เรื่องสั้น | เมื่อวานนี้ของครอบครัวไฮ-เทค แห่งยุค “นิกส์”

หลายสิบปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว วันนี้ยุคแห่ง Technology กับ Innovation ไทยแปลว่า “นวัตกรรม” ผสมกลมกลืนเป็น TI หรือ IT ยิ่งมีระบบความเร็วทางการสื่อสารโทรศัพท์ปรับเป็นยุค 5 G หมายถึงระบบการสื่อสารทางโทรศัพท์ใช้คลื่นและไร้สาย ติดต่อสื่อสารกันรวดเร็วราวกับจรวด ดังที่ยุคสมัยของข้าพเจ้าว่า เร็วราวกับ “กามนิตหนุ่ม” ไม่ปาน

นั้นหมายถึงระบบคอมพิวเตอร์ปรับเปลี่ยนจาก 60-70 ปีที่ผ่านมา พัฒนาการไปอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่เคยปรับเปลี่ยนมาหลายยุคหลายสมัย กระทั่งจากความร่วมมือของกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ถึงวันหนึ่ง เกิดเป็นกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมใหม่ คือ “นิกส์” หรือ New Industry Country ขึ้นมา แล้วผ่านเลยไปสามสี่สิบปี ทำให้ข้าพเจ้าย้อนกลับไปนึกถึงยุคสมัยนั้นที่เคยบันทึกไว้

จึงขอนำมาเสนอ ณ ที่นี้ เป็นที่ระลึกถึงยุคสมัยหนึ่ง

ระหว่างคำว่า “นิกส์” ผ่านเข้ามาสู่การรับรู้ของคนไทย เราก็ต่างตีความแปลความกันไปคนละทางสองทาง ที่รู้กันอย่างเป็นทางการคือกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมใหม่ ย่อมาจากคำเต็มในภาษาอังกฤษ

“New Industry Country” หรือ “NICs” – นิกส์

เมื่อเกิดกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นมา สายตาของนักลงทุนก็พุ่งมายังประเทศไทยว่าควรจะพัฒนาประเทศเกษตรกรรมให้เป็นประเทศอุตสาหกรรมขึ้นมาได้อย่างไร

การจะเป็นประเทศอุตสาหกรรมได้ ประการสำคัญต้องมีวัตถุดิบที่สามารถสนองตอบการผลิต ซึ่งเราไม่มี หรือมีน้อย

สิ่งที่เรามีมากและค่าจ้างถูกกว่าเขาคือ แรงงาน

แรงงานของเรา หรือแรงงานของคนไทยเป็นแรงงานที่มีคุณภาพพอตัวทีเดียว

มิใช่เพียงในประเทศเท่านั้น ยังเดินทางออกไปเกือบจะเรียกได้ว่าทุกมุมโลกที่มีการใช้แรงงาน

ขณะเดียวกัน ในกลุ่มประเทศนิกส์ยังมีการส่งแรงงานของเขาออกเช่นเดียวกัน

เมื่อแรงงานซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชายเดินทางออกนอกประเทศ หรือเคลื่อนขบวนเข้ากรุงเทพฯ แล้วทยอยลงทะเลไปตามเรือตังเก ทั้งที่ไม่เคยเห็นทะเล ผู้หญิงและเด็กก็ต้องอยู่โยงเฝ้าบ้าน

ชีวิตในยุคไฮ-เทค เริ่มแหวกม่านตั้งแต่ทารกน้อยที่เพิ่งลืมตามองดูโลกวันนั้น

ไฮ-เทคไม่จำเป็นต้องหาคำในภาษาไทยมารองรับ เอาความหมายเป็นว่า “ไฮ” คือ สูง “เทค” มาจากเทคโนโลยี แปลว่าวิทยาการ เมื่อรวมเป็นคำเดียว แปลง่ายๆ คือวิทยาการชั้นสูง

แต่ความจริงแล้วคำคำนี้มีความหมายกว้างขวางออกไปแล้วแต่ใครจะนิยาม

ครอบครัวไฮ-เทคยุคนิกส์ เป็นครอบครัวที่เริ่มเกิดขึ้นมาทุกวัน วันละหลายๆ ครอบครัว

อย่างไม่รู้ตัว

อย่างไรไม่มีใครคาดคิด

และ…อย่างไม่มีใครหลีกเลี่ยง

เพราะสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของเทคโนโลยีทั้งสิ้น

เทคโนโลยีคืบคลานขยายตัวเป็นเท่าทวีคูณ จากเมืองหลวงสู่เมืองรอบๆ จากเมืองรอบๆ สู่เมืองเล็กๆ แล้วขยับเข้าสู่อุ้งมือที่ยื่นออกมารับอย่างรวดเร็ว

ครอบครัวไฮ-เทค จะว่าเป็นปัญหาก็เป็น จะว่าไม่เป็นปัญหาก็ใช่

สังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม มีชีวิตคลุกคลีกับการปลูกพืชผลด้วยเครื่องมือง่ายๆ ดินดำน้ำชุ่ม ไม่ต้องปลูก เพียงโยนเมล็ดพืชลงไปก็หยั่งรากลงลึกแทงหน่อขึ้นมา ไม่ช้าไม่นานได้กินผล ไม่ต้องทะนุบำรุงอะไรกับใครเขาหรอก

กรุงเทพฯ ย้อนหลังไปเมื่อยี่สิบปีก่อน ยังมีโอกาสเห็นสวนกลางกรุง เผลอๆ มีป่า…

ป่าไม้ ไม่ใช่ป่าคอนกรีต

ระบบเกษตรกรรมทุกอย่างไม่มีอะไรสลับซับซ้อน ขนาดตั้งโรงงานผลไม้กระป๋องขึ้นมาผลิตออกขายไม่ได้ เพราะมีผลหมากรากไม้กินทั้งปี อร่อยด้วย

แต่ส่งขายเมืองนอกกับเขาไม่ได้

เขาว่าไม่ได้มาตรฐานสินค้าที่เขาตั้งเอาไว้

เมื่อระบบเกษตรกรรมของบ้านเรามีเพียบพร้อมเรียบง่าย มาตรฐานของชีวิตจึงเรียบง่าย ไม่ได้มาตรฐานคนอื่น

ครอบครัวแต่ดั้งเดิมอยู่อย่างสบายๆ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย พี่ ป้า น้า อา ครบครัน คับคั่ง แม้ครอบครัวนั้นมีพื้นที่เพียงห้องสี่เหลี่ยมไม่ใหญ่นัก ยังอาศัยกันได้หลายคน พี่เมีย น้องเมีย พี่ผัว น้องผัว หลานข้างเมีย หลานข้างผัว อาศัยยัดทะนานกันอย่างนั้น เช้าแต่งตัวไปทำงาน ไปโรงเรียน ใครอยู่บ้านทำงานบ้าน ตั้งแต่เช้าจรดเย็น เย็นกลับมากินข้าวร่วมกัน

ยิ่งครอบครัวที่มีฐานะดีๆ ครอบครัวก็ยิ่งใหญ่ออกไป ยิ่งนัวเนียนับญาติกันแทบไม่ถูก

สมัยก่อนโลกดูกว้างใหญ่เหลือเกิน จะเดินทางไปไหนกันทีต้องใช้เวลาหลายๆ วัน เป็นเดือนๆ กว่าจะพบกันได้ทีต้องนัดกันแล้วนัดกันอีก

กว่าจะกลับบ้านต่างจังหวัดได้ต้องรอปิดภาคเรียน

ดูเหมือนว่าวงรอบของโลกจะสั้นลงด้วยการคมนาคมที่รวดเร็ว โดยเฉพาะยานพาหนะ

เดี๋ยวนี้กินโจ๊ก เลือดหมู ต้มเครื่องในวัว ที่ตลาดบางรักเช้ามืด แล้วไปกินข้าวกลางวันที่ลอนดอน แวะกินข้าวเย็น หรืออาหารค่ำที่ลอสแองเจลิส รุ่งขึ้นอีกวันกลับมากินโจ๊กที่ฮ่องกง ก่อนกลับเข้าร่วมประชุมภาคบ่ายที่เชียงใหม่ยังทัน

เมื่อคืนแยกย้ายกันตีสอง เพลพบกันถามว่า ไปไหนมา เพื่อนตอบว่า เพิ่งกลับจากเชียงใหม่ อะไรทำนองนั้น

ก็โลกเจริญอย่างรวดเร็วออกอย่างนี้ ครอบครัววันนี้ต้องเปลี่ยนแปลงเป็นครอบครัวที่ทันสมัย กะทัดรัด ในครอบครัวจะมีกันเพียง 3-5 คนเท่านั้น

พ่อ-แม่-ลูก (2 หรือ 3 คน) และแม่บ้านทำงานสารพัดอีก 1 คน

คือชีวิตครอบครัวที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บ้านพักบริเวณน้อยลง แล้วแต่ฐานะของครอบครัวนั้น

เป็นทาวน์เฮาส์ บ้านจัดสรร หรือห้องแบ่งเช่าชั่วคราว เมื่อพอจะมีรายได้เป็นเรื่องเป็นราว แฟลตการเคหะแห่งชาติเป็นที่พึ่งที่พิงที่ต้องการสำหรับผู้มีรายได้น้อย

ทุกวันนี้ คอนโดมิเนียมเริ่มราคาถูกลง หรือมีเอาไว้สนองตอบผู้มีรายได้ปานกลาง

ครอบครัวสมัยนี้ต้องทำงานทั้งผัวทั้งเมีย หารายได้มาเพื่อใช้จ่ายในครอบครัวอย่างแท้จริง

อาจมีเจียดไปบ้างเพื่อส่งให้พ่อ-แม่ของแต่ละคน แต่กับญาติพี่น้องคนอื่น กลายเป็นต่างคนต่างต้องเลี้ยงชีพกันเอง เว้นเสียแต่ว่าถึงคราวเดือดร้อนจริงๆ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ระบบเงินกู้ผ่อนสถาบันทางการเงินเกิดขึ้นมากมาย ผู้คนนิยมระบบผ่อนส่ง ระบบชำระหนี้ผ่านธนาคาร ดังนั้น ทุกคนจึงต้องพึ่งตัวเองผ่านสถาบันทางการเงินมากกว่าจะพึ่งพาญาติพี่น้องเหมือนแต่ก่อน

ชีวิตครอบครัวเริ่มเหมือนๆ กันทั่วโลก โดยเฉพาะในเมืองหลวง เมืองใหญ่ หรือเมืองอุตสาหกรรม เมืองท่า

หมายถึงครอบครัวเล็กอย่างที่ว่า และปัญหาของครอบครัวจะไม่แตกต่างกันมากสักเท่าใดนัก เป็นปัญหาเฉพาะตัวระหว่างพ่อ-แม่-ลูก ซึ่งไม่เหมือนแต่ก่อน มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง

ผู้ที่ชอบเข้ามาแทรกแซงยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในครอบครัวส่วนใหญ่มักเป็นผู้หวังดี เพื่อนฝูง ผู้ใกล้ชิด และเพื่อนบ้าน

ผู้หวังดีเหล่านั้นส่วนใหญ่มักมีความประสงค์ร้ายแฝงอยู่อย่างไม่รู้ตัว

หรือใครว่าไม่จริง

แต่เรื่องจริงที่ยิ่งกว่าจริง ปัญหาครอบครัวในยุคไฮ-เทคที่ก้าวไปสู่ครอบครัวความเป็นนิกส์ของประเทศไทยแห่งนี้ย่อมเกิดขึ้นจากตัวพ่อ-แม่-ลูกเองนั่นแหละ

เริ่มต้นตั้งแต่ผัว-เมียสองคนก่อน

ระยะเริ่มแรกของผัว-เมีย ต่างคนต่างทำมาหากิน ทำมาค้าขาย แล้วแต่ว่าใครจะทำงานอะไร บางคู่ทำงานที่เดียวกันด้วยซ้ำ แต่หลายคู่ทำงานกันคนละที่ คนละอาชีพ มีบ้างที่คนหนึ่งทำงานนอกบ้าน คนหนึ่งอยู่บ้านเลี้ยงลูก โดยเฉพาะฝ่ายเมีย

เรื่องของอาชีพแล้วแต่ว่าใครชอบอาชีพอะไร หรือมีความสามารถในอาชีพอะไร หรือแล้วแต่ว่าใครรับอาชีพอะไรสำหรับค่าตอบแทนเลี้ยงชีพชอบ บางคนเรียนมาอย่างหนึ่ง แต่มีงานทำอีกอย่างหนึ่ง ส่วนใหญ่คือรับราชการกับพนักงานรัฐวิสาหกิจ หรืองานเอกชนประเภทบริษัทขนาดใหญ่

สำหรับทั้งสองคนผัว-เมีย บางทีต้องพิจารณาว่าใครมีอาชีพอะไร เป็นที่ชอบใจของเราหรือไม่ เช่น อาชีพของผัวไม่เป็นเวล่ำเวลา แต่อาชีพของเมียเข้างานเช้าเลิกงานเย็น ของผัววันหยุดแทบไม่มีเป็นของตัวเอง แต่ฝ่ายเมียหยุดแน่นอน อย่างนี้ต้องระวังและต้องทำความเข้าใจกันให้ดี ไม่ว่าจะเป็นอย่างที่ว่า หรือตรงกันข้ามกับที่ว่า

ถ้าทั้งคู่ทำงานเป็นเวลาเหมือนกัน มักไม่ค่อยมีปัญหา เว้นแต่ว่า ฝ่ายชายชอบกลับบ้านไม่เป็นเวล่ำเวลา ชอบสรวลเสเฮฮากับเพื่อนแทบทุกเย็นทุกค่ำ แทบทุกวัน โดยเฉพาะเย็นวันศุกร์

อย่างที่ว่า หลายคู่ฝ่ายหนึ่งทำงานบ้าน อีกฝ่ายหนึ่งทำงานนอกบ้าน อย่างนี้ต้องระวังเหมือนกัน

เพราะโลกยุคไฮ-เทคนั้น อะไรต่อมิอะไรเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มัวแต่จับเจ่าอยู่ในบ้าน ไม่รู้ว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปถึงไหน ไม่รู้ว่าสังคมเขาพัฒนาไปถึงไหน วันหนึ่งต้องออกนอกบ้านจะเด๋อด๋ากระทั่งแทบจะไม่อยากออกไปอีก

หรือออกจากบ้านทุกคืนจนติด อย่างนี้บางทีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดคงเริ่มเบื่อหน่ายเหมือนกัน

ประกอบกับความคิด ข่าวสาร ที่รวดเร็วในยุคนิกส์อย่างนี้ ถ้าไม่เร่งทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน หรือไม่ยอมเข้าใจอะไรบ้างเลย ประเดี๋ยวเดียว ใบหย่าจะเกิดขึ้นง่ายๆ ง่ายยิ่งกว่าขับรถขึ้นทางด่วนเสียอีก

เอ๊ะ… ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกัน หย่ากับการขับรถขึ้นทางด่วนนั่นน่ะ

อ้าว… ก็ใครเขาว่าเกี่ยวกันล่ะ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเปรียบกับอะไรที่ง่ายๆ เท่านั้น

ยิ่งตอนมีลูก ทีนี้แหละ ครอบครัวไฮ-เทคมีเครื่องมือเครื่องใช้มาเลี้ยงลูกได้พอสมควร แต่การเลี้ยงเด็กเล็กไม่ใช่การรักษาเครื่องมือเครื่องใช้

ดังนั้น เครื่องมือที่จะใช้เลี้ยงลูกได้ดีที่สุดคือ “แม่” หรือเมียเรานั่นเอง

ครอบครัวที่ยังมียายมีย่า หรือพี่ป้าน้าอาว่างงานยังพออาศัยให้ช่วยเลี้ยงได้บ้าง

แต่ครอบครัวที่ญาติผู้ใหญ่ต่างคนต่างไม่ว่างงาน หรือว่างต้องไปเลี้ยงลูกให้ครอบครัวของลูกอีกคน อย่างนี้หากเลี้ยงเองไม่ไหว ต้องจ้างเขามาเลี้ยง

นี่คือปัญหาใหญ่ ปัญหาสำคัญ เพราะคนเลี้ยงเด็กสมัยนี้ยังไม่พัฒนาไปมากนัก แม้จะมีประเภทที่ได้รับการอบรมระดับผู้ช่วยพยาบาลมาบ้าง แต่ค่าจ้างค่าออนกินเงินเดือนของเราไปเกือบครึ่งเกือบค่อน

ทั้งเครื่องมือเครื่องไม้ยุคนี้ใช่เล่นเสียเมื่อไหร่ เด็กมาจากบ้านนอกคอกนาที่ไหนจะใช้จะเรียกเป็น ดีไม่ดีเกิดประเภทสั่งว่า อย่าลืมเอาแอปเปิลเข้าตู้เย็น ตกเย็นลูกแอปเปิลอายุ 3 เดือนตัวเขียวอยู่ในตู้เย็นเสียแล้ว

ระหว่างสังคมอุตสาหกรรมก้าวล้ำเข้ามาสู่สังคมเกษตรกรรม มีผู้วิตกกังวลกันมาก บ้างก็ว่าอย่าเพิ่งเปลี่ยนแปลงเป็นสังคมอุตสาหกรรมให้เร็วอย่างนั้นเลย รักษาการเกษตรเอาไว้บ้าง ถ้าจะเป็นอุตสาหกรรมควรรักษาเกษตรกรรมเอาไว้ด้วยกัน ผสมผสานระหว่างเกษตรกรรมกับอุตสาหกรรมให้เป็นสังคมเกษตรอุตสาหกรรมก่อนดีกว่า

ครอบครัวโดยทั่วไปคงมีสภาพไม่ต่างกันเท่าใดนัก อย่าเพิ่งรีบร้อนปรับเปลี่ยนชีวิตความเป็นอยู่ของสังคมครอบครัวเราเองให้ก้าวหน้าไปจนอีกข้างหนึ่งตามไม่ทัน อยู่ด้วยกันสามสี่คนพ่อ-แม่-ลูก อย่าได้รีบร้อนเห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง พึงระมัดระวังเอาไว้ มีสิ่งของเครื่องใช้หลายอย่างที่ยังรับใช้เราได้ดี มีคุณค่า และใช้ได้คุ้มค่าคุ้มราคา ใช้กันไปก่อน

เพราะเครื่องมือเครื่องใช้ปัจจุบันหลายอย่างมีที่เราไม่ได้ใช้ ดูแต่โทรศัพท์สำนักงานนั่นปะไร สามารถใช้งานได้หลายอย่างหลายประการ แต่เราใช้เพียงติดต่อภายนอกภายในเท่านั้น แทบไม่มีใครใช้บันทึกหรืออื่นใด นอกเหนือหรือเท่าที่มีมากมายนั้นเลย เป็นความสัตย์

เช่นเดียวกับครอบครัวไฮ-เทคแห่งยุคนิกส์ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องคำนึงถึงความกะทัดรัดของทั้งครอบครัวและค่าใช้จ่าย

อะไรที่ควรจ่าย และควรมีเก็บเอาไว้บ้าง เผื่อให้รางวัลกับบางวันของชีวิตครอบครัว

ไม่ต้องรอจนมีลูกดอก ว่ากันตั้งแต่เริ่มแรกของการมีครอบครัววันแรกนั่นแหละ ฮันนีมูน ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ให้ชุ่มฉ่ำสามวันห้าวัน หรือสัปดาห์หนึ่ง แล้วแต่กำลังเงินและเวลาการงาน

หลังจากนั้น ปีละครั้งครึ่งครั้งอย่าได้ละเลย

เมื่อมีลูกเริ่มแข็งแรงพอ สัก 3 เดือน สามารถพาออกนอกบ้างตามลำพัง 3 คนได้แล้ว หาเวลาพาออกไปเยี่ยมพ่อตาแม่ยาย หรือพาไปที่ไหนบ้าง เป็นการดีทั้งนั้น

ความสุขที่พึงมีพึงได้ตรงนี้แหละจะยืดชีวิตครอบครัวแห่งยุคที่อะไรต่อมิอะไรดูรวดเร็วไปหมดให้บันยะ บันยัง ให้ชะลอปัญหาเพื่อแก้ปัญหา หรือขจัดปัดเป่าปัญหาที่เข้ามามารบกวนชีวิตครอบครัวได้เป็นอย่างดี

แล้ววันที่มีความหมายต่อชีวิตคู่ก็อย่าลืมเสียเล่า

ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย ง่ายๆ เพียงแต่อย่าลืมเท่านั้น แทบเรียกว่าเพียงพอแล้ว

โลกยิ่งแคบลงเท่าใด ความคิดของคนเรายิ่งกว้างขวาง และเข้าใจอะไรง่ายขึ้น

ไม่เชื่อผมแล้วจะเชื่อใคร

เห็นไหมล่ะ เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่สิบปี ดีว่าวันนี้ลูกโตเป็นหนุ่มเป็นสาวมีงานการทำแล้ว

ไม่อย่างงั้น คงต้องวุ่นตามหาลูกในวงชุมนุมชูสามนิ้วกับเขา วันแล้ววันเล่ากระมัง