรอคอยสมาชิกคนใหม่ในครอบครัว วันที่อุ้มลูกกลับจากโรงพยาบาล สหธรถ่ายวิดีโอเก็บไว้ โดยบอกว่าเป็นหลักฐานให้ได้เห็นต่อไปในอนาคตว่าพ่อ-แม่และพี่รักขนาดไหน จะได้ไม่ต้องแอบนึกน้อยใจว่าไม่มีใครรัก

แต่หนูน้อยไอน์ซก็จะไม่ได้มีชีวิตอยู่กับพวกเขานานนัก เพียงอายุได้สองขวบเศษๆ เธอก็ได้รับคำวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งสมองประเภทที่รักษาไม่ได้

สหธรเชื่อว่าวันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า วิทยาศาสตร์จะต้องก้าวหน้าไปจนถึงขั้นที่มนุษย์คิดค้นวิธีรักษาโรคนี้ได้ และเขาต้องการให้ลูกมีโอกาสได้มีชีวิตอีกครั้ง

ทางเดียวที่จะให้โอกาสนั้นแก่ลูกคือการเก็บรักษาอวัยวะไว้ในอุณหภูมิต่ำ (cryonics หรือ cryogenics)

 

เราได้เห็นเรื่องการแช่แข็งสิ่งมีชีวิตไว้ในหนังหลายเรื่อง ที่จำได้ดีคือ Forever Young (1992) ที่มีเมล กิบสัน เล่น และหนังไซไฟเกี่ยวกับการเดินทางในอวกาศอีกหลายต่อหลายเรื่อง ด้วยสมมุติฐานว่าการเดินทางในอวกาศกว่าจะไปถึงที่หมายอันไกลโพ้นนั้นต้องกินเวลาหลายสิบหลายร้อยปี ทางเดียวที่จะทำได้คือแช่แข็งผู้เดินทางไว้ โดยตั้งโปรแกรมให้หุ่นยนต์หรือคอมพิวเตอร์คอยดูแลไปก่อนในระหว่างการเดินทาง เพื่อปลุกมนุษย์ให้กลับฟื้นขึ้นมาใหม่เมื่อถึงจุดหมายหรือเมื่อมีเหตุจำเป็น โดยยังไม่แก่ตายไปเสียก่อน

ปัจจุบันมีองค์กรที่ดำเนินงานในรูปบริษัทหลายแห่งในโลก ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา รัสเซีย หรือจีน ที่ให้บริการด้านนี้

องค์กรที่สหธรเลือกใช้ชื่อ อัลคอร์ มีสถานที่ตั้งอยู่กลางทะเลทรายในรัฐแอริโซนาของสหรัฐอเมริกา และมีผู้บริหารคือ แมกซ์ มอร์ ซึ่งมีบทสัมภาษณ์อยู่ในหนังด้วย องค์กรนี้ดำเนินการในรูปมูลนิธิเพื่อขยายเวลาให้แก่ชีวิตคนมาตั้งแต่ ค.ศ.1972

สหธรปลูกฝังความเชื่อในวิทยาศาสตร์ไว้ในตัวเมทริกซ์ลูกชาย ซึ่งตั้งความหวังสูงสุดในชีวิตว่าความสำเร็จยิ่งใหญ่ของเขาคือการได้เห็นน้องสาวกลับมีชีวิตขึ้นใหม่ในช่วงชีวิตของเขา

และท่ามกลางการไม่เห็นด้วยของญาติผู้ใหญ่ในครอบครัวชาวพุทธที่สอนเรื่องอนิจจังอนัตตา และการปล่อยวาง นารีรัตน์ตกลงคล้อยตามความต้องการของสามี เพียงเพราะเขา “ขอ” เรื่องนี้จากเธอ

ครอบครัวตัดสินใจแช่แข็ง “สมอง” ของหนูไอน์ซไว้ในแท็งก์ที่หล่อด้วยไนโตรเจนเหลวในอุณหภูมิต่ำ โดยที่ครอบครัวแวะเวียนไปเยี่ยมได้เสมอ และสหธรบอกว่าเขาโชคดีที่มีบ้านของเพื่อนรักอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ตั้งของอัลคอร์นัก

และเมื่อสหธรถูกวิจารณ์ด้วยความเชื่อทางศาสนาว่าการกระทำเขาเป็นการกักขังวิญญาณของลูกไว้ไม่ให้ไปผุดไปเกิด เพียงเพราะเขาไม่อยากสูญเสียลูก จึงไม่อยากปล่อยให้แกไปตามทางของแก สหธรก็บอกเพียงว่า เขาไม่ได้ทำเพื่อตัวเขาเอง เพราะวิทยาการคงยังทำไม่ได้ในช่วงชีวิตเขา

แต่เขาทำเพื่อให้โอกาสลูกกลับมีชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง

 

หนังมีคลิปรายการสัมภาษณ์ของสื่อมวลชน อาทิ สรยุทธที่เชิญสหธรมาออกรายการหลังจากที่ครอบครัวเขาตกเป็นข่าวไปทั่วโลกจากการแช่แข็งมนุษย์ที่อายุน้อยที่สุดในโลก

แน่นอนว่าหนังมีเนื้อหาที่เปิดเวทีให้แก่การถกเถียงไปได้ไม่รู้จบ

หนังสารคดีเรื่องนี้ครอบครัวนำไปเก็บรวมไว้กับ “สมบัติ” ต่างๆ ที่หนูน้อยไอน์ซอาจจะถูกปลุกกลับคืนสู่ชีวิตใหม่ เพื่อจะได้รู้ที่มาและกำเนิดของตัว

ที่สำคัญคือได้รู้ว่าพ่อ-แม่รักแกมากขนาดไหน

ให้เป็นเหมือน “แคปซูลเวลา” (time capsule) ที่บรรจุเรื่องราวเพื่อบอกให้คนในอนาคตรู้เรื่องราวในอดีต

 

มาคิดๆ ดูแล้ว การเก็บรักษาร่างไว้เพื่อให้กลับคืนสู่ชีวิตในอนาคตอีกนี้ เป็นความฝันสูงสุดของมนุษย์ในเรื่องอมตภาพมาช้านานนับแต่อรุณรุ่งของอารยธรรมมนุษย์แล้ว ชาวอียิปต์โบราณซึ่งต้องนับว่าเป็นชนชาติที่มีวิทยาการสูงมากจนแทบไม่น่าเชื่อ ทำการดองศพเพื่อท้าทายกาลเวลา เก็บรักษาให้อยู่ยงคงกระพัน ด้วยความเชื่อว่าในอนาคตมัมมี่จะกลับคืนชีพขึ้นอีกครั้ง

เราคงไม่มีโอกาสได้รู้หรอกค่ะว่าหนูน้อยไอน์ซจะได้กลับมีชีวิตอีกครั้งหรือไม่อย่างไร เพราะแม้แต่เมทริกซ์ก็ได้รับรู้ว่า ณ กาลปัจจุบัน ด้วยความรู้ความสามารถของผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชา โอกาสที่จะ “ปลุก” สมองที่แช่แข็งไว้ให้กลับมาทำงานได้ใหม่มีเพียง 0.01 เปอร์เซ็นต์

แต่สิ่งหนึ่งที่ได้รับจากหนังเรื่องนี้คือ ความรักอันยิ่งใหญ่ของพ่อ-แม่ซึ่งบอกว่าอย่างไรๆ ก็ไม่สามารถทำใจ “ปล่อยวาง” ให้ลูกจากไปโดยไม่ได้ทำอะไรที่อยู่ในพิสัยที่ตัวเองทำได้…ตามความเชื่อของตัวเอง

และสหธรเชื่อว่า “วิทยาศาสตร์” จะเป็นคำตอบสุดท้าย